Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน
ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 1
มือฮารีเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถ้ารู้ว่าประธานบริษัทจะออกมานัดบอด อย่างน้อยเธอก็คงไม่พูดเรื่องสามต่อหนึ่งออกไป ไม่สิ เธอก็คงจะไม่มาตั้งแต่แรก! แต่มันเป็นการเสียใจในภายหลังที่สายเกินไปเสียแล้ว
ใจเย็นก่อนนะ ใจเย็นก่อน ฉันเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ๆ ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นพนักงานคนนั้นด้วยซ้ำ นอกจากท่านประธานจะไม่รู้จักหน้าตาของฉันแล้ว ฉันยังแต่งหน้ามาซะเข้มเหมือนไปโดนระเบิดมาอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นต่อให้ต้องเจอกันอีก ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางจำฉันได้แน่นอน ใช่แล้ว นอกจากนี้ฉันยังไม่เคยเผชิญหน้ากับท่านประธานอย่างจริงจังเลยสักครั้งนี่นา
ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้จึงมีทางเดียวเท่านั้น นั่นคือทำอะไรบ้าๆ บอๆ ให้มากกว่านี้ จะได้แยกย้ายกันให้เร็วที่สุด
“ฉันบอกไปหรือยังนะคะว่าทำไมถึงมาสาย”
“ครับ คุณบอกว่าไปเจอผู้ชายคนอื่นก็เลยมาสายครับ”
พูดเรื่องแบบนั้นราวกับเป็นเรื่องธรรมดาเลยนะ
“ดูเหมือนคุณจะไม่รู้สึกแย่เท่าไรเลยนะคะ ทั้งที่ฉันบอกว่าไปเจอผู้ชายคนอื่นมา”
“ถ้าคุณถามถึงส่วนที่บอกว่าไปเจอผู้ชายคนอื่นมา ก็ใช่ครับ”
อะไรกัน นี่มันมนุษย์ประเภทไหนกันเนี่ย
เมื่อเห็นฮารีมองด้วยสายตาประหลาดใจ แทมูก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
น่าจะมีปัญหาเยอะเลยล่ะ
แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องผู้หญิงที่เขากำลังนัดบอดอยู่เป็นพนักงานหญิงในบริษัทของเขาเอง
ใช่แล้ว คนทั้งบริษัทรู้กันหมดแล้วว่าท่านประธานเป็นคนแปลกๆ แต่ปัญหาก็คือฉันนี่แหละ
ฮารีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับปล่อยวางทุกอย่างแล้ว
“ที่จริงแล้วสาเหตุที่ฉันมาสายก็เพราะมัวแต่นอน มัวแต่นอนอยู่กับผู้ชายคนอื่นอยู่น่ะค่ะ”
คิ้วของเขาเลิกขึ้นสูงอีกครั้ง
ใช่แล้วค่ะ ท่านประธาน! คู่นัดบอดของท่านประธานบ้าไปแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นคุณช่วยเลิกสนใจมารยาทแล้วรีบวิ่งหนีออกไปจากสถานที่นัดบอดแห่งนี้เถอะค่ะ
“ฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นค่ะ ทุกคนคิดว่าฉันตั้งใจเรียนเหมือนลูกคุณหนูผู้สูงส่ง แต่ที่จริงแล้วนอกจากฉันจะสวยแต่รูปแล้ว ฉันยังเป็นคนไร้การศึกษาที่ตั้งกำแพงกับเรื่องการเรียน แล้วก็คิดแต่เรื่องมีเซ็กซ์กับผู้ชาย ฉันไม่พอกับผู้ชายเพียงคนเดียวหรอกนะคะ คงเป็นเพราะยังไม่เจอผู้ชายที่ทำให้ฉันพอใจได้น่ะค่ะ”
เพื่อที่จะออกไปจากที่นี่ให้ได้ ฮารีจึงเริ่ม ‘พูดพล่ามจัดเต็ม’ อย่างแท้จริง
“ตอนนี้ฉันก็ยังคิดถึงแต่เรื่องนั้นอยู่เลย โอ้ ฉันอยากทำ ฉันอยากนอน ฉันอยากกินจังเลย”
ฮือ อยากจะร้องไห้
เมื่อแทมูไม่พูดอะไรออกมาเลย ฮารีจึงได้แต่เหลือบตาขึ้นมองเล็กน้อย หลังจากจ้องมองเธออยู่สักพัก เขาก็ค่อยๆ เริ่มพูดออกมา
ใช่ค่ะ ท่านประธาน ดีค่ะ พูดออกมาเลยค่ะว่ายายนี่มันบ้ามาจากไหนกัน แล้วทีนี้ก็หนีไปได้แล้วค่ะ ได้โปรด ได้…!
“มีโทรศัพท์มือถือหรือเปล่าครับ”
เขาพูดเรื่องอื่นออกมาราวกับจะบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์ของเธอ
“…คะ?”
“โทรศัพท์มือถือ”
“ทะ…โทรศัพท์มือถือเหรอคะ”
เมื่อฮารีถามซ้ำหลายครั้ง เขาก็ขมวดคิ้วและมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยในแบบที่ไม่เคยแสดงให้เห็นมาก่อน ในขณะนั้นเธอรู้สึกเหมือนเจ้านายกำลังดูเอกสารของเธอด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงรีบส่งโทรศัพท์มือถือให้เขาอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางสุดเป๊ะ เขาตั้งใจกดอะไรบางอย่าง แล้วเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
คุณไม่รีบหนี แถมยังทำอะไรที่…
ฮารีมองสิ่งที่เขากำลังทำด้วยสายตาเลื่อนลอย จากนั้นเขาก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้เธอ
“ผมได้เบอร์โทรมาผิดจริงๆ ด้วยครับ”
หืม?
“เมื่อครู่นี้ผมเห็นว่าคุณจินยองซอสายมากแล้วก็เลยลองโทรไป แต่เขาบอกว่าโทรผิดน่ะครับ”
“อ๋อ นั่นมันเบอร์ยองซอ…”
เขาคงจะโทรไปที่เบอร์ของยองซอ แล้วพอยองซอรับสายก็คงตอบปฏิเสธอย่างแน่นอน อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้…
“คุณเมมเบอร์ฉันเหรอคะ”
ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ ฮารีขมวดคิ้วไม่เข้าใจ นี่เธอตาฝาดไปหรือเปล่า เพราะเธอรู้สึกเหมือนจะเห็นมุมปากข้างหนึ่งของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“วันนี้ผมเองก็ยุ่งเหมือนกันครับ”
เมื่อเขาหย่อนโทรศัพท์มือถือลงไปในกระเป๋าด้านในเสื้อสูทและลุกขึ้นจากที่นั่ง ฮารีก็ลุกพรวดขึ้นโดยอัตโนมัติเหมือนเป็นลูกน้องที่ติดตามเจ้านาย
“ไว้ผมจะโทรไปนะครับ”
“…คะ?”
“ผมจะโทรไปครับ”
“ทะ…โทรมาเหรอคะ”
แทมูหรี่ตามองฮารี
“คุณจินยองซอ”
“…คะ?”
“ผมต้องพูดอีกกี่ครั้งกันครับ”
พูดครั้งเดียว ฟังไม่เข้าใจหรือไง เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเย็นชาพูดแบบนั้น แถมเป็นในเวอร์ชั่นเจ้านายอีกด้วย
“อ๋อ ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ คุณบอกว่าจะโทรมา…”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปส่ง ถ้าคุณรอที่นี่สักครู่ เลขาฯ ของผมจะพาคุณไปส่งเองครับ”
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินจากไป ฮารีมองตามแผ่นหลังของเขาพลางครุ่นคิดด้วยสติอันเลอะเลือน
ตอนนี้ท่านประธาน…คงกำลัง…หนีไปนั่นแหละ
เขาคงไม่คิดจะโทรมาจริงๆ หรอก…
ถ้างั้น…ถ้างั้น
พอเขาได้ฟังเรื่องเพ้อเจ้อ คงรู้สึกอายที่จะหนีไปเฉยๆ ก็เลย…
ใช่แล้ว มันต้องใช่…
“ทำไมกลับมาเฉยๆ ล่ะ”
แทมูถามซองฮุนผู้เป็นหัวหน้าเลขานุการที่กำลังเดินตามเขาเข้ามาในห้องทำงาน เพราะเขาสั่งให้พาคู่นัดบอดไปส่ง แล้วเขาจะนั่งแท็กซี่กลับมาเอง แต่ซองฮุนกลับเดินเข้าห้องตามเขามาทันที
“คุณจินยองซอปฏิเสธไม่ให้ผมไปส่งน่ะครับ”
แทมูดูเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า เขาถอดเสื้อสูทนำไปแขวน แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ซองฮุนคิดว่าเขาจะพูดอะไรอย่างอื่นเพิ่มเติม แต่เขากลับเริ่มทำงานต่อทันที
ซองฮุนจ้องเขม็งไปที่เขา ใครจะไปรู้ว่าชายคนนี้เพิ่งกลับจากการนัดบอด เพราะเขาดูเหมือนแค่ออกไปจัดการงานจนเสร็จและรีบกลับมาทำงานอื่นต่อเท่านั้น เขาเป็นเสียอย่างนี้ คนถึงได้ลือกันว่าเขาไม่ใช่มนุษย์
ทุกคนในบริษัทนี้รู้ดีว่าเขาชอบทำงาน รู้ว่าเขาทำงานเก่ง แล้วก็รู้ด้วยว่าเขาคิดแต่เรื่องงานเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงรู้ดีว่าบริษัทกำลังดำเนินกิจการไปได้ด้วยดี แต่ซองฮุนคิดว่าวันนี้จะแตกต่างไปเสียอีก อย่างน้อยซองฮุนก็คิดว่าหลังจากการนัดบอดครั้งนี้ เขาจะมีท่าทีเปลี่ยนไปเพราะสิ่งที่เขาพูดก่อนที่จะไปนัดบอด
“มีอะไรหรือเปล่า”
แทมูหยุดทำงานครู่หนึ่งและเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าซองฮุนมีท่าทีลังเล เขาก็เบนสายตาไปที่เอกสารเหมือนเดิม
“ถ้าไม่มีอะไรก็เลิกงานได้แล้ว”
“คุณจินยองซอเป็นยังไงบ้างครับ”
แทมูเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตาที่เหมือนกำลังถามว่าทำไมถึงถามในสิ่งที่ไม่เคยถาม ซองฮุนจึงถามอีกครั้ง
“จะแต่งงานกับคุณคนนั้นจริงๆ เหรอครับ”
ซองฮุนเองก็ไม่อยากถามคำถามแบบนี้กับผู้ชายที่พูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้นเหมือนกัน แต่เขาไม่มีทางเลือก เพราะลักษณะท่าทางของผู้หญิงชื่อจินยองซอที่เขาเห็นทำให้เขาอึ้งไปจนพูดอะไรไม่ออก
“ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอ”
เขาเปิดฝาปากกาหมึกซึม
“ว่านัดบอดครั้งนี้ผมจะแต่งงาน”
เขาพูดเหมือนกำลังพูดเรื่องของคนอื่นและเริ่มขีดเส้นในเอกสารตรงส่วนที่มีปัญหา การกระทำเช่นนี้หมายความว่าฉันจะทำงานแล้ว เพราะฉะนั้นอย่ามาทำให้ฉันต้องเสียเวลา
ซองฮุนรู้ดีว่าการที่แทมูนั่งทำงานอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆ ประธานใหญ่คังก็มาหาจนต้องออกไปนัดบอดอย่างไม่เต็มใจ มันทำให้แทมูรู้สึกอึดอัดใจมากแค่ไหน ถ้าคนที่ไม่รู้มาได้ยินเข้าคงจะนึกว่านั่นเป็นคำพูดที่พูดออกมาเฉยๆ เพราะไม่อยากไปนัดบอดอีก แต่ไม่ว่าแทมูจะไม่อยากไปนัดบอดหรือจะอารมณ์เสียที่การไปนัดบอดทำให้การทำงานของเขาต้องขาดตอน (บางทีอาจจะทั้งสองอย่าง) ก็ล้วนไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญคือในเมื่อเขาพูดอย่างนั้นออกมาแล้ว เขาจะต้องทำแบบนั้นอย่างแน่นอน
ซึ่งหมายความว่าแทมูจะแต่งงานกับจินยองซอนั่นเอง
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอได้เจอผู้หญิงคนนั้นแล้ว คิดว่าจะเปลี่ยนใจซะอีก
ซองฮุนนึกถึงจินยองซอที่ได้เจอเมื่อกี้ เธอเป็นผู้หญิงที่ความเซ็กซี่ครอบครองทุกส่วนของร่างกายอย่างเกินพอดีและดูเหม่อลอยอย่างไรชอบกล แน่นอนว่าใบหน้าสวยมากก็จริง แต่ก็แต่งหน้าเข้มมากจนแทบไม่รู้เลยว่านั่นคือใบหน้าของเธอจริงๆ หรือเปล่า เรื่องเสื้อผ้าก็ด้วย เธอสวมชุดที่ต่อให้ใส่ไปไนต์คลับก็ยังรู้สึกว่าเกินพอดีไปมาก ไม่มีส่วนไหนที่ไม่เกินพอดีเลย แม้แต่ตอนที่เขาบอกว่าจะไปส่ง เธอก็ตอบปฏิเสธกลับมาว่าไม่เป็นไรและยังดูเหม่อลอยจนเกินพอดี ถ้าให้ประเมินโดยรวม สภาพของเธอเหมือนเพิ่งไปดื่มที่ไนต์คลับจนถึงเช้ามืดแล้วยังไม่ได้กลับบ้าน แต่ตรงมานัดบอดเลยทั้งที่ยังไม่สร่างเมาอะไรอย่างนั้น
จะแต่งงานกับผู้หญิงแบบนั้นเนี่ยนะ
ฮึบ ซองฮุนสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่เมื่อครุ่นคิดอีกที เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง
“ผมว่าคุณจินยองซอ…เธอดูค่อนข้างรักสนุกนะครับ…”
ซองฮุนพูดออกมาอย่างระมัดระวัง เพราะคิดว่าเธอคือผู้หญิงที่อาจจะกลายมาเป็นภรรยาของแทมูก็ได้
“ค่อนข้างรักสนุกเหรอ”
“เอ่อ คือว่า…การมองคนแต่ภายนอกมันก็ยังไงอยู่ แต่มีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกได้ว่าเธอค่อนข้างรักสนุก…”
“คุณผิดแล้ว ไม่ใช่แค่ค่อนข้าง แต่มากเลยล่ะ”
“อะไรนะครับ ไม่ใช่แค่ค่อนข้าง แต่มากเลยเหรอครับ”
“เธอบอกว่างั้นนะ คุณพอจะหาเวลาจากตารางงานวันจันทร์ของผมสักสิบนาทีได้ไหม บอกให้ผู้อำนวยการอันเข้ามาหาหน่อย แผนงานเละเทะขนาดนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาอนุมัติได้ยังไง”
ตอนนี้ผมไม่อยากจะเชื่อคำพูดของท่านประธานเลยจริงๆ เมื่อกี้คุณพูดถึงภรรยาของคนอื่นอยู่เหรอครับ
แทมูพูดออกมาว่าผู้หญิงที่กำลังจะกลายเป็นภรรยาไม่ได้แค่ค่อนข้างรักสนุก แต่รักสนุกมาก แล้วก็นั่งแก้เอกสารต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ท่านประธานครับ ท่านรู้ใช่ไหมครับว่าการแต่งงานของท่านจะส่งผลต่อบริษัทของเรายังไงบ้าง”
บริษัทซองอุนที่ก่อตั้งโดยประธานใหญ่คังมันกึนต้องสะดุดไปชั่วขณะ เนื่องจากคังซองจงผู้เป็นลูกชายไม่มีความสามารถ แต่หลังจากที่คังแทมูผู้เป็นหลานชายเข้ามาดำเนินธุรกิจต่อเพียงไม่กี่ปี บริษัทก็เติบโตขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เขาทำงานเก่งก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่ความซื่อสัตย์และท่าทีที่ตรงไปตรงมาของคังแทมูคือสิ่งที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของบริษัทไปอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้าได้ผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นภรรยา…
เมื่อนึกถึงภาพของผู้หญิงที่ชื่อจินยองซอซึ่งแต่งตาแบบสโมกกี้อายขึ้นมา ซองฮุนก็รีบส่ายหน้า
“ถึงอย่างนั้นก็ยังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นอีกเหรอครับ”
“หัวหน้าชา”
“ครับ”
“หัวหน้าชาเองก็ได้ยินแล้วนี่ ที่ท่านประธานใหญ่อธิบายถึงครอบครัวแล้วก็ตัวผู้หญิงคนนั้นน่ะ”
เรื่องอื่นอาจจะไม่ค่อยแน่ใจ แต่ตรงที่บอกว่าเป็นคนสุภาพเรียบร้อยเป็นสิ่งที่ซองฮุนจำได้ฝังใจ คำว่าสุภาพเรียบร้อยในรสนิยมของท่านประธานใหญ่เป็นอย่างนั้นจริงหรือ
“ไม่คิดว่าท่านประธานใหญ่จะเลือกคนที่ใช่ให้ผมอย่างดีที่สุดเหรอ”
ซองฮุนรู้สึกได้ถึงการพลิกแพลงคำพูดในน้ำเสียงนั้น แทมูอารมณ์เสียมากจริงๆ ด้วยที่ประธานใหญ่คังมารบกวนการทำงานของเขาแบบนั้น นี่เป็นการต่อต้านอย่างหนึ่ง เมื่อถูกรบกวนการทำงานก็ตั้งใจจะแต่งงานกับใครก็ได้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย!
“แต่ยังไงเรื่องแต่งงานก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ”
ซองฮุนสงบปากสงบคําไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นสายตาทิ่มแทงของแทมู สายตานั้นกำลังบอกว่าอย่าพยายามเปลี่ยนคำพูดที่ออกจากปากของเขา
“ผมหมายถึง ยังไงท่านก็แต่งงานทั้งที่คุณจินยองซอไม่รู้ตัวไม่ได้นี่ครับ ผมอยากให้ท่านลองคุยเรื่องการแต่งงานกับทางนั้นดูก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีน่าจะดีกว่านะครับ ในเมื่อเป็นคนรักสนุก เธอก็อาจจะไม่คิดเรื่องแต่งงานก็ได้นะครับ”
ในเมื่อเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของแทมูแล้ว ซองฮุนจึงไม่อาจโน้มน้าวใจเขาได้ แต่การแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่ทำเองได้คนเดียว แทมูพยักหน้ารับราวกับเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว จากนั้นก็ค่อยๆ เอ่ยปากพูด
ครับ ท่านประธาน บอกมาได้เลยครับว่าเรื่องแต่งงานจะเปลี่ยนเป็นการนัดบอดครั้งถัดไป จะข้ามผู้หญิงคนนั้นไปก่อน…
“เข้าใจแล้ว”
เฮ้อ โล่งอกไปที ประธานคังแทมูก็เปลี่ยนคำพูดได้เหมือนกัน…
“ฉันจะโทรหาผู้หญิงคนนั้น”
“โทรไปทำไม…”
“ขอแต่งงานไง”
…การเปลี่ยนใจเขาคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สินะ
* ทูจ็อบส์ มาจากคำว่า two jobs หมายถึงการทำงานสองอาชีพ
* ยองกู เป็นชื่อตัวละครที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญาจากซีรี่ส์เรื่อง ‘Yeo Ro’ ที่ออกอากาศทางช่อง KBS1 เมื่อปี ค.ศ. 1972
** ปลาหมึก หมายถึงคนหน้าตาไม่ดี
*** โซจู เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยอดนิยมของเกาหลี กลั่นจากข้าว มันเทศ หรือมันฝรั่งหมัก ไม่มีสี รสชาติขมออกหวาน
* เฟม ฟาทัล เป็นคำจากภาษาฝรั่งเศส หมายถึงสาวสวยสังหารที่ใช้เสน่ห์ร้อนแรงมาสร้างอันตรายได้โดยไม่มีใครคาดคิด
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 14 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.