เมื่อมาถึงตำหนักบรรทมของเฉิงจิ่น นางกำนัลก็เข้าไปรายงาน เฉิงจิ่นสนิทสนมกับเฉิงตั๋วมาตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากันจะมีแต่เรื่องสนุกเสมอ แต่เมื่อนางนึกถึงตงฟางฮู่ผู้น่ารังเกียจที่เฉิงตั๋วเป็นคนพากลับมา โทสะก็เต็มแน่นอยู่ในอกไม่มีที่ระบาย จึงกล่าวกับเหยาเสียนสาวใช้รุ่นใหญ่ของตนว่า “เจ้าไปบอกกับท่านอ๋องว่าข้าเมามายเล็กน้อย เพิ่งจะอาบน้ำนอนไปแล้ว”
เหยาเสียนออกมาถ่ายทอดคำพูดแก่เฉิงตั๋วตามคำสั่ง เฉิงตั๋วจึงได้แต่เอ่ยกำชับนางสั้นๆ แล้วกลับออกมา
ยามที่เฉิงตั๋วกลับมา งานเลี้ยงก็เลิกราแล้ว ตงฟางกำลังรอตนอยู่ ทั้งสองคนเดินทางกลับจวนจิ้งหย่วนอ๋องด้วยกัน ตงฟางไม่พูดอะไรตลอดทาง นิ่งเงียบเย็นชา เฉิงตั๋วประหลาดใจ เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋องจึงเดินเป็นเพื่อนไปถึงตำหนักที่เขาพักอาศัยอยู่ ครั้นเห็นเขายังคงไม่พูดอะไรจึงคิดจะเปิดปากถาม ขณะนั้นตงฟางกลับเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านอ๋องทรงเดินทางกลับมาแต่ไกล ไม่เสด็จไปบรรทมกอดหญิงงาม มายืนอยู่ที่ตำหนักทางด้านนี้ทำไมกันหรือ”
เฉิงตั๋วได้ยินน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของเขา ก็พูดด้วยความประหลาดใจ “วันนี้ข้าดวงซวยอะไรกันหนอ จึงถูกคนรังเกียจไปทั่ว”
ตงฟางเดินไปนั่งที่โต๊ะด้านใน รินน้ำชาถ้วยหนึ่งให้ตัวเอง เฉิงตั๋วพูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้า “ช่างเถิด เอาตามที่เจ้าว่า” ทว่าเดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมา “ข้าจะให้เจ๋อซิวมาอยู่ที่นี่ เจ้ามีธุระอะไรก็สั่งเขาได้”
ตงฟางขานรับ “พ่ะย่ะค่ะ”
เฉิงตั๋วจึงเดินจากมา เขาเดินออกจากห้องรับแขกตรงไปที่ตำหนักกลาง ตลอดเส้นทางรู้สึกเพียงรอบด้านเงียบสงัด แสงจันทร์งดงาม สายลมโชยพัด จู่ๆ เฉิงตั๋วก็รู้สึกว่าจวนอ๋องแห่งนี้แปลกปลอมนัก มีบางคราที่เขาอาจปลดปล่อยตัวเอง ทว่าไม่มีวันมั่วโลกีย์ไร้ขอบเขต กลับกันยังเข้มงวดกับตัวเองยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการปลดปล่อยทางกายหรือทางจิตใจก็ล้วนไร้ประโยชน์ การกระทำที่มากเกินไปยิ่งทำให้รู้สึกอ้างว้าง เขากลับมาเมืองหลวงน้อยครั้งนัก เวลาที่อยู่จวนอ๋องก็มักจะกินนอนอยู่ในห้องหนังสือ ในสายตาเขา สตรีส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เหมือนกัน เจ้าอารมณ์เมื่ออยู่ใกล้ แค้นเคืองเมื่ออยู่ไกล ส่วนสตรีที่ฐานะต้อยต่ำไม่มีทางล้ำเส้น ไม่ต้องรับมือ สามารถโยนทิ้งได้ตามใจ
เหล่าชายารองที่บอบบางสูงศักดิ์ เขาแต่งพวกนาง แล้วก็แต่งอำนาจของตระกูลพวกนางด้วย ครอบครัวของพวกนางกับตัวพวกนางเอง ไม่มีผู้ใดไม่คาดหวังว่าจะได้ครอบครองพื้นที่ในใจเขา เมื่อมีความคิดเช่นนี้ก็ยากที่จะไม่มีแผนการ ตั้งแต่ในวังหลวงจนถึงจวนอ๋อง เหล่าสตรีล้วนเข้มแข็ง เด็ดขาด อำมหิตยิ่งกว่าเปลือกนอกของพวกนางมากนัก แม้นี่จะเป็นสัญชาตญาณเอาตัวรอด ทว่ากลับเกินขอบเขตได้ง่าย ผู้ที่ยืนอยู่นอกสถานการณ์อาจสามารถชื่นชม แต่บุรุษที่อยู่ด้านในไม่มีวันตกหลุมรักได้ลง
และกับเฉิงตั๋ว เขาถึงขั้นเรียกได้ว่ารังเกียจถึงที่สุด ความรังเกียจเช่นนี้มีมานานแล้ว ความแค้นบางอย่าง สุดท้ายอาจจะสลายไป แต่ความเสียดายบางอย่างกลับไม่มีวันได้รับการชดเชย
เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าจิ้งหย่วนชินอ๋องเก่งกล้าในการรบ ทว่ากลับไร้ซึ่งทายาท ชายาเอกเซียวซื่อของเขาตายจากไปเพราะคลอดยาก แม่ลูกจากไปทั้งคู่ อนุของเขาก็มีบ้างที่ตั้งครรภ์ ทว่าล้วนแท้งกันไปหมด ส่วนชายารองเซี่ยซื่อเคยมีบุตรชายคนหนึ่ง แต่ยามที่เด็กน้อยอายุได้หนึ่งขวบก็จากไป ดังนั้นจึงเริ่มเกิดข่าวลือขึ้นมา ล้วนพูดกันว่าเป็นเพราะเขาทำสงครามมากเกินไป กลิ่นอายสังหารหนักหนาเกินไป ดังนั้นสวรรค์จึงลิขิตให้ไร้ทายาท
เฉิงตั๋วเพียงยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ใส่ใจ หากไม่มีสงคราม ความสงบสุขจะมาจากที่ใด โลกอันสงบร่มเย็นจำเป็นต้องมีความมั่นคงภายใน ความสงบภายนอก ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ต้องหลั่งโลหิตแลกมา ในหนึ่งปีสิบสองเดือนมีสิบเดือนที่เขาไม่ได้อยู่ในจวนอ๋อง หากภรรยาและอนุของเขาท้องขึ้นมานั่นถึงจะเลวร้าย เป็นไปได้อย่างมากว่าหมวกของเขาจะเปลี่ยนสีไปแล้ว
เฉิงตั๋วเดินกลับมาที่ห้องหนังสือในตำหนัก ความจริงแล้วห้องหนังสือแห่งนี้เป็นห้องชุดหลายห้อง ข้างในและนอกเชื่อมต่อกัน กว้างขวางอย่างยิ่ง ไม่เหมือนโครงสร้างของเรือนโดยทั่วไป เพราะสร้างตามที่เฉิงตั๋วต้องการ เขารู้สึกว่าการตกแต่งอย่างไรสะดวกสบายน่าชมก็จะตกแต่งเช่นนั้น ห้องหนังสือด้านนอกจึงเชื่อมกับห้องนอน เมื่อเดินต่อไปข้างหลัง ผ่านป่าไผ่ผืนหนึ่งก็จะเป็นบ่อน้ำพุร้อน อาณาเขตแห่งนี้เป็นที่ส่วนตัวของเขา มีองครักษ์คอยรับใช้ หากเขาไม่อนุญาต แม้เป็นผู้คนในจวนก็ไม่อาจเข้ามา