Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน
ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 2
เธอรู้สึกเสียใจแต่มันก็สายเกินไปแล้ว ทั้งหมดที่เธอทำได้ตอนนี้คือเดินเข้าไปที่มุมลิฟต์และยืนแนบชิดติดกับผนังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยปิดหน้าเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งทำให้สะดุดตามากขึ้น แต่ดูเหมือนคนที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้างอย่างเขาจะไม่ทันสังเกต เพราะเมื่อเขาเดินเข้ามาในลิฟต์ก็กดปุ่มชั้นสิบสองแล้วมองตรงไปข้างหน้า เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง เธอก็ลอบชำเลืองมองเขาด้วยหางตา
ตอนนัดบอด เธอได้เห็นเฉพาะตอนที่เขานั่งเท่านั้น แต่เมื่อได้มองจากด้านหลังแบบนี้ก็ยิ่งเห็นว่ารูปลักษณ์ของเขาดีงามยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก ไหล่ก็กว้าง ตัวก็สูง หน้าก็เล็ก แล้วยังจัดทรงผมอย่างเป็นระเบียบจนท็อปโมเดลยังต้องชิดซ้าย
เฮ้อ ผู้ชายแบบนี้มาขอฉันแต่งงานเนี่ยนะ
ต่อให้อยู่ในความฝันก็ยังรับคำขอแต่งงานนั้นไม่ได้เลย ถ้าเขาไม่ใช่คนจิตวิปริตล่ะก็ ซึ่งแน่นอนว่าต่อให้ไม่ใช่ เธอก็แต่งงานกับเขาไม่ได้อยู่ดี แต่จะว่าไปผู้ชายที่ถูกปฏิเสธกลับมีท่าทีสบายใจมาก ในขณะที่ใครบางคนไม่ได้หลับได้นอนจนต้องมาทำงานในสภาพหม่นหมองแบบนี้
หลังจากชำเลืองมองและเปรียบเทียบภาพสะท้อนของตัวเองกับเขาในลิฟต์ได้สักพัก ฮารีก็หลับตาปี๋ ทำไมต้องมาเจอกันที่หน้าลิฟต์ด้วยนะ แถมยังเจอกันสองต่อสองอีกต่างหาก เธออึดอัดจนรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
แต่ยังไงเขาก็จำฉันไม่ได้นี่นา ใจเย็นไว้ ใจเย็น
เมื่อฮารีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอย่างไม่รู้ตัว เขาก็หันมามองเธอ และทันทีที่สบตากัน เธอก็สะดุ้งอย่างเห็นได้ชัด
“อะ…อากาศดีมากเลยนะคะ!”
ฮารีทักทายออกมาเสียงดังอย่างไม่เป็นธรรมชาติขั้นสุด เธอกล้ำกลืนน้ำตาและพยายามยิ้มอย่างหน้าตาเฉย เขาเบนสายตาไปทางอื่นอย่างเฉยเมยโดยไม่ได้ตอบอะไร จากนั้นก็หรี่ตามองเธออีกครั้ง
“มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ”
“…คะ?”
หัวใจของฮารีหยุดเต้นอีกครั้ง
มีอะไรจะพูดงั้นเหรอ หรือเขาจับได้แล้วว่าฉันเป็นคู่นัดบอดท่าทางแปลกๆ ที่บ้าผู้ชายแต่ก็ชอบผู้หญิงด้วยคนนั้น…
“ดูเหมือนคุณกำลังจะขึ้นไปที่ห้องประธานด้วยกันกับผมนะครับ”
เขาชี้ไปที่ปุ่มกด ชั้นสิบสองเป็นชั้นที่มีห้องประธาน ห้องเลขานุการ ห้องประชุม และห้องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของประธานทั้งหมด นอกจากปุ่มเลขสิบสองแล้วก็ไม่มีปุ่มใดถูกกดเอาไว้เลย
เขามองนาฬิกาข้อมือ
“คุยที่นี่ก็ได้ครับ พอดีผมยุ่งนิดหน่อย”
กดปุ่มชั้นที่จะลงสิ ยายซื่อบื้อ! แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงพูดนั้น
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้มีเรื่องจะคุยค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้นเลยค่ะ”
พอฮารีกดปุ่มชั้นแปดอย่างลนลาน เขาก็หรี่ตามองปุ่มกดและมองเธอสลับกันไปมา ก่อนจะหันไปมองข้างหน้าราวกับไม่ได้สนใจอะไรอีก
ทันทีที่ลิฟต์มาถึงชั้นแปดและประตูเปิดออก ฮารีก็รีบพุ่งตัวออกจากลิฟต์และเดินเข้าไปในห้องทำงานอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเขาจะขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องทำงานแล้ว แต่เธอก็ยังคงเดินไปรอบๆ ห้องทำงานด้วยความกระวนกระวายใจอยู่พักใหญ่
ทำไมถึงบังเอิญเจอกันได้นะ แต่ก็เห็นแล้วนี่ว่าเขาจำฉันไม่ได้เลยสักนิด
งั้นมันก็จบแล้วใช่ไหม มันจบแล้ว เธอปฏิเสธคำขอแต่งงานไปแล้ว และเขาก็จำเธอไม่ได้ ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขได้กลับมาแล้ว ตราบใดที่ไม่ได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เธอก็จะได้หวนกลับไปสู่ช่วงเวลาในอดีตที่ไม่ต้องโดนไล่ออกเพราะเรื่องนัดบอด
โลกช่างสงบสุขเหลือเกิน แน่นอนว่าหมายถึงโลกของชินฮารี
แต่ในโลกของท่านประธานที่อยู่ชั้นเหนือ เหนือ เหนือ เหนือขึ้นไปบนนั้น ความสงบสุขได้ถูกทำลายลงแล้ว…
‘ไม่ค่ะ คุณคงจะงานยุ่งน่าดู ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอกค่ะ ฉันจะไม่แต่งงานค่ะ! ฉันแต่งไม่ได้! ที่จริงแล้วฉันชอบผู้หญิงค่ะ ฉันเกลียดผู้ชายที่สุด พูดจริงนะคะ ฉันรักผู้หญิงค่ะ งั้นแค่นี้นะคะ!’
แล้วโทรศัพท์ขอแต่งงานก็ถูกตัดสายทิ้งอย่างไร้ความปรานี และตั้งแต่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันธรรมดาในตอนนี้ แน่นอนว่าแทมูไม่ได้คิดถึงเรื่องการถูกปฏิเสธคำขอแต่งงานอันน่าเหลวไหลนั่นอยู่ตลอดเวลา แต่เขายังคงคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาบ้าง
เขาไม่ใช่คนประเภทที่ดึงดันกับเรื่องไร้ประโยชน์ ด้วยความที่เขาเป็นคนที่เกลียดการเสียเวลามากที่สุดในโลก ดังนั้นถ้านั่นไม่ใช่เรื่องที่มีประโยชน์ต่อตัวเอง เขาก็จะไม่สนใจมันเลย ทว่ามีสิ่งที่เขาตั้งเอาไว้เหนือสิ่งนั้นขึ้นไปอีก นั่นก็คือคติประจำใจอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากเอาชนะ ถ้าเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจจะลงมือทำแล้วล่ะก็ ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องทำมันให้สำเร็จให้ได้ นั่นเป็นอาการอย่างหนึ่งของโรคย้ำคิดย้ำทำของเขา และเรื่องที่เขาออกตัวว่าจะทำนั้นไม่เคยเป็นเรื่องไร้ประโยชน์หรือเป็นเรื่องเสียเวลาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงไม่จำเป็นต้องแก้ไขอาการที่เขาเป็นอยู่
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้…”
นี่เป็นการโทรครั้งที่สี่แล้ว เขาโทรหาคนคนเดียวกันถึงสี่ครั้ง เขาไม่เคยโทรหาใครแล้วต้องฟังเสียงรอสายเกินสองครั้งมาก่อน ตอนแรกยังไม่เข้าใจ แต่ในที่สุดก็พอจะรู้แล้วว่าตอนนี้ผู้หญิงคนนี้บล็อกเบอร์เขา
…บล็อกเบอร์งั้นเหรอ
แม้จะได้ข้อสรุปแล้ว แต่เขาก็ยังคงเหม่อลอย ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงสีหน้าแบบนี้ แล้วซองฮุนก็บังเอิญเคาะประตูและเดินเข้ามาเห็นพอดี ซองฮุนจึงกะพริบตาปริบๆ
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“…เปล่า”
แทมูมองหน้าซองฮุนและส่ายหน้าเล็กน้อย ซองฮุนชี้โทรศัพท์มือถือในมือของแทมู
“คุยกับทางญี่ปุ่นได้ไม่ลงตัวเหรอครับ”
เนื่องจากทุกการกระทำของแทมูไม่เคยเป็นเรื่องส่วนตัวของเขามาก่อน ซองฮุนจึงถามเกี่ยวกับเรื่องงาน แทมูค่อยๆ วางโทรศัพท์มือถือลงช้าๆ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ซองฮุนจึงมองเขาด้วยความแปลกใจ
“หรือว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเหรอครับ”
“เปล่า…”
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น เขาแค่ขอแต่งงานทางโทรศัพท์และถูกปฏิเสธกลับมาอย่างรวดเร็ว แถมยังโดนบล็อกเบอร์เท่านั้นเอง ก็แค่คู่นัดบอดคนหนึ่งที่บอกว่าทั้งบ้าผู้ชายแล้วก็ชอบผู้หญิง และบอกว่าไม่ชอบเขา!
ถ้าไม่คิดจะแต่งงาน แล้วมานัดบอดทำไม
แทมูเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง อันที่จริงเขาพอจะรู้ว่าทำไมเธอถึงมานัดบอด ทางนั้นเองก็คงจะถูกพ่อแม่บีบบังคับเหมือนกัน แต่นั่นหมายความว่าเธอเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องแต่งงานกับคู่นัดบอดสักวัน เพราะครอบครัวแบบนั้นคงจะพยายามให้เธอแต่งงานกับใครสักคนที่อยู่ในระดับเดียวกันมากที่สุด
ถ้าได้แต่งงานกับฉันก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ เพราะยังไงฉันก็เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาไปใส่ใจว่าเธอจะไปเจอใคร สำหรับผู้หญิงรักสนุกแบบนั้น จะมีอะไรดีไปกว่าเงื่อนไขการแต่งงานที่ดีขนาดนี้อีกล่ะ