บทที่เจ็ด
คทาหม่อนมังกรไม่ได้สัมผัสผู้เป็นนายมานานมากแล้ว ทันทีที่ปรากฏขึ้นมาในรอบหลายพันปีก็ได้อาบโลหิตแห่งปราณชีวิต หากมิใช่เฟิงจงเป็นมนุษย์ เกรงว่าพลังของมันคงต้องยิ่งใหญ่กว่านี้แน่
ทุกชีวิตริมทะเลเขี้ยวพิโรธล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายรอบด้าน
อวี้ถูเงยหน้ามองฟ้า ขณะที่ปราณชีวิตของเถาวัลย์กดดันคุกคามหมายบีบให้ญาณของเขาออกไปจากร่างนี้ น้ำเสียงของเขาก็เริ่มไม่มั่นคงแล้ว “เฟิงจง ข้าหวังเหลือเกินว่าเจ้าจะไม่มีวันถูกพวกเขาหาพบ น่าเสียดายนักที่เจ้ายังคงชักนำพวกเขามาจนได้”
เฟิงจงไม่พูดไม่จา หน้าผากผุดพรายด้วยหยดเหงื่อที่เล็กละเอียด
“หวังว่าเจ้าจะไม่ยืมวิสุทธิ์โลหิตของพวกเขามาบำเพ็ญเซียนหรอกนะ” เสียงของอวี้ถูค่อยๆ เคลื่อนไกลออกไป พร้อมกันนั้นสีฟ้าเรื่อในสองตาของเซวียนชิงก็เริ่มเลือนหาย หวนคืนสู่ความว่างเปล่าเลื่อนลอยเช่นเดิม
หัวใจที่คล้ายมีเชือกเอ็นขึงตึงอยู่พลันคลายลง เฟิงจงทรุดนั่งลงกับพื้น ญาณของอวี้ถูช่างกล้าแข็งเหลือเกิน เมื่อครู่นางเพียงแต่ฝืนประคับประคองไว้เท่านั้น เกรงว่าหากเวลานานออกไปอีกนิด นางก็คงต้องปราชัยย่อยยับแล้ว
จวบจนตอนนี้ฉยงฉีถึงค่อยเข้ามาใกล้ หลังจากถูกร่ายอาคมแปลงกายมันก็อ่อนแรงอยู่บ้าง ศีรษะลู่ตกอย่างเซื่องซึม
ถูซานสือฟางพาเซวียนชิงมาถึงเบื้องหน้า ก่อนจะพยุงนางไว้พลางกล่าว “ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะจะรั้งอยู่นาน”
เฟิงจงผงกศีรษะเห็นพ้อง หยิบถุงฟ้าดินออกมาบรรจุเซวียนชิงกับแจกันหยกสีน้ำเงินลงไปแล้วใส่เข้าไปในอกเสื้อ มือข้างหนึ่งอุ้มฉยงฉีขึ้นมา มืออีกข้างก็ใช้คทาหม่อนมังกรพยุงกายไว้ รู้สึกว่าใต้ฝ่าเท้าตนเองล่องลอยไม่มั่นคง
ยามที่ถูซานสือฟางเพิ่งเรียกก้อนเมฆมาถึง เตรียมจะพยุงเฟิงจงขึ้นไปก็รู้สึกได้ถึงพลังกระบี่สายหนึ่งจู่โจมมาจากทางด้านหลัง เขาซัดพลังฝ่ามือออกไปสกัดอย่างทันท่วงที นางถึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
“ส่งมอบเซวียนชิงออกมา!” จื่ออินที่ปลีกตัวจากเพลิงภูตของอวี้ถูมาได้แล้วนั้นมีสภาพปานคลุ้มคลั่ง สองตาล้วนสาดประกายสีแดง
ถูซานสือฟางรีบบังร่างเฟิงจงไว้ด้านหลัง ก่อนโบกมือก่อลมพายุออกไปอีกระลอก
จื่ออินถูกพัดจนเซถอยไปอย่างต่อเนื่อง พอเริ่มจะยืนได้มั่นคงก็ตวัดกระบี่รุกมาอีกรอบ ปากพลันตวาดกร้าวว่า “ปีศาจจิ้งจอก กล้ามาขวางข้าล้างแค้นเชียวหรือ!”
“เจ้าเฒ่าสารเลว! เจ้าน่ะสิที่เป็นเทพมาร ยังมีหน้ามาด่าข้าไต้อ๋องอีก” ถูซานสือฟางม้วนแขนเสื้อขึ้น ก่อนประกบสองมือจุดอัคคีจิ้งจอกอันโชติช่วงแล้วสะบัดไปหาอีกฝ่าย
จื่ออินพลันถูกอัคคีจิ้งจอกโอบล้อมเอาไว้ ขณะที่ตวัดกระบี่ต่อต้านอย่างฉุนเฉียว หางตาก็เหลือบไปเห็นว่าแม่นางน้อยผู้นั้นกำลังจะก้าวขึ้นก้อนเมฆไปแล้ว จื่ออินจึงฝ่าออกไปทันทีโดยไม่พะวงเรื่องบาดเจ็บอีก ทางหนึ่งกดข่มอาการปวดแสบอันยิ่งยวดที่เกิดจากไฟแผดเผา อีกทางก็ตะเบ็งเสียงลั่น “มนุษย์ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ หากวันนี้เจ้าไม่ส่งมอบเซวียนชิงออกมา ข้าจะทำให้ศพเจ้าแหลกเป็นหมื่นชิ้นแน่นอน!”