มีหรืออี๋อวี้จะไม่รู้ว่าเป้าหมายที่เขาถามนั่นถามนี่อยู่ที่ม้วนหนังสือผ้าซึ่งมีวลีนิยามคำว่า ‘หมอยา’ ไว้เล่มนั้น ใช่ว่านางไม่อยากบอกตามความจริง แต่นางเป็นเช่นคนถูกงูกัดจนเข็ดขยาด ครั้งนั้นเหยาฮ่วงทิ้งกล่องไม้สีดำใบนั้นคล้ายเจตนาแต่ไม่เจตนาตอนหลบหนีไปทางลานด้านหลังเรือนนาง เป็นเหตุให้หลังจากนั้นนางโดนป้อมปราสาทแดงลักพาตัวหลายหน ทั้งประจักษ์ชัดแล้วว่าตำราผ้าไหมเล่มนั้นมิใช่ของสามัญ คนอย่างเหยาฮ่วงก็จัดอยู่ในจำพวกกึ่งธรรมะกึ่งอธรรมเช่นเดียวกับหานลี่ ตอนนี้เขาไม่เอ่ยถึงเรื่องกล่องใบนั้นสักคำ ใครจะรับรองได้เล่าว่าม้วนหนังสือผ้านั่นจะไม่นำความเดือดร้อนมาสู่พวกนางแม่ลูกและหลี่ไท่ ดังนั้นนางตกลงปลงใจแล้วว่าไม่เปิดปากเป็นอันขาด
“หลายคนนั้นไม่เหมือนกับท่าน พวกเขาหาได้มีชื่อเสียงเรียงนามโด่งดัง ดูทีว่าบอกแล้วท่านก็ไม่รู้จัก”
“เช่นนั้นเจ้าเล่าให้ข้าฟังสิ วันนี้ไม่รู้จักไม่ได้แสดงว่าวันหลังจะไม่มีโอกาสรู้จัก หากภาคภายหน้าได้พบเจอกันที่อื่น ข้าจะได้ผูกมิตรกับพวกเขา”
“อื้อ มีคนหนึ่งแซ่หวง คนหนึ่งแซ่หู แล้วก็อีกคนแซ่โอวหยางเจ้าค่ะ”
เหยาฮ่วงไม่พอใจกับคำตอบอย่างเห็นได้ชัด เขาแทบจะปักใจเชื่อว่าม้วนหนังสือผ้าที่อี๋อวี้พูดถึงต้องอยู่ที่คนเหล่านี้ “เจ้าพูดให้ชัดเจนกว่านี้ พวกเขามีความสามารถด้านใดหรือลักษณะพิเศษอะไร”
“อืม…” อี๋อวี้มองหน้าประตู ดวงตาแฝงรอยรำลึกความหลัง “ท่านหมอแซ่หวงมีฝีมือในการทำยาลูกกลอน โดยเฉพาะตำรับหนึ่งที่เรียกว่ายาน้ำค้างหยกเก้าบุปผาอะไรสักอย่าง บำรุงลมปราณได้ดีมาก เขาแขวนขลุ่ยหยกเลาหนึ่งไว้ตรงเอวเป็นประจำ ส่วนหมอพเนจรแซ่หูมีฝีมือฝังเข็ม ทะลวงชีพจรได้ เขามีวิชาแพทย์สูง รูปโฉมก็นับว่าหล่อเหลาหมดจด สำหรับอาจารย์แซ่โอวหยางถนัดการใช้พิษเฉกเดียวกับอาเหยา…”
เหยาฮ่วงฟังนางเล่าเป็นคุ้งเป็นแคว แต่คนที่คล้ายเป็นยอดฝีมือเหล่านี้ เขาทบทวนไปมาก็คิดไม่ออกว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเขาจากที่ไหน เลยโบกมือพลางพูดเนือยๆ อยู่บ้าง
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว หากมีวาสนาได้พบกัน ข้าจะขอคำชี้แนะจากพวกเขา”
อี๋อวี้ลอบชำเลืองมองเขา นึกในใจว่าเกรงว่าชาตินี้เขาคงไม่มีโอกาสขอคำชี้แนะจากคนเหล่านี้ แต่เห็นเขาทำหน้าผิดหวังก็ชักไม่สบายใจ นางเรียกขานเขาแล้วกล่าว
“ข้าออกเดินทางไปกับท่านอ๋องครั้งนี้ ระหว่างทางได้สมุนไพรดีๆ หายากมาหลายอย่าง รอกลับเรือนไปค่อยจัดแบ่งส่วนหนึ่งมอบให้ท่านนะเจ้าคะ”
เหยาฮ่วงสงบสติลง เขากวาดตามองหน้านางรอบหนึ่ง ก่อนเหยียดมือยีผมที่แผ่สยายลงของนางกะทันหัน ฝ่ามือนุ่มนวล แววตาก็อ่อนแสงลง ก่อนจะหัวเราะร่วน หนวดกระดิกไปมายามกล่าวเสียงแปร่งๆ “แม่เด็กน้อยจะมีของดีอะไรได้ สมุนไพรในใต้หล้านี้ที่ข้าต้องการแต่หาไม่ได้ เกรงว่าเจ้าล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน”
ว่ากันว่าป้อมปราสาทแดงมีดินวิเศษชนิดหนึ่งสามารถปลูกพืชได้สารพัด อี๋อวี้รู้ว่าเหยาฮ่วงไม่ได้พูดโอ้อวด ทว่านางก็ไม่ได้คุยโวเช่นกัน สมุนไพรในหุบเขาเล็กบนเขาต้าหมั่งส่วนใหญ่เสาะหาได้ยากในแผ่นดิน เวลานี้ให้คนของหลี่ไท่ขนกลับมาเก็บในวังเว่ยอ๋อง ต่อมาหลี่ไท่กลับเมืองหลวงก็แบ่งบางส่วนส่งไปที่สวนผูเจิน นางคิดว่าจะกลับไปคัดเลือกของชั้นยอดกำนัลให้เหยาฮ่วงจึงเพียงยิ้มๆ ไม่อธิบายต่อ ปล่อยให้เขายีผมนางที่เริ่มยุ่งไม่เป็นระเบียบตามสบาย จากนั้นล้วงขวดใบเล็กจ่อใต้จมูกนางถึงลุกขึ้นยืน
“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าไปดูสักหน่อย ยาใกล้จะเย็นชืดแล้ว ใบไม้ใบเดียวไปเด็ดบนยอดเขาหรืออย่างไร”
เหยาฮ่วงออกนอกห้องไปแล้วปิดประตูสนิท อี๋อวี้เอนกายกลับเข้าผ้าห่มอย่างงุ่มง่าม เมื่อครู่กล่าววาจามากไปหลายคำก็วิงเวียนศีรษะ ความง่วงงุนก็จู่โจมมา นางได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่างดังแว่วๆ มาจากลานด้านนอก แต่ยังคงสะลึมสะลือหลับไป หาได้รู้ไม่ว่าอีกประเดี๋ยวตื่นขึ้นมา จะมี ‘ความประหลาดใจแกมยินดี’ ครั้งใหญ่รอคอยนางอยู่