Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน
ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 1
ซองฮุนกำลังยืนกระวนกระวายใจ แต่ชายที่อยู่ตรงหน้ากลับนิ่งเฉยโดยขยับเพียงปากกาในมือเท่านั้น นี่ไม่ใช่กิจกรรมประจำเดือนสักหน่อย ไม่สิ นี่เป็นกิจกรรมประจำเดือนนั่นแหละถูกแล้ว เพราะในวันที่ประธานใหญ่คังมันกึนมาที่ห้องทำงานของแทมูก็มักปรากฏภาพแบบนี้ให้เห็นอยู่เสมอ
“ท่านประธานครับ”
ซองฮุนเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีการโต้ตอบใดๆ
“อะแฮ่ม เอ่อ ท่านประธานครับ”
ในตอนนั้นแทมูเหลือบตาขึ้น แต่ก็ยังไม่หยุดทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะตอบว่าอะไร
“ท่านประธานใหญ่มาครับ”
“งั้นเหรอ”
ใช่แล้ว งั้นเหรอ
“ท่านประธานใหญ่มานะครับ”
“งั้นเหรอ”
แทมูตอบว่า ‘งั้นเหรอ’ และยังคงทำงานต่อไป เขานั่งแบบนี้มาห้านาทีแล้ว
คังแทมูเป็นคนบ้างานอย่างมาก ส่วนประธานใหญ่คังมันกึน…ก็คือปู่ของคังแทมูที่ดูเหมือนว่างานอดิเรกคือการรบกวนการทำงานของหลานชาย ซึ่งแน่นอนว่างานอดิเรกนั้นก็รบกวนซองฮุนด้วยเช่นกัน
“ท่านประธานครับ…”
“ไอ้หมอนี่! นี่แกจะให้ฉันรอกี่ชั่วโมงกันฮะ”
ประตูถูกเปิดออกเสียงดังปัง แม้เพิ่งจะผ่านไปเพียงห้านาที แต่ความอดทนของประธานใหญ่คังก็หมดลงเสียแล้ว แทมูจึงเงยหน้าขึ้น
“มาถึงแล้วเหรอครับ”
“ไอ้เด็กอวดดี แกไม่แยแสฉันเลยใช่ไหม”
“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงครับ”
“ก็เห็นเข้ามาบอกตั้งหลายนาทีแล้วว่าฉันมา แล้วทำไมถึงไม่เปิดประตูล่ะ”
“ผมไม่รู้ว่ามาถึงแล้วนี่ครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดที่เมินเฉยของแทมู ประธานใหญ่คังก็หันไปจ้องซองฮุนตาเขม็ง
“ไอ้เจ้าสูงแต่ตัวนั่นก็น่าจะบอกไม่ใช่เหรอว่าฉันมาแล้ว”
“ผมไม่ได้ยินครับ”
“ท่านประธาน?”
ซองฮุนมองด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรม แต่แทมูกลับยักไหล่ให้เท่านั้น ในขณะที่ประธานใหญ่คังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“หัวหน้าชา ไม่ได้บอกเหรอว่าฉันมาน่ะ”
“ผมบอกแล้ว…”
“มันไม่สำคัญหรอกครับ ยังไงก็เข้ามาแล้วนี่นา”
ซองฮุนมองแทมูเหมือนจะถามว่าทำไมจะไม่สำคัญ แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นและหันไปมองประธานใหญ่คัง
“มาถึงนี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฉันมาในที่ที่ไม่ควรมาหรือไง”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณปู่ควรจะมาครับ”
ไม่มีทางที่ประธานใหญ่คังจะไม่รู้ว่าแทมูกำลังพูดเป็นนัยแบบอ้อมๆ ว่าที่นี่คือบริษัท ไม่ใช่ศูนย์กิจกรรมของผู้สูงอายุ
“ตำแหน่งของฉันคือประธานใหญ่นะ”
“เป็นประธานใหญ่แค่ในตำแหน่ง แต่ไม่ได้เป็นประธานใหญ่จริงๆ นี่ครับ”
“ดูพูดเข้าสิ พูดอย่างนี้แล้วยังจะบอกว่าแกแยแสฉันอยู่เหรอ ฉันเป็นคนปลุกปั้นบริษัทนี้ขึ้นมานะ ฉันเป็นผู้ก่อตั้งซองอุนนะ”
“ถ้ามีอำนาจมากขนาดนั้นก็ช่วยทำอะไรสักอย่างกับผู้อำนวยการอันหน่อยสิครับ”
ผู้อำนวยการอันชอลกยูผู้ที่อ้างว่าตัวเองเป็นผู้ร่วมก่อตั้งอันดับหนึ่งของบริษัทตั้งแต่แรกเริ่ม แต่กลับไม่สนใจทำงานและมัวแต่ต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งอยู่ทุกวี่ทุกวัน คังซองจงผู้เป็นพ่อของคังแทมูบริหารบริษัทอย่างยากลำบากเพราะผู้อำนวยการอัน ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่คังซองจงส่งต่องานทุกอย่างให้คังแทมูและจากไป ทว่าแม้จะเกิดปัญหานั้น ประธานใหญ่คังกลับทำเพียงจับตามองผู้อำนวยการอันเท่านั้น
“จัดการเองไม่ได้ก็เลยมาขอให้ฉันใช้อำนาจงั้นเหรอ แกต้องจัดการเองให้ได้สิ ถึงจะเรียกว่ามีความเป็นผู้นำ”
ตาเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์
“ถ้าไม่ช่วยก็เลิกสนใจเรื่องของบริษัทสิครับ”
“ว่าไงนะ ฉันมีหุ้นอยู่ในบริษัทนี้ตั้งเท่าไร”
“บริษัทนี้ไม่ใช่บริษัทใหญ่ถึงขนาดที่จะเอาเรื่องหุ้นมาพูดนะครับ”
ที่นี่ไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่ เป็นแค่บริษัทขนาดกลางที่พอจะเริ่มตั้งตัวได้เท่านั้น จะพูดเรื่องหุ้นทำไมกัน แทมูอุตส่าห์ไม่ถอดตำแหน่งประธานใหญ่ออกเพราะคิดว่าเป็นมารยาทที่ควรมีต่อผู้ก่อตั้งบริษัท แต่ประธานใหญ่คังก็มักมาบ่นและจู้จี้พนักงานอยู่เรื่อย
“โอ้โห เจ้าหลานคนนี้ช่างอวดดีจริงๆ ฉันอุตส่าห์มาหาทั้งที ไม่คิดจะเชิญฉันนั่งหน่อยเหรอ”
“ก็นั่งเองแล้วนี่ครับ”
“ฮึ่ม!”
ประธานใหญ่คังนั่งลงบนโซฟาพลางพึมพำราวกับการเชิญนั่งและการไม่เชิญนั่งมันต่างกันมาก จากนั้นก็หันไปจ้องหัวหน้าชา
“ขอชาให้ฉันสักแก้วสิ”
“รับชาอะไรดี…”
“หัวหน้าชาไม่ใช่พนักงานร้านชานะครับ”
แทมูพูดกับประธานใหญ่คังด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หากมองในมุมของซองฮุนก็ย่อมประทับใจในส่วนนี้ แต่ซองฮุนรู้ดีว่าแทมูไม่ได้พูดเพื่อเขาอย่างแน่นอน ที่แทมูพูดอย่างนั้นก็เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกรบกวนการทำงานในขณะที่ประธานใหญ่คังนั่งดื่มชามากกว่า
“ฉันอายุปูนนี้แล้ว จะให้ฉันชงชาดื่มเองในห้องทำงานของแกหรือไง”
“ไปนั่งดื่มที่ร้านอึนฮเยที่คุณปู่ชอบสิครับ”
“ฉันไม่ชอบที่นั่น เจ้าของร้านไม่ได้เรื่อง”
“ทำไมล่ะครับ เธอบอกว่าชอบคนอื่นเหรอครับ”
“ใครบอก!”
ตะโกนเสียงดังขนาดนี้แปลว่ายอมรับ ส่วนสีหน้าที่ดูเสียศักดิ์ศรีแบบนี้คือหลักฐาน
“ผมจะไปเตรียมชามาให้นะครับ”
ซองฮุนพูดอย่างรู้จังหวะ
“ไม่ต้องแล้ว ขืนใช้งานนายหนัก ฉันต้องฟังเจ้านั่นบ่นแน่ๆ เรื่องของปู่ตัวเองเอาไว้ทีหลัง ใจดีแต่กับคนของตัวเอง”
ประธานใหญ่คังมองแทมูด้วยสายตาไม่พอใจ
นั่นไม่ใช่เหตุผลที่แสดงถึงน้ำใจเลยนะครับท่าน
ซองฮุนได้แต่เบ้ปาก
“ไปนัดบอดซะ”
จู่ๆ ประธานใหญ่คังก็พูดเข้าประเด็น แทมูขมวดคิ้วไม่พอใจครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงไปอ่านเอกสารเหมือนกับนั่นเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องคิด
“ผมงานยุ่งครับ”
“ยังไม่เห็นถามเลยว่าเมื่อไร งานยุ่งอะไรกัน”
“เมื่อไรเหรอครับ”
“ตอนนี้”
ตอนนี้เนี่ยนะ
แทมูอยากโวยวายกลับไปเหลือเกินว่าล้อเล่นกันอยู่หรือไง แต่สำหรับประธานใหญ่คังแล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันคงจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งพลางมองประธานใหญ่คังที่กำลังยิ้มอย่างเบิกบานใจ
“คุณปู่นัดในช่วงเวลาที่ผมยุ่งมากๆ เลยนะครับ”
“งั้นเหรอ ถ้าเสาร์อาทิตย์ยังงานยุ่ง แล้วเป็นเมื่อไรดีล่ะ ให้เปลี่ยนเป็นวันธรรมดาดีไหม”
แม้จะไม่มีการอ่อนข้อให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องเปลี่ยนแปลงเวลาก็พอยอมได้บ้าง
ประธานใหญ่คังยิ้มละไม มีคำพูดที่ว่าเมื่อก่อนเคยยิ้มให้ แต่อยู่ๆ ก็พุ่งตัวเข้ามาแทงเสียอย่างนั้น ภาพของประธานใหญ่คังกำลังแสดงถึงคำพูดนั้นได้ดี
“คุณปู่ก็ทราบดีไม่ใช่เหรอครับว่าทุกครั้งที่นัดบอด ผมมักถูกปฏิเสธ”
“แกถูกปฏิเสธหรือแกเป็นคนปฏิเสธกันแน่”
“แต่สุดท้ายแล้วผลที่ออกมามันก็เหมือนกันอยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ”
“อายุยี่สิบเจ็ด ชื่อจินยองซอ”
ประธานใหญ่คังพูดต่อโดยไม่สนใจแทมู
“แกเองก็รู้จักบริษัทยองจินใช่ไหม เมื่อก่อนฉันเคยช่วยประธานใหญ่จินเอาไว้เยอะ และประธานใหญ่จินก็มีลูกสาวคนเดียว”
บริษัทยองจินเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจปศุสัตว์ที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยขยายตลาดไปยังแฟรนไชส์ที่เกี่ยวข้อง แทมูเองก็เคยคุยเรื่องธุรกิจกับประธานใหญ่จินโดยที่มีประธานใหญ่คังคอยประสานงานให้
“เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จก่อนบริษัทอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แกเองก็มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทของเรามากเลยนะ และเขาก็รวยมากด้วย ไปคุยให้ดีๆ ล่ะ”
“จะให้ผมแต่งงานหรือจะให้ผมไปคุยธุรกิจกันแน่ครับ”
“อะไรก็ได้ แค่ได้แต่งงานก็พอ”
“ผมไม่อยากแต่งงานด้วยวิธีแบบนั้นครับ”
“งั้นจะแต่งงานด้วยวิธีแบบไหนล่ะ จะรอไปต้องตาต้องใจใครก่อนแล้วถึงจะแต่งงานงั้นเหรอ ฉันว่าทั้งแกและฉันชาตินี้คงไม่ทันแล้วล่ะ”
ประธานใหญ่คังกระเดาะลิ้น
“การที่แกจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่แกรักและการที่ฉันจะได้เห็นภาพนั้น ชาตินี้คงไม่ทันแล้ว”
“แต่การแต่งงานด้วยเหตุผลทางธุรกิจแบบนั้น…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันได้ยินว่าแม่หนูนั่นทั้งหน้าตาดีแล้วก็สุภาพเรียบร้อย น่าจะถูกใจแกนะ เพราะฉะนั้นตอนนี้แกรีบ…”
“ผมไม่ไปครับ”
สงครามประสาทก่อตัวขึ้นท่ามกลางความเงียบ ซองฮุนได้แต่ยืนหรี่ตามองคนทั้งสอง แล้วประธานใหญ่คังก็ทำลายความเงียบด้วยการกระแอมออกมา
“หัวหน้าชา”
“ครับ ท่านประธานใหญ่”
ซองฮุนประสานมือทั้งสองข้างอย่างสำรวม
“ลงไปที่ร้านซุปกระดูกวัวคุณยายข้างล่างนี้ แล้วซื้อซุปกระดูกวัวมาหนึ่งชาม ฉันไม่ดื่มชาแล้ว จะกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับ อ้อ อย่าลืมเปิดช่องซีรี่ส์เอาไว้ให้ด้วยล่ะ”
ซีรี่ส์งั้นเหรอ
แทมูขมวดคิ้ว ประธานใหญ่คังจะต้องดูซีรี่ส์น้ำเน่าเรื่องโปรดตั้งแต่ตอนที่หนึ่งอย่างแน่นอน ถ้าแค่โทรมาก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่การที่ประธานใหญ่คังมาถึงที่นี่ก็หมายความว่าจะไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้จนกว่าจะได้ตามที่ต้องการ และนั่นก็หมายความว่าประธานใหญ่คังจะรบกวนการทำงานของเขาต่อไปเรื่อยๆ แถมยังมีซีรี่ส์และซุปกระดูกวัวอีกต่างหาก นั่นคือสิ่งที่แย่ที่สุดเป็นอันดับสอง ส่วนอันดับหนึ่งคือการตกปลา
แทมูไม่อยากพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนดื้อดึงที่จะเอาชนะตาแก่อย่างงี่เง่าท่าเดียว ดังนั้นแทนที่จะปล่อยให้เสียเวลาไปแบบนี้ รีบไปนัดบอดแล้วรีบกลับมาเสียยังจะดีกว่า
แทมูลุกขึ้นจากที่นั่ง
“ที่ไหนครับ”
“ไม่ไกลหรอก”
ประธานใหญ่คังยิ้มอย่างพึงพอใจและลุกขึ้นจากที่นั่งเช่นกัน