chapter 01
ชายหนุ่มแห่งพรหมลิขิต
ว่ากันว่าเรื่องร้ายมักถาโถมเข้ามาในชีวิตพร้อมกันเสมอ ดูเหมือนวันนั้นก็เป็นแบบนั้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เรื่องร้ายได้ถาโถมเข้ามา
“รู้จักกันไว้สิ นี่แฟนฉันเอง จางฮเยจี ส่วนนี่เพื่อนฉัน ชินฮารี”
แฟนกับเพื่อน ขณะที่กำลังประเมินว่าสองคำนี้มันห่างไกลกันมากแค่ไหนนั้น ฮเยจีที่กำลังจับมือมินอูอยู่ก็เอ่ยปากทักทาย
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อจางฮเยจี ได้ยินเรื่องของคุณจากพี่มินอูเยอะเลยค่ะ”
ได้ยินเรื่องอะไรบ้างนะ
เนื่องจากมัวแต่นึกสงสัย ฮารีจึงทักทายช้าไปเล็กน้อย
“อ้อ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อชินฮารีค่ะ”
ฮารีทักทายกลับไปและยืนประหม่าอยู่อย่างนั้น เมื่อได้ยินว่าเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานจะเลี้ยงอาหารเที่ยง ตอนนั้นเธอรู้สึกใจสั่นไปหมด แต่ก็พยายามสงบจิตสงบใจเอาไว้ อุตส่าห์ลุกขึ้นมาแต่งหน้าทั้งที่ไม่ค่อยได้แต่ง และหยิบเดรสมาใส่ทั้งที่ไม่ค่อยได้ใส่เลยแท้ๆ แต่เพื่อนกลับพาแฟนมาแนะนำให้รู้จักเสียนี่
“หิวแล้วใช่ไหม กินข้าวกันเถอะ สั่งอะไรดี”
มินอูถามด้วยสายตาอ่อนโยน ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้ถามฮารี แต่ถามฮเยจีแฟนเขา
“พี่อยากกินอะไรคะ ฉันอยากกินพาสต้ากับพิซซ่า”
“เหรอ งั้นเราสั่งตามนั้นเลยนะ”
“สั่งทั้งหมดเลยก็ได้เหรอคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เราแบ่งกันกินสองคนก็ได้นี่นา”
ทั้งสองมองหน้าและส่งสายตาอบอุ่นให้กันราวกับลืมไปว่ามีฮารีอยู่ตรงนี้ด้วย แต่แล้วมินอูก็หันมามองเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“ฮารี แล้วเธอล่ะ”
เมื่อสบตากัน ฮารีก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ หากต้องนั่งเผชิญหน้ากับแฟนของเพื่อนที่ตัวเองแอบชอบและกินอาหารด้วยกันแบบไม่รู้สึกอะไร ควรแสดงสีหน้าแบบไหนดีนะ ฮารีไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำเรื่องโง่เง่าอย่างการนั่งกินอาหารพร้อมกับยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาแบบนั้นได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจเปิดเผยความรู้สึกให้ตัวเองดูโง่ไปมากกว่านี้ได้
ถ้านี่เป็นความฝันก็คงจะดี ขณะที่กำลังภาวนาขอให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นแค่ความฝันและกำลังนั่งลงด้วยความลังเลอยู่นั้นเอง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ฮารีสบโอกาสจึงรีบรับสายและลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งทันที
“ฮัลโหล ค่ะ หัวหน้า! โทรมาวันหยุดแบบนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ อะไรนะคะ อ้าว ถ้างั้นฉันคงต้องรีบไปหาข้อมูลตอนนี้เลยใช่ไหมคะ รับทราบค่ะ!”
เมื่อหันไปสบตากับมินอูที่มองมาด้วยความสงสัย ฮารีก็ยิ้มเหมือนมีเรื่องลำบากใจ
“ทำไงดีล่ะ หัวหน้าแผนกที่บริษัทโทรมา ดูเหมือนมีเรื่องให้ฉันรีบตรวจสอบให้น่ะ”
“วันนี้วันเสาร์นะ”
“คนทำงานบริษัทมีวันหยุดกับเขาที่ไหนล่ะ”
“แต่กินข้าวก่อนแล้วค่อยไปก็ได้นี่”
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าฟ้าดินเป็นใจ ฮารียิ้มให้ฮเยจีอย่างสบายอกสบายใจ
“ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ เพิ่งได้เจอกันแท้ๆ แต่ฉันต้องไปก่อนแบบนี้ ไว้เจอกันคราวหน้านะคะ ฮัลโหล”
ฮารีแสร้งทำเป็นรับสายและออกมาข้างนอกทั้งที่ยังไม่ได้ฟังคำบอกลาจากฮเยจี
คงไม่ได้ดูแปลกๆ หรอกใช่ไหม อย่างเช่นดูเหมือนเจ็บปวดเพราะอกหักจากรักข้างเดียว หรือลนลานทำอะไรไม่ถูกจนดูซื่อบื้อ
ฮารียืนพิงผนังอาคารพลางหลับตาลง เธอรู้สึกร้อนรุ่มในหัวใจจนน้ำตาพานจะรินไหลออกมา
“ฮัลโหล ฮัลโหล พี่พูดเรื่องอะไรเนี่ย หัวหน้าอะไร แล้วทำไมจู่ๆ ถึงวางสายไปล่ะ”
ได้ยินเสียงฮามินน้องชายดังมาจากปลายสาย เธอจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“อ้อ ว่าไงฮามิน โทรมาทำไมเหรอ”
แม้จะรู้สึกขอบคุณมากที่น้องชายโทรมาในเวลานี้พอดี แต่เธอกลับมีลางสังหรณ์ว่าการที่น้องชายโทรมาหาคงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสักเท่าไร
“พี่เห็นข่าวหรือยัง”
“ข่าวอะไร”
“ไข้หวัดนก”
ไข้หวัดนกงั้นเหรอ
ฮารีหลับตาลงอีกครั้ง ฟ้าดินเป็นใจกับผีน่ะสิ เหมือนโทรมาบอกว่าให้ไปตายเสียมากกว่า
“ยอดขายตกมากไหม”
“อย่าให้พูดเลย ไม่มีคนโทรมาสั่งเลยสักคน”
“แล้วพ่อแม่ทำยังไงกันล่ะ”
“พ่อเอาแต่สูบบุหรี่ ส่วนแม่ก็เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่น่ะสิ”
ฮารีได้แต่ถอนหายใจ เพราะนั่นเป็นร้านขายไก่ทอดที่จูยงผู้เป็นพ่อถูกเพื่อนโกงเงินเกษียณไปจนต้องใช้เงินกู้จากบริษัทของฮารีมาช่วยสมทบจึงทำให้เปิดร้านขึ้นมาได้ ตอนนี้เริ่มมีคนพูดถึงไก่ชุบแป้งทอดกันปากต่อปากจนคิดว่าธุรกิจกำลังจะไปได้ดีอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับมีเรื่องไข้หวัดนกระบาดขึ้นมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้จูยงคงจะกำลังโทษตัวเองว่าทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องไปเสียทุกอย่าง
“ปลอบไปว่าเวลาทำธุรกิจก็มีทั้งช่วงที่ไปได้ดีและไปได้ไม่ดีเหมือนกัน”
“รู้แล้ว ผมกำลังปลอบอยู่ แต่พี่…”
เธอพอจะรู้ว่าคำพูดหลังจากนั้นคืออะไร
“พ่อย้ำว่าไม่ให้บอกพี่นะ…แต่ตอนนี้ใกล้ถึงกำหนดวันจ่ายค่าเช่าร้านแล้วน่ะสิ”
เมื่อเห็นว่าน้องชายถึงกับต้องพูดเรื่องที่ไม่เคยเอ่ยปากพูดเลยสักครั้งแบบนี้ เธอก็รู้สึกได้ว่าครั้งนี้คงจะหนักหนาสาหัสมากจริงๆ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เดี๋ยวฉันจะเตรียมให้เอง”
ฮารีพูดให้ฮามินน้องชายที่ช่วยงานพ่อแม่คลายความกังวล จากนั้นก็กดวางสายทั้งน้ำตา หัวใจของเธอที่เพิ่งจะร้อนรุ่มเพราะเรื่องมินอูเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มเพราะเรื่องเงินแทน จะไปหางานพาร์ตไทม์ที่ไหนดีนะ เนื่องจากเงินเดือนต้องถูกหักเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ออกไป เธอจึงคิดถึงเรื่อง ‘ทูจ็อบส์’* มาสักพักแล้ว
แต่ก่อนอื่น…
ฮารีโทรหายองซอเพื่อนของเธอ
“ฉันเองนะ เพื่อนที่สวยที่สุดในโลกของเธอ ชินฮารี เลี้ยงเหล้าฉันหน่อยสิ”
คงต้องดื่มสักหน่อย