ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 1 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน

ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 1

ฮารีดันหน้าอกของตัวเอง ถ้าจะพูดให้ถูกคือดัน ‘ฟองน้ำ’ ที่เอาแต่ล้นขึ้นมาเรื่อยๆ ให้กลับเข้าที่ เธอเพิ่งจะทำอย่างนั้นซ้ำๆ แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่รู้ตัวอีกทีก็มาถึงร้านกาแฟของโรงแรมแล้ว เมื่อหายใจเข้าลึกๆ และมองไปรอบๆ ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่คนเดียวก็ปรากฏแก่สายตาของเธอ ผู้ชายที่ใส่สูทแล้วช่างดูเหมาะเจาะเสียเหลือเกิน ผู้ชายที่มีออร่าเปล่งประกาย แม้เขากำลังนั่งอยู่ก็รู้สึกได้ว่าเขาต้องมีช่วงขาที่เรียวยาวแน่นอน

อย่าบอกนะว่าเป็นผู้ชายคนนั้น

เขาทั้งหนุ่มและหล่อ แตกต่างจากที่เธอจินตนาการเอาไว้อย่างสิ้นเชิง

เธอคิดว่าเขาจะเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่แต่งงานเพื่อเงินเท่านั้น

นี่ฉันต้องไปพูดเพ้อเจ้อต่อหน้าผู้ชายแบบนั้นน่ะเหรอ ฉันทำไม่ได้ ยังไงฉันก็ทำไม่ได้

แต่การหาเงินมันไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็โดนมินอูปฏิเสธทางอ้อมไปแล้ว และเธอก็ต้องการเงิน เมื่อก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งด้วยความตั้งใจที่ว่า ใช่แล้ว ลองทำอะไรบ้าๆ บอๆ ดูสักครั้งก็แล้วกัน เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คนที่จับจ้องมา เมื่อมีผู้หญิงใส่กระโปรงสั้น ทาลิปสติกสีแดงแปร๊ด ทาตาดำปี๋อย่างกับหมีแพนด้า ‘ตาช้ำ’ เดินหน้าอกล้ำหน้าขนาดนั้น จะไม่ให้สะดุดตาได้อย่างไร

ถ้าเป็นฉัน ฉันจะหนีไป

เมื่อเหลือบตามองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกแวบหนึ่ง ฮารีก็หน้าแดงขึ้นมาเพราะความขายหน้า เธอรู้สึกเหมือนไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องเพ้อเจ้อแล้ว แค่ผู้ชายคู่นัดบอดเห็นเธอปุ๊บ ก็น่าจะหนีปั๊บ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระแล้วสิ

ขอให้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากด้วยเถอะ

กึกๆๆ รองเท้าส้นสูงส่งเสียงดังลั่น ฮารีเดินเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้นและพูดด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่สุดชีวิต

“ฉันชื่อจินยองซอค่ะ”

เขาเงยหน้าขึ้นมอง ทันทีที่สบตากัน ฮารีรู้สึกแปลบขึ้นมาเหมือนมีอะไรบางอย่างโถมเข้ามาในร่างกายและผ่านออกไปราวกับถูกฟ้าผ่า แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาที่สั้นมากและยากที่จะสังเกตได้ เธอจึงคิดว่าตัวเองแค่เสียความมั่นใจไปเท่านั้น

อะไรเนี่ย เป็นเพราะสายตาคมกริบนั่นหรือเปล่านะ

เมื่อฮารีหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็ยกมือขึ้นและผายมือให้เธอนั่งลงฝั่งตรงข้าม ในตอนนั้นเธอจึงเตือนตัวเองขึ้นมาว่ากำลังสวมหน้ากากที่แม้แต่พ่อแม่ก็ยังจำไม่ได้ ก่อนที่จะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา

“ฉันมาสายไปหน่อยใช่ไหมคะ”

ฮารีนั่งไขว่ห้าง กอดอกและยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ

เขามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่วนเธอก็นั่งยืดไหล่ตัวตรงและจ้องมองเขาเช่นกัน ผมถูกจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบด้วยน้ำมันแต่งผม ดวงตาเรียวยาว ผิวขาว จมูกโด่ง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้เห็นใบหน้าอันสมบูรณ์แบบขนาดนี้ใกล้ๆ แบบตัวเป็นๆ

ฮารีรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อารมณ์เหมือนได้เจอดาราตัวจริง ว่าแต่เป็นเพราะรูปโฉมที่ขนาดนายแบบยังต้องชิดซ้ายหรือเปล่านะ ถึงทำให้เธอรู้สึกคุ้นหน้าแบบนี้ เธอเอียงศีรษะเล็กน้อย หลังจากหรี่ตามองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยปากช้าๆ ราวกับเสร็จสิ้นการสแกนเรียบร้อยแล้ว

ดีล่ะ ถ้าอยากหนีก็หนีไปเลย เร็วสิ พูดมาสิว่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีนัด เร็วสิ เร็วเข้า!

“คุณมาสายมากเลยนะครับ”

“เอ่อ ค่ะ ขอโทษ…”

สายตาที่จ้องมองมาของเขาทำให้ฮารีเสียความมั่นใจอีกครั้ง เธอเกือบจะขอโทษกลับไปอย่างมารยาทงามเสียแล้ว เป็นเพราะคำทักทายที่ต่างไปจากที่คาดไว้หรือเปล่านะ หรือเป็นเพราะสายตาคมกริบคู่นั้นกันแน่ จะว่าไปแล้วเธอรู้สึกเหมือนเคยเห็นสายตาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน

อย่าคิดนอกเรื่อง เธอต้องสติให้ดีนะชินฮารี คนอย่างเธอจะไปเคยเห็นผู้ชายแบบนี้ในโลกของเธอได้ยังไง ห้ามไปหลงกลนะ เธอต้องหาค่าพาร์ตไทม์ให้ได้สิ

ฮารีฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง

“ถ้าคุณคิดจะคบผู้หญิงอย่างฉันล่ะก็”

ฮารีย่นจมูกข้างหนึ่งเล็กน้อย

“คุณต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้หน่อยนะคะ อย่างที่คุณเห็น พอดีฉันค่อนข้างยุ่งน่ะค่ะ ก็พวกผู้ชายไม่ปล่อยให้ฉันว่างเลยน่ะสิ”

อึ๊ย ขนลุก!

คนที่อยากหนีไปในตอนนี้คือฮารีมากกว่า ขณะที่อีกฝ่ายเพียงแค่จ้องมองมาโดยที่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยด้วยซ้ำ แต่เธอกลับเป็นฝ่ายขนลุกเสียเอง เธอคิดว่าถ้าขืนยังพูดแบบนี้ต่อไปคงจะรับตัวเองไม่ได้แน่ จึงพูดออกมาด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจว่าต้องทำให้เขาหนีไปให้เร็วที่สุดให้ได้

“เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งไปพบผู้ชายอีกคนมาน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ เพิ่งเจอกันครั้งแรกแท้ๆ แต่ก็ดูจะเปิดเผยมากไปสักนิด แต่นี่เป็นตัวตนที่แท้จริงของฉันน่ะค่ะ ยังไงก็น่าจะดีกว่าแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาใช่ไหมล่ะคะ”

ฮารีแอ่นอกอวบอึ๋มพลางยิ้มออกมา ทว่าสีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง

อะไร อะไรกันเนี่ย เป็นหินผาหรืออะไรกัน

หรือว่าเขาจะเบื่อแล้ว แต่นี่ยังไม่ได้เริ่มเลยนะ ถ้ามาเบื่อกันทั้งที่เธอยังนั่งอยู่ตรงหน้าแบบนี้ล่ะก็ มันคงเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีที่เธอยอมรับไม่ได้

“คุณไม่ค่อยชอบเพลย์เกิร์ลเหรอคะ”

ฮารีก้มลงไปข้างหน้าเล็กน้อย เผยให้เห็นเนินอกทั้งสองข้างที่โกยขึ้นมาอย่างสุดชีวิตพลางพูดออกมา

“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เราเลิกทำเรื่องน่าเบื่อแบบนี้แล้วมาเล่นอะไรสนุกๆ อย่างอื่นกันดีไหมคะ”

เธอยิ้มอย่างสบายอกสบายใจและพูดต่อ

“ถ้าพูดถึงการแต่งงาน อย่างน้อยมันก็คือการที่เราต้องแบ่งชีวิตให้กัน ซึ่งมันจะเป็นอย่างนั้นทั้งชีวิต แล้วก็ใช่ว่าเราจะเที่ยวไปแต่งกับใครก็ได้นี่คะ การแต่งงานกันทั้งที่กระแสไฟไม่ได้สื่อถึงกันและมองแต่เงื่อนไขอย่างเดียว มันดูไม่โรแมนติกเอาเสียเลย เราเลิกทำอะไรแบบนี้แล้วทำอย่างอื่นกันดีกว่าค่ะ ฉันน่ะเบื่อการนัดบอดแบบนี้จนแทบบ้าแล้ว”

ฮารีขยิบตาอย่างสบายอกสบายใจพลางย้ำกับตัวเองเรื่อยๆ ว่า ‘ฉันใส่หน้ากากอยู่’

“ถ้าคุณคนเดียวเอาไม่อยู่ จะเรียกเพื่อนมาเป็นสองต่อหนึ่งก็ได้นะคะ หรือจะเป็นสามต่อหนึ่งเลย…”

สามต่อหนึ่งมันเกินไปไหมนะ แค่สองต่อหนึ่งก็บ้าแล้ว แล้วสองต่อหนึ่งจะต้องทำอะไรกันล่ะ

แต่บางทีเวลาที่รู้สึกไม่สบายใจ แค่ได้พูดอะไรบ้าๆ บอๆ ออกไปก็ทำให้รู้สึกบันเทิงใจขึ้นมาแล้ว และเมื่อได้พูดไปเรื่อยๆ ฮารีก็ยิ่งรู้สึกสนุกกับการพูดจาไร้สาระมากขึ้น

“คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ เพราะฉันจัดการได้ทั้งหมดไม่ว่าจะสองคนหรือสามคน รวมถึงคุณด้วย เป็นไงคะ”

ฮารีพูดคำว่า ‘จัดการ’ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่สุดแสนจะเซ็กซี่ ขณะที่ฝ่ายชายเอาแต่นั่งมองเธอเงียบๆ

ดีแล้ว คู่นัดบอดรักสนุกขนาดนี้ ใครจะไปชอบ ถ้าเป็นคู่ควงแค่คืนเดียวก็ไม่แน่ แต่ถ้าให้เป็นคู่แต่งงานล่ะก็ ยังไงก็ไม่มีใครรับได้หรอก

“ถ้าคุณอยากล่ะก็ เราขึ้นไปสนุกกันข้างบนดีไหมคะ ที่นี่เป็นโรงแรมนี่นา ฉันจะทำให้คุณรู้สึกดีสุดๆ ไปเลย พวกผู้ชายเห็นฉันเมื่อไรเป็นต้องตามกันแจ…ฮึ ถึงไม่ต้องพูดต่อ คุณก็คงพอจะทราบใช่ไหมคะ ฉันว่าคุณเองก็น่าจะชอบใช้แรงเหมือนกัน ถึงฉันจะยุ่งนิดหน่อย แต่ถ้าใช้เวลาสักประมาณชั่วโมงหนึ่งก็ยังพอจัดเวลาได้นะคะ”

พอพูดจบ เธอก็หัวเราะออกมา แต่ฝ่ายชายกลับไม่พูดอะไรเลย

โอย อยากมุดดินหนีชะมัด

ฮารีทำทุกอย่างตรงข้ามกับสิ่งที่ใจคิด เธอยิ้มและกะพริบตาอย่างเต็มที่จนรอยยิ้มเริ่มจะค้างและแก้มเริ่มจะชา เขาถึงเอ่ยปากพูดออกมา

“คังแทมูครับ”

“…คะ?”

“ดูเหมือนคุณจะยังไม่รู้จักชื่อผมน่ะครับ”

เขาพูดออกมาราวกับว่ารู้สึกติดใจกับคำที่ฮารีเรียกเขาว่า ‘คุณ’ จากบรรดาคำพูดมากมายเหล่านั้น เธอเบ้ปากในใจ แต่ภายนอกก็ยังคงยิ้มอย่างสบายอกสบายใจต่อไป

“อ๋อ ค่ะ คุณคังแทมู คุณชื่อคังแทมูนี่เอง”

คังแทมู คังแทมู คังแทมู…

ฮารีทวนชื่อของเขาซ้ำๆ อยู่ที่ปาก ไอ้ความรู้สึกเหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้อยู่บ่อยๆ จากที่ไหนสักแห่งนี่มันอย่างไรกันนะ เธอหันไปสบตาเขาที่กำลังจ้องมองมาและลดความวิตกกังวลของตัวเองด้วยรอยยิ้ม

“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันนัดบอดมากไปหน่อย เลยจำชื่อไม่ค่อยได้น่ะค่ะ”

ยิ่งพูดก็ยิ่งดูไม่มีมารยาทเอาเสียเลย แล้วอย่างไรล่ะ มันไม่ใช่มารยาทของชินฮารีสักหน่อย เป็นมารยาทของจินยองซอต่างหาก อย่างไรเสียยองซอก็ไม่รู้ชื่อของเขาจริงๆ นี่นา ทั้งยังบอกแล้วด้วยว่าไม่เป็นไร เพราะฉะนั้นก็ต้องพยายามแสดงให้ดูไม่มีมารยาทยิ่งขึ้นไปอีก

“ฉันชื่อจินยองซอค่ะ”

“ผมทราบแล้วครับ”

เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

ทำไมฉันถึงรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมานะ ฉันน่ะเบื่อได้ แต่นายจะเบื่อไม่ได้สิ

“ฉันเป็นคนว่างงานค่ะ”

ฮารีตั้งใจพูดให้เขาหัวเราะ แต่สีหน้าของเขากลับดูเบื่อหน่ายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ที่จริงแล้วฉันทำงานบริษัทค่ะ แล้วคุณคังแทมูล่ะคะ ทำงานอะไร…”

“ผมทำงานที่บริษัทซองอุนครับ”

“อ๋อ บริษัทซองอุน ฉันรู้จักที่นั่นดีเลยค่ะ ที่นั่น…”

เป็นบริษัทของฉันเอง บริษัทฉัน? ใช่ นั่นมันบริษัทของฉันนี่!

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

แทมูเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเห็นฮารีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

เขาชื่อคังแทมูทำงานอยู่บริษัทฉันงั้นเหรอ เขาคือใครกันนะ ใครกัน อย่าบอกนะว่า…

“ท่านประธาน!”

เมื่อฮารีลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง แทมูก็เงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่สายตาจะไปจับจ้องอยู่ที่ขาอันเปลือยเปล่าของเธอเนื่องจากกระโปรงที่ร่นขึ้น ฮารีจึงรีบดึงกระโปรงและนั่งลงอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็พูดด้วยท่าทีนิ่งเฉยเหมือนตัวเองไม่ได้มองอะไรเลยสักนิด

“ครับ ผมเป็นประธานของที่นั่น”

นี่ฉัน…มานัดบอดกับประธานบริษัทเหรอเนี่ย ฉันมานัดบอดกับประธานบริษัทของตัวเอง!

หน้าผากของเธอเริ่มเต็มไปด้วยเหงื่อ

ใช่แล้ว มิน่าล่ะ

เพราะอย่างนี้ถึงได้สงสัยว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นหน้า ถ้าให้พูดถึงหน้าตาของท่านประธานล่ะก็ ที่จริงแล้วก็แค่เคยเห็นตอนที่เขาเดินผ่านพร้อมกับพวกผู้บริหาร แล้วเธอก็คุยกับพนักงานคนอื่นๆ ว่า ‘คนนั้นคือท่านประธานเหรอ โอ้ พระเจ้า ช่างไม่ยุติธรรมเลย ทำไมบ้านถึงได้รวย ตัวสูงขนาดนั้น แถมยังหล่ออีกต่างหาก’ แต่เธอก็แค่เห็นเขาเดินผ่านไปเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามถ้าได้เห็นใบหน้านั้นครั้งหนึ่งแล้วล่ะก็ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจำได้อยู่แล้ว แต่อาจจะยากไปสักหน่อยที่จะฉุกคิดได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นคนคนเดียวกัน

เคยได้ยินแต่คนอื่นพูดถึง แต่แบบนี้มันสุดยอดจริงๆ!

พอได้เห็นใกล้ๆ นี่เป็นรูปโฉมที่เกินกว่าฮารีจะรับมือไหว แต่เธอไม่มีเวลามาหลงใหลในรูปโฉมเอาตอนนี้ เธอจำเป็นต้องใจเย็นลงให้มากกว่านี้

ไหนลองคิดดูซิ ท่านประธานเป็นคนแบบไหนกันนะ อ้อ ใช่เลย เขาเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ถ้าพูดออกมาจากปากว่าต้องทำอะไรครั้งหนึ่งแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้ได้ จนถูกพวกพนักงานเรียกว่าโรคจิต และเขาเกลียดการที่พนักงานทำอะไรด้วยกันเป็นการส่วนตัว สั่งห้ามพนักงานในบริษัทคบกัน จนถูกกล่าวขานว่าเป็นคนหัวโบราณที่สุดในยุคนี้ แถมยังเกลียดการโกหกมากที่สุด ได้ยินมาว่าถ้าได้รู้ว่าสาเหตุของการเข้างานสายเป็นเรื่องโกหก เขาก็จะสั่งไล่ออกทันที จนถูกขนานนามว่าไอ้คนเลือดเย็น

เมื่อลองคิดดูแล้ว ฮารีก็รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำสิ่งที่เขาไม่ชอบไปแล้วประมาณสามอย่าง

ฉัน…จะโดนไล่ออกไม่ได้

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com