ดงต้นหม่อนป่าห่างจากเรือนหลังเล็กไปหลายร้อยก้าว ตอนแรกหานลี่เด็ดใบของมันอย่างเชื่องช้า แต่พอได้ยินเสียงฝีเท้าม้ากุบกับลอยมาจากที่ไม่ไกลก็หักกิ่งหนึ่งอย่างว่องไวแล้วใช้วิชาตัวเบาทะยานกายวิ่งย้อนกลับไป เขาเห็นอาชาสูงใหญ่หลายตัวยืนอยู่นอกรั้วไม้ไผ่ได้แต่ไกล บนหลังม้าเป็นมือกระบี่สวมชุดดำ ยังมีร่างร่างหนึ่งในอาภรณ์สีเขียวอมม่วงเข้มที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลาง ใบหน้าหานลี่เผยแววแปลกใจ มิใช่เพราะคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมา แต่ไม่คาดว่าจะมาถึงรวดเร็วปานนี้
เขาไม่รู้ว่าหลี่ไท่ไม่พบวี่แววของอี๋อวี้มาหลายวันติดกัน ก็เพิ่มกำลังคนเฝ้าตอรอกระต่ายอยู่นอกสวนผูเจิน พอเหยาจื่อชีซึ่งถูกขอให้ไปส่งข่าวที่ตำบลหลงเฉวียนปรากฏตัว คนของหลี่ไท่ก็ตามประกบทันที กลุ่มหนึ่งควบม้าเร็วรุดกลับเมืองหลวงแจ้งข่าว อีกกลุ่มสะกดรอยตามลาของเหยาจื่อชีที่เดินอุ้ยอ้ายขึ้นเขา และทิ้งเครื่องหมายไว้ตามทาง แค่กลางทางหลี่ไท่ก็เร่งฝีเท้าม้าไล่ตามมาทันแล้ว
อีกด้านหนึ่ง เหยาฮ่วงก้าวออกจากห้องอี๋อวี้ สังเกตเห็นอาคันตุกะจากภายนอกขึ้นเขามา เขาผลุบเข้าห้องครัว ฉุดตัวเหยาจื่อชีที่หั่นผักอยู่แล้วกระโดดออกไปทางลานด้านหลัง หลูซื่อมองสองพ่อลูกกระโดดหนีไปทางหน้าต่างตาปริบๆ อึดใจต่อมาได้ยินเสียงฝีเท้าม้าจากนอกเรือน นางเดินไปชะเง้อมองตรงหน้าประตู บนหน้าฉายอารมณ์สับสนระลอกหนึ่งทันควัน จวบจนบุรุษหนุ่มหัวหน้ากลุ่มคนนั่นผงกศีรษะให้ด้วยหน้าตาเฉยเมย จากนั้นพลิกกายลงม้า สาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามาในลาน นางถึงรีบเร่งเดินเข้าไปต้อนรับ
“ถวายคำนับเว่ยอ๋อง”
หลี่ไท่ยกมือเป็นเชิงบอกให้หลูซื่อไม่ต้องมากพิธี สายตาเขาตวัดผ่านร่างนางแวบเดียว เมื่อครู่อยู่บนหลังม้าชายหนุ่มก็มองสำรวจเรือนหลังนี้รอบหนึ่ง เพลานี้เขามองตรงไปยังประตูห้องซึ่งปิดสนิททางปีกตะวันตก หมุนกายออกเดินดุ่มๆ ไปที่นั่น
หลูซื่อเร็วกว่าเขาหลายก้าว กางมือขวางทางตรงหน้าประตู พลางลดสุ้มเสียงลงกล่าว “อวี้เอ๋อร์ยังนอนอยู่ข้างใน หากท่านอ๋องทรงไม่รังเกียจ จะเสด็จไปทางนั้นฟังหม่อมฉันพูดสักสองสามคำได้หรือไม่เพคะ”
ดวงตาของหลี่ไท่มองหลูซื่อกับประตูห้องสลับไปมารอบหนึ่ง หลังชั่งน้ำหนักแล้วเห็นว่าคนอยู่ในนั้นไม่หนีไปไหนก็คลายใจลง เขาพยักหน้ากับหลูซื่อแล้วเดินไปหยุดใต้ต้นไม้ริมรั้ว พอชายตาเห็นหานลี่ยืนอยู่ในลานไม่ใกล้ไม่ไกล ชายหนุ่มยกมือส่งสัญญาณกับพวกมือกระบี่ข้างนอก คนทั้งกลุ่มก็ขี่ม้ากระจายกำลังกันปิดล้อมเรือนหลังไม่ใหญ่โตนี้ไว้เองโดยไม่ต้องสั่ง
“ก่อนอื่นท่านอ๋องโปรดทรงประทานอภัยให้ด้วย” หลูซื่อแสดงคารวะ “เรื่องฉุกละหุก ราตรีนั้นหม่อมฉันพาบุตรสาวออกมาเสาะหาหมอรักษาตัวเลยไม่ได้ฝากบอกไว้ เห็นทีว่าคงทำให้ท่านอ๋องต้องทรงตามหาอยู่นานหลายวัน”
สีหน้าของหลี่ไท่ไม่เปลี่ยนแปลง เขาเอ่ยปากพูดอย่างหาได้ยากยิ่ง “เป็นข้าสะเพร่าเองถึงพลาดข่าวคราวจากทางนั้น จึงมิได้เร่งรุดไปให้ไวที่สุด เป็นเหตุให้พวกท่านตกใจเสียขวัญ”