“ชือพู!” ไสหัวไปซะ!
เหล่าปีศาจภูเขาไม่เห็นเจ้าตัวจ้อยนี่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ต่างกลัวจะรั้งท้ายรีบแย่งกันถาโถมเข้าใส่เฟิงจงในทันที
ท่อนกระดูกสีขาวในมือเฟิงจงพอเหยียดออกก็แทงถูกปีศาจภูเขาตนหนึ่ง นางรีบกลิ้งเรี่ยกับพื้นหลบออกจากวงล้อมแล้วยืดกายลุกขึ้น ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่ามีเงาร่างหนึ่งปรากฏวาบขึ้นที่ข้างกาย จากนั้นมือข้างหนึ่งก็ลูบคลำมาที่ข้างเอวของนาง เฟิงจงหันขวับไปก็เห็นบนนิ้วมือของหลิ่วเซิงเกี่ยวถุงฟ้าดินของนางไว้พลางหมุนควงไปมา
“ของดีนะนี่ หากนำของสิ่งนี้ไปถวายแด่ไต้อ๋อง ข้าจะต้องเป็นที่โปรดปรานอย่างแน่นอน”
ปีศาจภูเขาตนหนึ่งร้องโวยวาย “หลิ่วเซิงเจ้าแย่งความชอบอีกแล้ว! ความโปรดปรานของไต้อ๋องถูกเจ้าแย่งไปหมดผู้เดียวแล้ว!”
“ก็ใครใช้ให้พวกเจ้าไร้ความสามารถเล่า” หลิ่วเซิงเก็บถุงฟ้าดินอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ทว่าจู่ๆ สีหน้าก็พลันเคร่งขรึม เขาเงยศีรษะขึ้นมองปราดเดียวแล้วรีบเอ่ยกับเหล่าปีศาจภูเขา “ช่างเถอะ แม่นางน้อยผู้นี้ยกให้พวกเจ้าก็แล้วกัน ข้าจะไปมอบของวิเศษแด่ไต้อ๋องก่อน” พูดจบเขาก็เร่งรุดจากไปไกล ไม่ทันไรเงาร่างก็หายลับไปในส่วนลึกของป่าทึบแล้ว
เฟิงจงไล่ตามไปทันที ทว่าถูกเหล่าปีศาจภูเขารุมล้อมขวางทางที่นางจะมุ่งไป ทั่วร่างของนางจึงขึงเกร็ง เตรียมพร้อมที่จะสู้ให้ถึงที่สุด ทว่าทันใดนั้นนางก็สูดได้กลิ่นอายเซียนขุมหนึ่งซึ่งแฝงด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายบางเบา
พอเงยหน้าขึ้นนางก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งร่อนพลิ้วลงบนยอดไม้แล้ว เรือนผมของเขายาวสลวย เงาร่างที่ย้อนแสงนั้นมองปราดแรกดูคล้ายเงาของซีกวงอยู่หลายส่วน เพียงแต่อาภรณ์สีแดงที่สะดุดตายิ่งยวดนั้นต่างกับซีกวงมากนัก
“ใครอนุญาตให้พวกเจ้ามาก่อเรื่องในถิ่นข้า”
เหล่าปีศาจภูเขามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะมีพวกมันตนหนึ่งร้องขึ้นว่า “ต้องเป็นเจ้าหนูชุดแดงที่ทำร้ายหลิ่วเซิงเป็นแน่!”
“เจ้าอันธพาลบ้าบิ่น! ที่นี่ล้วนเป็นถิ่นไต้อ๋องของพวกเรา เจ้าบังอาจยึดภูเขาแล้วตั้งตนเป็นผู้ปกครองเชียวหรือ” เหล่าปีศาจภูเขาฉุนเฉียวเป็นการใหญ่ พากันน้าวคันศรเล็งไปที่ยอดไม้
บุรุษผู้นั้นกระโดดเบาๆ เพียงหนเดียวก็ร่อนลงเบื้องหน้าเฟิงจงแล้ว รอจนเขายืดกายตรงจึงค่อยเผยให้เห็นภาพวาดม้วนหนึ่งที่สะพายอยู่บนแผ่นหลัง เขาพลิกมือไปกุมด้านบนของแกนม้วนภาพ แล้วชักกระบี่หนึ่งเล่มออกมาจากด้านใน ปราณเซียนเอ่อท้นไปทั่วทิศ เพียงวาดขวางออกไปหนึ่งกระบี่ สายธนูของเหล่าปีศาจภูเขาก็ขาดสะบั้นลง
“นับจากวันนี้ไป รัศมีร้อยหลี่ของที่นี่ล้วนเป็นถิ่นของข้าฟางจวินเยี่ยแล้ว”
เหล่าปีศาจภูเขาหวาดผวาอย่างหนัก พวกมันหันขวับแย่งกันหนีเตลิดราวกับกลัวจะรั้งท้าย “รีบไปรายงานไต้อ๋องเร็วเข้า!!!”
ด้วยร้อนใจเป็นห่วงหุ่นเวทที่อยู่ในถุงฟ้าดิน เฟิงจงจึงรีบติดตามไป ทว่าพลันได้ยินบุรุษผู้นั้นเอ่ยถามขึ้นก่อน “เจ้าใช่เมล็ดพันธุ์น้อยที่ซีกวงพูดถึงหรือไม่”
ในใจนางกระตุกวูบ ชะงักฝีเท้าทันที “เจ้าก็คือผู้ที่ซีกวงบอกว่าจะมาสนับสนุนข้าอย่างนั้นหรือ”
บุรุษผู้นั้นเก็บกระบี่ใส่คืนแกนม้วนภาพด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าฟางจวินเยี่ย รอเจ้าอยู่นานแล้ว”
เฟิงจงมุ่นคิ้ว “ข้าชื่อเฟิงจง”
ฟางจวินเยี่ยผงกศีรษะ “รู้แล้ว ไปกันเถอะเมล็ดพันธุ์น้อย”
“…”