เซวียนชิงเป็นร่างที่ห้าของซีกวง ซึ่งก็คือร่างล่าสุดที่เขาสร้างขึ้นใหม่เมื่อประมาณสี่ร้อยกว่าปีก่อน ซีกวงใช้งานเซวียนชิงมากกว่าร่างอื่นๆ เพราะเทพน้อยที่ไม่สะดุดตาผู้หนึ่งจะไปที่ใดก็ล้วนง่ายดายยิ่งนัก
เดิมทีร่างแบ่งภาคก็มิได้ถือกำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อเคลื่อนไหวอยู่เบื้องนอกเป็นเวลานานโดยปราศจากดวงจิต ร่างย่อมจะสูญเสียปราณวิเศษไป มีเพียงต้องพักผ่อนถึงจะฟื้นฟูคืนมาได้ ซีกวงจึงผนึกเซวียนชิงเข้าสู่น้ำแข็งวิญญาณ สุดท้ายหลังพินิจใบหน้าที่หลับใหลนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซีกวงก็ลูบคางตนเองอย่างรู้สึกขบขัน “นี่ข้าจะเอาชนะตนเองให้ได้จริงๆ หรือ”
เมื่อออกจากใจกลางภูเขามาแล้ว หลงต้ากับหลงเอ้อร์ก็ยังไม่กลับมา ซีกวงรีบรุดกลับพิภพมนุษย์โดยไม่รั้งรอ ระหว่างทางที่ผ่านด้านนอกของประตูสวรรค์ทักษิณ เขาพบว่าเทพเซียนที่ไปยังพิภพเบื้องล่างกลุ่มนั้นล้วนกลับมากันแล้ว ทว่าไม่รู้เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ละคนถึงได้ชักอาวุธออกมาต่อสู้กันที่หน้าประตูใหญ่ ท่ามกลางเงากระบี่ประกายดาบ เจ้ารุกมาข้าโต้กลับ บังเกิดเป็นเสียงดังเอ็ดอึงไปทั่วบริเวณ
ขุนพลพิทักษ์ประตูเข้าไปห้ามปรามอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ซ้ำยังถูกซัดจนต้องล้มลุกคลุกคลานหนีออกมาด้วย
ซีกวงยื่นมือไปพยุงขุนพลพิทักษ์ประตูขึ้นมา แล้วพาเขาถอยหลบมาจนถึงข้างเสาประตู “นี่มันอะไรกัน”
ด้วยเสียงที่อื้ออึงยิ่งนัก ขุนพลผู้นั้นจึงต้องตะเบ็งเสียงตอบซีกวง “ไม่รู้ว่าเป็นข่าวมาจากที่ใด บอกว่าบัดนี้จ่งเสินเป็นมนุษย์ธรรมดา ผู้ใดในพิภพสวรรค์มีพลังตบะสูงสุด ผู้นั้นก็สามารถใช้วิสุทธิ์โลหิตของตนช่วยจ่งเสินชะล้างความเป็นมนุษย์ฟื้นฟูความเป็นเทพได้ และยังจะได้สืบทอดทายาทของตนเองด้วย พวกเขาจึงต่อสู้เพื่อประลองฝีมือกันขอรับ!”
ซีกวงตะลึงงันอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขารู้ได้อย่างไรว่าเฟิงจงต้องการยืมวิสุทธิ์โลหิตมาบำเพ็ญเซียน
สภาพอากาศในพิภพมนุษย์ยังคงปั่นป่วนยิ่ง ขณะที่เฟิงจงนั่งยองล้างหน้าล้างมืออยู่ที่ริมบึง จู่ๆ อากาศก็แปรปรวน ลมกระโชกม้วนเข้าสู่หุบเขา ส่งผลให้เศษหินถูกกวาดร่วงพรูลงมาจากบนหินผาทั้งสองฟากอย่างต่อเนื่อง นางเองก็ถูกพัดจนร่างโงนเงน ต้องรีบใช้คทาหม่อนมังกรพยุงกายเดินไปทางข่ายอาคม ภายในนั้นไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย กระทั่งเปลวไฟก็ยังไม่สั่นไหวสักวูบเดียว
ยามที่เท้าข้างหนึ่งเพิ่งจะก้าวเข้าไปในข่ายอาคม นางก็ได้ยินเสียงกึกก้องดังขึ้นบนยอดเขาฝั่งตรงข้าม พริบตาต่อมาทั้งแผ่นดินและภูผาก็สั่นสะเทือน นางรีบแหงนหน้ามองไปก็พบเงาดำมหึมาร่างหนึ่งนั่งยองอยู่ตรงนั้น ในสายลมกำจายไปด้วยกลิ่นอายของวิญญาณร้ายที่แผ่ออกมาจากร่างของมัน
สิ่งนี้นางรู้จัก…มันคือภูตยักษ์ที่กลายร่างมาจากวิญญาณชั่วร้ายในขุนเขาจนมีขนาดที่ใหญ่โตมาก เป็นขุนพลภูตที่อวี้ถูไม่ค่อยส่งออกมาใช้งานง่ายๆ
ตัวบัดซบนี่ไม่ยอมให้นางได้ผ่อนคลายสักชั่วครู่จริงๆ นางเพิ่งจะย่างเท้ากลับถึงพิภพมนุษย์ มันก็แกะรอยตามมาติดๆ แล้ว
นางรีบหลบเข้ามาในข่ายอาคม ก่อนเตะหนึ่งเท้าใส่ฉยงฉีที่ยังเอาแต่กินอย่างบ้าคลั่ง
ภูตยักษ์กระโจนลงมาแล้ว มันใช้เท้าเพียงข้างเดียวก็เหยียบบึงน้ำได้ทั้งบึง และทำให้น้ำกระฉอกสูงขึ้นมาได้หลายจั้ง ฉยงฉีตกใจจนกระโดดโหยง เกร็งลำตัวอย่างระแวดระวัง แยกเขี้ยวที่ยังไม่นับว่าแหลมคมออกมา
ข่ายอาคมไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ แต่ไม่ใช่กับดวงตาของวิญญาณร้ายนี้ ดังนั้นภูตยักษ์จึงพุ่งตรงมาทันที ก่อนกระแทกเข้ากับข่ายอาคมจนบังเกิดเสียงดังลั่นขึ้น บนตัวข่ายอาคมถูกแรงดีดสะท้อนจนปรากฏริ้วลายให้เห็นดุจวงน้ำ