Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน
ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 1
“นี่…นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ฮารีก็ไม่ได้บอกให้เอาออกไป
“ต้องใส่ขนาดนี้สิ ถึงจะเล่นบทบาทเฟม ฟาทัลได้”
ไม่รู้ว่าฮารีคิดไปเองหรือเปล่า พอไม่ต้องเป็นคนทำเอง ยองซอดูสนุกมาก ตั้งหน้าตั้งตายัดฟองน้ำใส่เข้าไปในเสื้อชั้นในของฮารี แม้ฮารีคิดว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว แต่ยองซอก็ยังใส่เพิ่มอีกชั้น แล้วก็อีกชั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ยองซอ หน้าอกฉันดูขาดแคลนขนาดนั้นเลยเหรอ
“แต่งหน้าเข้มขนาดนี้ แถมยังยัดไอ้นี่เข้าไปอีก…”
ฮารีมองหน้าตัวเองในกระจก ผมสีดำของเธอถูกรวบขึ้น เปลือกตาสีดำเข้ม ริมฝีปากสีแดงจัด เป็นการแต่งหน้าที่เข้มมากจริงๆ
“แต่งหน้าเข้มขนาดนี้จะไม่มีหน้าอกได้ยังไง มันก็ไม่สมดุลกันน่ะสิ”
ยองซอพูดพลางใช้มือจัดทรงให้ฟองน้ำเข้ากับหน้าอก ฮารีจ้องยองซอเขม็ง
“นี่ หน้าอกฉันไม่ได้มีน้อยขนาดนั้นนะยะ”
“รู้แล้วน่า”
เมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่จริงใจ ฮารีก็คว้าข้อมือของยองซอเอาไว้
“นี่ ฉันคัพซีนะจะบอกให้”
“รู้แล้วน่า รู้แล้ว ถ้าโกยสุดๆ ก็คงได้นั่นแหละ เอาล่ะๆ”
ยองซอจับไหล่ฮารีให้หมุนตัวเหมือนกำลังบอกให้ลองดูกระจก ฮารียืดหลังตรงและมองไปที่กระจกในห้องน้ำ ตรงส่วนหน้าอกของเดรสพองโตเหมือนกำลังจะระเบิดออก เธอมีส่วนเว้าส่วนโค้งในแบบที่เคยฝันอยากจะมี รู้สึกเหมือนตัวเองอกผายไหล่ผึ่งขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไรชอบกล
ฮารียกไหล่ขึ้นและยื่นปากออกมาทำท่าจุ๊บ
“เป็นไง”
“โอ้ เซ็กซี่เหมือนกันนะเนี่ย”
ถึงจะดูมากเกินไปสักหน่อย แต่ฮารีก็ไม่ถึงกับไม่ชอบ แค่ได้เห็นตัวเองแต่งตาแบบสโมกกี้อายอย่างที่อยากลองแต่งดูสักครั้ง แถมยังอยู่ในเดรสสั้นอวดหน้าอกโตจนแทบจะระเบิดแบบนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกเนื้อเต้นเหมือนตัวเองกำลังจะทำเรื่องนอกลู่นอกทาง
“เป็นการแปลงโฉมที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ใครจะไปรู้ว่าเป็นชินฮารี”
“นั่นสิ ขนาดพ่อแม่ฉันก็คงจำไม่ได้เลยมั้ง ฮามินก็ด้วย”
“ใช่ ตอนนี้เธอไม่ใช่ชินฮารีแล้ว แต่เป็นจินยองซอ ถ้าแนะนำตัวผิดล่ะก็ บัตรเครดิตของฉัน…”
“รู้แล้วน่า รู้แล้ว”
“ขอแค่ไม่พูดชื่อผิดก็พอ จะปลดปล่อยพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอออกมาให้หมดเลยก็ได้ เอาให้เหมือนเพลย์เกิร์ลเลยนะ ว่าไง”
เมื่อเห็นใบหน้าที่มีความสุขของยองซอ จากที่ยิ้มอยู่ในตอนแรก ฮารีก็เริ่มแสดงสีหน้ากังวลออกมา
“แต่เธอจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ ถ้าฉันพูดอะไรแปลกๆ ออกไป”
“อะไรแปลกๆ นั่นน่ะ ฉันพูดมาตั้งนานแล้ว พอรู้ว่าที่ฉันพูดเพ้อเจ้อและพูดพล่ามแบบนั้นเป็นเพราะฉันไม่ชอบใจ พวกเขาก็เลยรู้สึกเสียศักดิ์ศรีและพูดเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายปฏิเสธฉัน คนพวกนั้นคิดถึงแต่ความมีหน้ามีตาของตัวเอง แค่อีกฝ่ายแสดงออกว่าไม่ถูกใจตัวเองเพียงนิดเดียวก็เป็นเดือดเป็นแค้น แล้วก็พูดในทำนองว่าตัวเองจะไม่ยอมให้ฉันเป็นฝ่ายปฏิเสธ ทั้งที่ไม่ชอบฉันตั้งแต่แรกแล้ว”
ยองซอหัวเราะและจับแก้มฮารี
“เพราะงั้นเธอก็ไม่ต้องกังวลนะ พูดพล่ามจัดเต็มได้เลย”
“โอเค ว่าแต่ผู้ชายคนนี้ทำงานอะไรเหรอ”
“ไม่รู้สิ ได้ยินว่าเป็นประธานบริษัทอะไรสักอย่าง”
“อายุล่ะ”
“ขนาดชื่อฉันยังไม่รู้เลย นามสกุลก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรสักอย่าง”
“ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคู่นัดบอดเลยเนี่ยนะ”
“นี่ ต้องนัดบอดสักครั้งสองครั้งก่อนสิ ถึงจะจำเรื่องพวกนั้นได้หมด”
“แต่ถึงยังไงก็ต้องรู้หน่อยสิว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ถึงจะไปดูตัวได้ ถ้าคลาดกันล่ะ…”
“ผู้ชายคนนั้นน่าจะรู้จักชื่อฉันนะ”
เมื่อฮารีหรี่ตามองเพื่อนผู้ไร้ความรับผิดชอบ ยองซอก็บีบไหล่ของฮารีอย่างแรง
“น้องรักของข้า เจ้ากลัวอะไรรึ ในเมื่อข้าบอกแล้วว่าไม่เป็นไร”
“ข้ากลัวทุกอย่างที่เจ้าสั่งให้ทำ”
“เจ้าต้องการเงินมิใช่รึ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…”
“ค่าตอบแทนจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฮารีก็พยักหน้าพร้อมปฏิบัติการด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ข้าจะทำให้เต็มที่!”
ระหว่างทางไปสถานที่นัดพบ แทมูกำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ถูกประธานใหญ่คังรบกวนการทำงานแบบนี้ มันบ่อยมากจนนับครั้งไม่ถ้วน เขาจำได้ว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้และสาเหตุก็เป็นเพราะเรื่องแต่งงาน
แต่งงาน แต่งงาน มันสำคัญอะไรขนาดนั้นถึงได้มารบกวนคนที่กำลังตั้งใจทำงานแบบนี้ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องเสียเวลาอันมีค่าในการทำงานให้กับสิ่งไร้ประโยชน์ที่เขาไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดเลยว่าการพูดถึงเรื่องแต่งงานบ่อยขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงนี้จะรบกวนการทำงานมากขนาดนี้
เขาไม่แต่งงานเพราะคิดว่าถ้าแต่งงานคงจะถูกแย่งเวลาทำงานไปอย่างแน่นอน แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป การไม่แต่งงานอาจแย่งเวลาทำงานไปทั้งหมดเลยก็ได้
ช่วงนี้เขากำลังเตรียมพูดคุยธุรกิจสำคัญกับบริษัทญี่ปุ่น จึงลองคำนวณดูว่าถ้าครั้งนี้นัดบอดแบบขอไปทีเหมือนทุกครั้ง แล้วต่อไปจะเกิดเหตุการณ์ที่ประธานใหญ่คังมาหาจนเขาต้องทิ้งงานเพื่อรีบลุกออกไปอีกกี่ครั้ง ไม่ว่าจะคำนวณเท่าไรก็นับไม่ถ้วน อัตราความเป็นไปได้ก็คือร้อยเปอร์เซ็นต์ ต่อไปประธานใหญ่คังคงจะแวะมาหาเขาบ่อยขึ้นเรื่อยๆ และทุกครั้งก็คงยกเหตุผลต่างๆ นานาขึ้นมาอ้างจนทำให้เขาต้องลุกขึ้นจากที่นั่งทั้งที่ยังทำงานอยู่อย่างแน่นอน
ตอนนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ใครจะไปรู้ว่าต่อไปอาจเป็นวันธรรมดาก็ได้ ประธานใหญ่คังสนุกกับการแกล้งเขามาตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นเด็ก ดังนั้นถ้าเขาบอกว่าไม่ชอบ ประธานใหญ่คังก็จะยิ่งทำเรื่องนี้อย่างสนุกสนานมากขึ้นไปอีก
ทันทีที่จินตนาการถึงภาพที่ประธานใหญ่คังเพลิดเพลินกับการรบกวนเขา หัวใจก็เดือดพล่านขึ้นมา แต่เขาเป็นคนที่มีนิสัยไม่แสดงออกถึงความรู้สึกภายในใจ ดังนั้นในสายตาของคนอื่นๆ จึงอาจเห็นว่าเขาแค่กำลังนั่งมองทิวทัศน์บนท้องถนนอย่างเงียบๆ เท่านั้น
แทมูหรี่ตามองถนนที่ผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว จะปล่อยให้เสียเวลาไปกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น…
ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใช่แล้ว
“ใช่แล้ว”
“…ครับ?”
ซองฮุนที่กำลังขับรถเหลือบมองแทมูผ่านกระจกมองหลัง ทั้งสองจึงสบตากันในกระจก
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ”
“หัวหน้าชา”
“ครับ ท่านประธาน”
“นัดบอดคราวนี้ ผมจะแต่งงาน”
“ว่าไงนะครับ”
ซองฮุนเบิกตากว้าง คังแทมู ผู้ชายที่พูดคำไหนออกมาแล้ว ถึงตายก็ต้องทำตามคำนั้นให้ได้ เมื่อครู่นี้เขาบอกว่าอะไรนะ
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นัดบอดคราวนี้ ผมจะแต่งงาน ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นผู้หญิงแบบไหนก็ตาม”
ไม่ว่าอย่างไรก็จะแต่งงาน เจตนารมณ์อันแรงกล้าพุ่งออกมาจากแววตาของแทมู
ซองฮุนกำพวงมาลัยแน่น ทำไมการรู้สึกถึงลางร้ายจึงต้องตกเป็นภาระของคนรอบข้างเสมอนะ