Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน
ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 2
ยองซอบีบน้ำตาพร้อมทำหน้าเศร้า นั่นสินะ ตอนแรกก็น่าจะแกล้งทำเป็นเสียสติเหมือนที่เคยทำ แต่ทำไมถึงดันมาสั่งให้เพื่อนเล่นบทบาทเฟม ฟาทัลล่ะ ฮารีเองก็เศร้าเหมือนกันที่ดันไปรับปากว่าจะช่วยเพื่อนจนต้องนัดบอดกับประธานบริษัทตัวเอง นี่มันฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ชัดๆ
“จินยองซอ ฉันไปเจอไม่ได้จริงๆ ยิ่งถ้าให้ไปเจอแบบหน้าใสๆ ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่”
“เธอจะเป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ คิดว่าการมีเพื่อนคืออะไร”
“ไม่รู้ ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการมีเพื่อนมันคืออะไร”
“นี่ ชินฮารี!”
ฮารีบีบมือยองซอแน่น
“เธอสงสารฉันเถอะนะ ฉันไปเจอผู้ชายคนนั้นไม่ได้จริงๆ ผู้ชายคนนั้น…ผู้ชายคนนั้น…เป็นประธานบริษัทของฉัน!”
“อะ…อะไรนะ”
“เพราะเธอ ฉันถึงต้องไปนัดบอดกับประธานบริษัทของตัวเอง ถ้าเธอจำชื่อเขาได้ ฉันก็คงไม่ไปนัดบอด คนลือกันไปทั่วว่าประธานบริษัทฉันโรคจิตสุดๆ พนักงานต๊อกต๋อยไปเล่นตลกกับผู้ชายแบบนั้น ถ้าเขารู้ว่าเป็นฉัน เขาจะปล่อยไว้เฉยๆ เหรอ ฉันโดนเชือดแน่”
“อะไรเนี่ย เธอจะให้ฉันแต่งงานกับคนโรคจิตงั้นเหรอ”
ทำไมเธอถึงได้ยกเรื่องนั้นมาเป็นประเด็นล่ะ ฮารีบีบมือยองซอแน่นอีกครั้ง
“ระ…เรื่องนั้นฉันขอโทษนะ แต่สถานการณ์ของฉันมันทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ฉันโดนไล่ออกไม่ได้ เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันกู้เงินบริษัท ถ้าออกก็ต้องจ่ายคืนทันที ต่อให้ฉันมีเงินจ่ายแล้วออกจากงานจริงๆ แต่ต่อไปฉันจะทำยังไงล่ะ ฉันจะต้องจ่ายค่าเช่าร้านไก่ทอดให้พ่อแม่ด้วยนะ ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็ว่าไปอย่าง นี่ฉันไปนัดบอดกับประธานบริษัท แถมยังไปพูดเพ้อเจ้ออีกต่างหาก แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องทำงานที่บริษัทต่อไปอย่างตลอดรอดฝั่งให้ได้ ฉันจะโดนไล่ออกไม่ได้เด็ดขาด”
เมื่อได้ฟังเรื่องราวอันน่ารันทดของฮารี ยองซอก็ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ฉันเข้าใจแล้ว”
ยองซอหยิบซองออกมาจากกระเป๋าถือ
“นี่ ค่างานพาร์ตไทม์ ขอโทษที่ไม่ได้ให้เธอตั้งแต่วันนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็ทำงานได้ไม่เรียบร้อย…”
ฮารีพูดอย่างกระอักกระอ่วนด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็ค่อยๆ คว้าซองเอาไว้ ทันใดนั้นเองมือยองซอก็คว้ามือฮารีที่กำลังถือซองอยู่จนฮารีถึงกับสะดุ้งเฮือก ยองซอจ้องฮารีราวกับจะยิงเลเซอร์ใส่
“สองเท่า ไม่สิ สามเท่าเลย”
“…อะไร”
“ไปก่อเรื่องไว้ขนาดนั้น คงไม่ได้หวังสี่เท่าหรอกใช่ไหม”
“พะ…พูดอะไรของเธอเนี่ย”
“ตอนนี้พ่อฉันจัดปาร์ตี้ฉลองใหญ่แล้วนะรู้ไหม เพราะคิดว่าฉันจะได้แต่งงานเสียที เธออาจจะไม่เข้าใจ แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ขืนปล่อยไปแบบนี้ ฉันต้องได้แต่งงานจริงๆ แน่ นี่แหละที่เขาเรียกว่าการแต่งงานด้วยเหตุผลทางธุรกิจแบบที่เห็นกันในซีรี่ส์เลย แล้วรู้ไหมว่าถ้าฉันปฏิเสธการแต่งงานจะเกิดอะไรขึ้น ที่บ้านฉันคงจะกลายเป็นทะเลเดือด แล้วก็คงไม่ได้มีแต่ฉันที่เดือดร้อนนะ แต่ทั้งแม่ทั้งบริษัทของฉันก็คงโดนไปด้วย ฉันเคยบอกเธอแล้วไงว่าฉันอยากมีความรักแบบที่เป็นพรหมลิขิต เธออยากเห็นเพื่อนต้องไปอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รักแล้วค่อยๆ เหี่ยวเฉาตายไปงั้นเหรอ”
ฮารีส่ายหน้าอย่างรู้สึกผิด ยองซอจึงยิ่งกดดันต่อไป
“เพราะฉะนั้นเธอช่วยจัดการให้หน่อยเถอะนะ มีแค่เธอคนเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้”
“นี่ ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ได้…”
“ก็ได้ งั้นฉันจะไปพูดความจริงให้หมดเลยว่าผู้หญิงที่มานัดบอดกับคุณเป็นพนักงานบริษัทของคุณเอง แล้วเธอก็ปฏิเสธคุณอย่างไร้ความปรานี…”
“นี่! ยายสารเลว!”
“ฉันจะให้สี่เท่าเลย”
ฮึบ ฮารีอุทานออกมาและสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังยกมือกุมขมับอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ตัดสินใจครั้งใหญ่และเงยหน้าขึ้น ใช่แล้ว การที่เรื่องกลายเป็นแบบนี้ ตัวเธอเองก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบไม่น้อยเหมือนกัน แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เธอก็ทำให้ผู้ชายคนนั้นหลงเสน่ห์จนตัดสินใจขอแต่งงาน ถ้าเธอต้องรับผิดชอบเรื่องนั้นโดยได้ค่าจ้างงานพาร์ตไทม์ถึงสี่เท่าก็คงไม่มีเหตุผลที่เธอจะปฏิเสธ
“แค่ทำให้ทางนั้นขอยกเลิกการแต่งงานก็พอใช่ไหม”
“อื้ม แค่นั้นเลย”
“ก็ได้ ฉันจะจัดการเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮารี ยองซอก็ยิ้มกว้าง
“แล้ววิธีล่ะ”
“ง่ายๆ เลย พอเจอกันปุ๊บ ฉันจะเกาหัวแกรกๆ แล้วก็คุยไปกินรังแคไป…”
สีหน้ายองซอพลันบึ้งตึงและเย็นยะเยือก
“ชินฮารี! ฉันเอาเธอตายจริงๆ นะ!”
ฮารีก้าวฝีเท้าที่หนักอึ้งมาจนถึงหน้าร้านกาแฟ เธอคิดว่าเขาอาจจะลุ่มหลงขึ้นมาอีกครั้งทันทีที่ได้เห็นหน้าอกอันอวบอึ๋ม คราวนี้เธอจึงเอา ‘ฟองน้ำ’ ออก ส่วนการแต่งหน้านั้นกลับเข้มยิ่งกว่าเดิม ยองซอเองก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เขาจำฮารีได้
ตาดำปี๋สุดๆ ขนาดฉันยังไม่กล้ามองตัวเองเลย
ไม่ว่าจะมองอย่างไร พอได้เห็นผู้หญิงแบบนี้ก็น่าจะคิดเรื่องแต่งงานได้ยาก นอกจากคำว่าแปลกประหลาดอย่างมากแล้ว ฮารีก็ไม่รู้ว่าจะมีคำไหนที่อธิบายรสนิยมของเขาได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว เธอมองภาพตัวเองที่สะท้อนในกระจกหน้าต่างก่อนจะหลับตาแน่นและลืมตาขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านกาแฟอย่างยากเย็น เธอมองไม่เห็นเขา ดูเหมือนว่าจะยังมาไม่ถึง
ฮารีนั่งโต๊ะตรงตำแหน่งที่คิดว่าเหมาะสมและรอเขาด้วยความวุ่นวายใจ จะโน้มน้าวใจเขาอย่างไรดีนะ ตอนนี้เธอยังไม่มีแผนอะไรเป็นพิเศษ หนทางข้างหน้าช่างมืดมนเหลือเกิน หรือจะต้องกินรังแคจริงๆ แต่เธอไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น เธอรู้อยู่อย่างหนึ่งว่าในเวลาที่อับจนหนทาง การพูดความจริงคือสิ่งที่ดีที่สุด เธอคิดว่าถ้าพูดออกไปตามความจริงทั้งหมด ยกเว้นเรื่องที่เขาเป็นประธานบริษัทเธอ แค่นั้นก็น่าจะพอ
“รอนานหรือเปล่าครับ”
ระหว่างที่เธอกำลังสารภาพบาปทั้งปวงอยู่ในใจ เขาก็เดินเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
ใจเย็นเข้าไว้ ชินฮารี เธอแค่ทำเหมือนวันนั้นก็พอ เอาล่ะ ทำเหมือนวันนั้นนะ วันนั้นเธอทำอะไรบ้าๆ บอๆ ได้เยี่ยมมากเลยนี่ จะบ้าเหรอ จะให้ทำเหมือนวันนั้นเนี่ยนะ ไม่ได้เด็ดขาด! ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาจะน่าอับอายขายหน้าขนาดไหน
ตัวตนที่ผิดปกติและตัวตนที่ปกติของเธอกำลังเริ่มโต้เถียงกัน แต่ในระหว่างนั้น จู่ๆ ตัวตนที่ ‘หลงรักใครง่ายๆ’ ซึ่งแฝงอยู่ข้างในตัวเธอก็ปรากฏขึ้น เธอจ้องมองแทมูที่มาพร้อมออร่าอย่างเหม่อลอย
ท่าทางของแทมูที่กำลังยืนอยู่นั้นช่างดูเท่อย่างไร้ที่ติ เธอเคยเจอเขาที่บริษัทหลายครั้งจึงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากันตรงๆ แบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเท่มากกว่าเดิมจริงๆ
ฮารีเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่งจนลืมสิ่งที่คิดเอาไว้ทั้งหมด แน่นอนว่าเธอลืมแม้กระทั่งการเอ่ยทักทาย เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่จ้องมองโดยไม่พูดอะไร แทมูก็ชี้ไปที่เก้าอี้
“ผมขอนั่งก่อนนะครับ”
เมื่อฮารีพยักหน้า แทมูก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามและจ้องมองเธออย่างไม่วางตา ดูเหมือนว่าการเพ่งมองใครสักคนเป็นสิ่งที่เขาทำจนเคยชิน แต่ความเคยชินนั้นของเขากลับทำให้ใจเธอเต้นรัว และด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย เช่น การกลัวว่าจะถูกจับได้ การได้เจอกับชายหนุ่มรูปงาม เป้าหมายที่จะต้องทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ทั้งหมดไม่อาจทำให้หัวใจของเธอสงบลงได้เลย
“ดื่มกาแฟ…ไหมคะ”
ถือเป็นการทำใจให้สงบไปด้วยในตัว ฮารีไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา จึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดออกมา
“สั่งอะไรดีคะ อเมริกาโน มอคค่า หรือจะเป็น…”
“แต่งงาน”
“…คะ?”
เขาขยับตัวเข้าใกล้โต๊ะมากขึ้นอีก
“แต่งงานกันเถอะครับ”
ฮารีนึกว่าที่ร้านกาแฟแห่งนี้มีเครื่องดื่มที่ชื่อว่าแต่งงานเสียอีก เพราะมันฟังดูเป็นธรรมชาติจนเธอเกือบเผลอสั่งเมนูแต่งงานไปแล้ว
“เมื่อกี้คุณพูดว่า…”
“แต่งงานกันเถอะครับ”
ฮารีกะพริบตาปริบๆ เขาทำหน้าบึ้งเล็กน้อยราวกับไม่พอใจที่ต้องพูดถึงสองครั้ง คงไม่เคยมีพนักงานคนไหนย้อนถามเขาเลยสินะ คงมีแค่เธอคนเดียว ฮารีอยากถามแบบนั้น แต่ก็ทำไม่ได้ จึงได้แต่ทำหน้าเจื่อน
“คือว่า…การแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดเล่นกัน…”
“ผมดูเหมือนกำลังพูดเล่นอยู่เหรอครับ”
คุณไม่คิดว่าการที่คุณไม่ได้เป็นอย่างนั้นมันยิ่งเป็นปัญหามากกว่าเหรอคะ