เหล่าปีศาจภูเขาเพิ่งจะตามเข้ามาในถ้ำ พอได้ยินเสียงตะโกนของหลิ่วเซิงก็ร้องโวยวายอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง “หลิ่วเซิง! เจ้ามันไร้ยางอายสิ้นดี แย่งความชอบไปอีกแล้ว! ไต้อ๋องขอรับไต้อ๋อง เป็นพวกเราต่างหากที่จับนางมาได้!”
“รอให้ข้าไต้อ๋องได้ดูก่อน” ท่ามกลางเสียงเอะอะก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ฟังแล้วพลิกพลิ้วเย็นใจประหนึ่งเสียงหยกกระทบดังสะท้อนก้องไปทั่วขุนเขา
หลิ่วเซิงเดินนำหน้าออกมาก่อน มือข้างหนึ่งเลิกม่านแพร มืออีกข้างผายออกในท่าเชื้อเชิญ ผู้ที่เดินออกมาจากด้านหลังเป็นบุรุษผู้มีดวงหน้าขาวหมดจดริมฝีปากสีแดงชาด คิ้วตาหยาดเยิ้มทอดไมตรี อาภรณ์สีขาวกระจ่างเหนือกว่าหิมะ เรือนผมดุจเส้นไหมสีเงินทั้งศีรษะตรึงไว้ด้วยปิ่นหยก ทิ้งปลายผมยาวระอยู่เบื้องหลัง ยามเดินเหินจึงแกว่งไกวราวกับพวงหางสีเงินเส้นหนึ่งทิ้งตัวลงมา
ชั่วขณะหนึ่งเฟิงจงถึงกับยากจะจำแนกได้ว่าเขาเป็นบุรุษหรือสตรี นางจำต้องมองซ้ำอยู่หลายครา
“เป็นแม่นางน้อยผู้นี้เองหรือ” ไต้อ๋องผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้ ลูบปลายคางพลางพยักหน้าติดๆ กัน “ไม่เลวเลย ไม่เลว”
เฟิงจงสูดได้กลิ่นปราณเซียนอันลึกล้ำและบริสุทธิ์จากบนร่างของเขา ทว่าในนั้นยังเจือกลิ่นอายของจิ้งจอกด้วยเล็กน้อย น่าจะเป็นเซียนจิ้งจอกที่มีตบะสูงส่งผู้หนึ่ง แต่ก็น่าแปลกที่กลิ่นอายจิ้งจอกเมื่อเทียบกับปราณเซียนของเขาแล้วกลับดูเบาบางเสียเหลือเกิน เบาบางเสียจนไม่คล้ายผู้ที่ถือกำเนิดในเผ่าจิ้งจอก ทว่าความรู้สึกนี้กลับดูคล้ายกลิ่นอายที่นางสูดดมได้ในอาคมมายาขณะเพิ่งเข้าสู่แดนฮุ่นตุ้น
เฟิงจงตระหนักได้ในทันที “ประเสริฐนัก! ที่แท้เจ้าก็คือเซียนจิ้งจอกที่ทำให้ข้าต้องอาคมจิ้งจอกพราวเสน่ห์!”
ไต้อ๋องเซียนจิ้งจอกเอ่ยปนยิ้มเย้า “ที่ข้าไต้อ๋องวางอาคมมายาไว้บริเวณทางเข้าระหว่างพิภพมนุษย์ก็เพื่อป้องกันพวกไม่รักษากฎเกณฑ์ลอบบุกรุกเข้ามา และผู้ที่จะถูกอาคมจิ้งจอกพราวเสน่ห์ได้นั้นย่อมต้องคิดฟุ้งซ่านอยู่แต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างบุรุษสตรีทั้งวัน จุ๊ๆ ที่แท้แม่นางน้อยก็หมกมุ่นถึงเพียงนี้!”
เขาพูดพลางเดินอ้อมไปถึงเบื้องหลังของเฟิงจง มองปราดเดียวก็เห็นรูโหว่บนอาภรณ์สวรรค์รูนั้นจึงส่ายหน้ากล่าว “ดูสิ เจ้ายังอวดผิวกายด้วย!” เขาพูดพลางยกมือสะบัดหนหนึ่ง อาภรณ์สวรรค์ก็คืนสู่สภาพเดิมแล้ว
เฟิงจงถูกเขาตอกหน้าเสียจนพูดจาไม่ออกทีเดียว
หลิ่วเซิงยิ้มตาหยีขณะยื่นหน้ามาสอบถาม “ไต้อ๋อง แม่นางน้อยผู้นี้มีร่างอายุวัฒนะ ที่ท่านจับตัวนางเพราะตั้งใจจะตกรางวัลให้พวกข้าน้อยทั้งหลายได้กิน หรือจะเก็บไว้อิ่มเอมเพียงลำพังเล่าขอรับ”
เหล่าปีศาจภูเขาที่อยู่ด้านข้างต่างน้ำลายยืดย้อยอย่างไม่อาจห้ามไว้ได้
ไต้อ๋องเซียนจิ้งจอกเหลือกตาใส่เขา “เจ้าโง่ยิ่งนัก นี่คือมนุษย์เชียวนะ รู้หรือไม่ว่าหายากเพียงใด! กินเข้าไปนับว่าสิ้นเปลืองแล้ว ย่อมต้องเลี้ยงดูเอาไว้สิ”
“หา?” หลิ่วเซิงตะลึงงัน
ไต้อ๋องเซียนจิ้งจอกคลี่ยิ้มอ่อนโยนประดุจสายน้ำ ก่อนเอ่ยวาจาแนบข้างหูเฟิงจง “แม่นางน้อย นับแต่โบราณมาพวกข้าก็อาศัยปราณมนุษย์เพื่อยังชีพ บัดนี้จนใจเหลือเกินที่มนุษย์สาบสูญกันไปหมด ทำให้ข้าไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากปราณมนุษย์มาเนิ่นนานแล้ว แม้เจ้าจะเป็นหญิงที่ไม่ค่อยเรียบร้อยนัก ทว่าอย่างน้อยก็เป็นมนุษย์ตัวเป็นๆ อยู่ ดังนั้นต่อไปเจ้าก็อยู่ข้างกายข้าเถอะ ข้าไต้อ๋องจะเลี้ยงดูเจ้าเองดีหรือไม่”
“ไต้อ๋องโปรดใคร่ครวญด้วยเถิด!” เหล่าปีศาจภูเขาต่างก็ร่ำไห้ทรุดฮวบกันเป็นแถบๆ ร่างอายุวัฒนะอยู่ตรงหน้าเช่นนี้แล้ว แต่กลับทำได้แค่มองไม่อาจกินเสียนี่ ไต้อ๋องมิใช่กำลังทิ่มแทงดวงใจของพวกมันอยู่หรือ!
เฟิงจงแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชา “เกรงว่าเจ้าจะรับพลังปราณของข้าได้ไม่ไหว”
“ไม่เต็มใจ?” ไต้อ๋องเซียนจิ้งจอกขบคิดอย่างจริงจัง “ถ้าอย่างไรเจ้าเป็นฝ่ายเลี้ยงดูข้าไต้อ๋องก็ได้นะ”
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 28 ต.ค. 62)