วันนี้ทัพใหญ่เคลื่อนตัวจากเจียงเป่ยมาถึงเมืองเจี้ยนคัง ฮ่องเต้เสด็จออกจากเมืองมาต้อนรับปูนบำเหน็จด้วยองค์เอง เรื่องนี้ครึกโครมไปทั้งเมือง เรื่องยิ่งใหญ่ยากจะพบเจอเช่นนี้เขาจะไม่มาได้อย่างไร ยามนี้ทั่วทั้งร่างยังจมอยู่กับความรู้สึกตื่นเต้นและตื่นตะลึงในพิธีการอันยิ่งใหญ่ช่วงก่อนหน้านี้ ดวงตาทั้งสองเปล่งประกายระยิบระยับ
เกาเฉียวสงบจิตใจ ซุกซ่อนชายแขนเสื้อที่เปียกน้ำชาไว้อย่างแนบเนียน นั่งตัวตรง กวาดตามองหลานชายที่ไม่ได้พบกันมาหลายเดือนวูบหนึ่ง ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ “จื่อเล่อ ทุกคนในบ้านสบายดีหรือ”
“สบายดีขอรับ! อาเจี่ยก่อนหน้านี้ไปกับท่านป้า พักอยู่ที่เรือนรับรองมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันหลานได้รับจดหมายจากท่านลุง รู้ว่าวันนี้ท่านลุงจะกลับเข้าเมืองจึงไปรับคนมา ไม่เพียงอาเจี่ย แม้แต่ท่านป้าก็กลับมาบ้านด้วยกันขอรับ!”
เกาเฉียวอมยิ้มพยักหน้า “ดีมาก จัดการเรื่องทางนี้เสร็จแล้วคืนนี้ข้าก็จะกลับไป เจ้ามาพบข้ามีเรื่องอันใดหรือไม่”
“ท่านลุง หลานมีเรื่องจะขอร้อง ขอท่านลุงโปรดอนุญาต”
“เจ้าพูดมา”
“เวลานี้สงครามสงบลงแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลฉงหยาง หลานคิดจะจัดงานเลี้ยงในบ้าน ถึงตอนนั้นก็เชิญพวกลู่ต้าซยงมาชมดอกเบญจมาศ แล้วเชิญหลี่มู่มาร่วมงานเลี้ยง ถ้าท่านลุงเห็นว่าเหมาะสม หลานก็จะไปเชื้อเชิญพวกเขาเดี๋ยวนี้จะได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ!”
เกาหวนกล่าวจบก็มองเกาเฉียวด้วยดวงตาที่เฝ้ารอคอย
แววตาเกาเฉียววูบไหวเล็กน้อย เอ่ยเสียงราบเรียบ “ช่างเถิด ไม่ต้องหรอก”
เกาหวนตะลึงงัน
ในความคิดของเกาหวน ด้วยคุณูปการด้านการทหารของหลี่มู่ในวันนี้ ขอเพียงครอบครัวของตนเชิญเขามาเป็นแขกที่บ้าน พอข่าวแพร่กระจายออกไป ไม่ว่าชื่อเสียงบารมีหรือฐานะทางสังคมของเขาจะต้องพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน
นี่ก็เป็นวิธีตอบแทนที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่เขาคิดออกมาได้
เดิมเขาเข้าใจว่าเกาเฉียวต้องเห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่นอน แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องเช่นนี้ยังคงต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้เป็นเจ้าบ้านก่อน ดังนั้นรอถึงวันนี้เขาจึงได้เร่งรุดมาหาอย่างอดใจรอต่อไปไม่ไหว
ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือเกาเฉียวถึงกับปฏิเสธข้อเสนอนี้ของตน
“ท่านลุง!” เกาหวนร้อนใจแล้ว “เขามีบุญคุณช่วยชีวิตหลานไว้! ก็แค่เชิญเขามาเป็นแขกที่บ้านเท่านั้น…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ตกลงตามนี้เถิด”
เกาเฉียวตัดบทหลานชาย ในน้ำเสียงเจือความเฉียบขาดห้ามต่อรองใดๆ
“หลี่มู่มีบุญคุณต่อสกุลเกาเรา ลุงย่อมต้องตอบแทนเขา เวลานี้ทัพใหญ่เพิ่งกลับมาถึง เรื่องมากมายยังสับสนยุ่งเหยิง เรื่องเหล่านี้วันหน้าค่อยว่ากันเถิด ถ้าเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็อย่าอยู่ที่นี่นาน รีบกลับเข้าเมืองไป!”
เกาหวนไม่เข้าใจจริงๆ ท่านลุงที่ให้ความสำคัญกับหลี่มู่อย่างมากมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงปฏิเสธสิ่งที่สำหรับสกุลเกาแล้วถือเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง แต่สำหรับหลี่มู่นั้นอาจจะเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่การคบค้าสมาคมกับตระกูลขุนนางในเมืองเจี้ยนคังได้อย่างราบรื่น
“ท่านลุง…ตอนนั้นท่านไม่ใช่ยังรับปากต่อหน้าธารกำนัลว่าจะตอบแทนเขาหรือ มาบัดนี้เพราะเหตุใดกลับ…” เกาหวนออกจะไม่ยินยอม บ่นพึมพำเสียงเบา
“จื่อเล่อ ต่อไปเจ้าไปมาหาสู่กับเขาให้น้อยลงหน่อย” เกาเฉียวเอ่ยขึ้น
เกาหวนตกตะลึงอย่างที่สุด “เพราะเหตุใด”
เกาเฉียวสีหน้านิ่งขรึม สายตาที่มองเกาหวนเยียบเย็นดุจน้ำค้างแข็ง
เกาหวนลังเลอยู่ชั่วขณะ ไม่กล้าฝ่าฝืนต่อต้านเบื้องหน้าอีก กลืนความฉงนสนเท่ห์และความไม่พอใจที่มีอยู่เต็มอกกลับลงไป ทำความเคารพเกาเฉียว แล้วหมุนตัวเดินจากไปด้วยท่าทางไม่พอใจ
หลังจากเกาหวนไปแล้ว เกาเฉียวนั่งอยู่ที่นั่นก็เริ่มใจลอย หัวคิ้วค่อยๆ ขยับเข้าหากัน เงาร่างไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว คล้ายเข้าฌานไปแล้ว