ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 4 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน

ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 4

“ผู้ชายแบบนั้นจะชอบฉันเหรอ”

“ต้องชอบสิ เขาอาจจะชอบเธอมากจนขอแต่งงานตั้งแต่แรกเห็นก็ได้”

“ตลกน่า จะมีคนบ้าที่ไหนขอแต่งงานตั้งแต่นัดบอด…”

เกิดแผ่นดินไหวขนาดเก้าจุดสามริกเตอร์ที่รูม่านตาของฮารี เพราะเธอรู้สึกได้ถึงภาพเงาที่คุ้นเคยจากทางด้านหลังของยองซอ

“มีที่นี่ไง…”

ฮารีพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อยองซอหันไปมองตามสายตาของฮารีก็ถึงกับตาโต เพราะแทมูกำลังจ้องฮารีอย่างไม่ละสายตา ยองซอไม่ได้พูดโกหกเลยสักนิด เพราะมันชัดเจนมากว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อ หน้าตาดี แล้วก็เท่มากด้วย

“เพื่อนจ๋า ขอให้เป็นช่วงเวลาที่ดีนะ”

ยองซอคว้ามือของฮารีเอาไว้แน่น

ขอให้เป็นสุขเป็นสุขนะ

ยองซอได้แต่พึมพำคำที่ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ในใจเท่านั้น ก่อนจะรีบลุกจากที่นั่งและหายตัวไป

ฮารีก้มลงมองโต๊ะด้วยสายตางุนงง เธอรู้สึกว่างเปล่าเพราะเดรสสุดหรูยังไม่ทันได้อยู่บนตัวเธอเลย

“นี่ แล้วนัดบอด…ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย…”

แต่ก็นั่นแหละนะ มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ

เมื่อเสียงเรียกเข้าดังเข้ามาในสมองที่กำลังเหม่อลอย ฮารีก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตามสัญชาตญาณ

“ขอโทษนะฮารี ที่จริงแล้วท่านประธานของเธอบอกว่าอยากเจอเธออีกน่ะ”

ว่าไงนะ

“ฉันแต่งหน้าให้อย่างดีแล้ว เขาคงคาดไม่ถึงแล้วก็ดูไม่ออกหรอกว่าเธอเป็นพนักงานบริษัทเขา บอกเขาไปแล้วกันว่าเธอผิดไปแล้ว”

อะไรนะ

ฮารีหันมองไปรอบๆ และดูสภาพของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนแก้ว ว่าแล้วเชียวทำไมถึงเน้นที่ตามากเป็นพิเศษ ไม่ทันไรเธอก็กลายเป็น ‘สาวตาช้ำ’ ไปเสียแล้ว

โอย ยายนี่ทำแบบนี้อีกแล้ว!

“ฉันรู้ว่าฉันทำความผิดที่สมควรตาย แต่ฉันก็อยากมีชีวิตอยู่นี่นา! กับคนที่ฉันรักน่ะ”

บังอาจทำความผิดที่สมควรตายแล้วยังอยากจะมีชีวิตอยู่อีกเหรอ แต่ฮารีก็ไม่สามารถเถียงอะไรกลับไปได้ เธอได้แต่วางโทรศัพท์มือถือที่ถูกตัดสายไปก่อนและเงยหน้าขึ้นอย่างเศร้าสร้อย

“ไม่ได้เจอกันนานนะครับ ทั้งที่กำลังจะแต่งงานกันแท้ๆ”

แทมูนั่งลงฝั่งตรงข้าม แต่งงาน…ฮารีรู้สึกเหมือนถูกเสือขย้ำเมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่พูดออกมาจากปากของเขา ในหัวของเธอมีแต่ความขาวโพลน

 

ว่ากันว่าต่อให้เข้าไปอยู่ในถ้ำเสือ ถ้าตั้งสติให้ดีก็จะเอาชีวิตรอดได้ แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว อาจมีบางกรณีที่เดินเข้าไปในถ้ำเสือด้วยตัวเอง แต่ปกติแล้วน่าจะโดนเสือจับเข้าไปในถ้ำมากกว่า เนื่องจากเสือไม่มีมือ ดังนั้นมันคงจะจับให้นั่งบนหลังหรือไม่ก็คงคาบเอาไว้ในปากและพาเข้าถ้ำ ซึ่งการถูกจับให้นั่งบนหลังนั้น ถ้าไม่ใช่คนที่อยากขี่หลังเสืออยู่แล้วก็คงไม่มีทางยอมนั่งดีๆ แน่ ดังนั้นคงจะถูกจับให้นั่งในสภาพหมดสติเพราะโดนกัดเข้าที่ไหนสักแห่ง กรณีที่คาบไว้ในปากก็เช่นเดียวกัน เพราะเสือคงไม่มีทางร้องอ้ำแล้วกัดแบบน่ารักๆ แต่คงจะกัดจนเลือดออก นั่นเท่ากับว่าต้องถูกเสือกัดแบบใดแบบหนึ่งแล้วค่อยเข้าไปอยู่ในถ้ำ ถ้าอย่างนั้นก็คงเจ็บปวดมากแน่ๆ และถ้าเป็นอย่างนั้นจะตั้งสติได้จริงหรือ

แน่นอนว่าถ้าเพื่อนหักหลัง แล้วจับเข้าไปอยู่ในถ้ำเสือและล็อกประตูไว้ เธอคงเข้ามาในถ้ำเสือได้โดยที่ไม่โดนกัด

ใช่แล้ว การทรยศของเพื่อน

สิ่งนี้คือตัวแปร ตอนที่ฮารีพบแทมู เธอคิดว่าตัวเองเข้ามาในถ้ำเสือและต้องโดนกัดทันทีที่สบตากัน เธอคิดวนเวียนไปเรื่อยๆ ว่าตัวเองคงจะตั้งสติไม่ได้จนขวัญหายกระเจิดกระเจิง

ขณะที่ฮารีกำลังเสียสติเพราะได้เจอแทมูอย่างกะทันหัน แทมูก็นั่งกอดอกจ้องมองเธอจากที่นั่งฝั่งตรงข้าม

ฮารียังคงคิดถึงวิธีการรับมือเมื่อโดนเสือกัดต่อไป เช่น ถ้าโดนเสือกัดก็อย่าพยายามตั้งสติ แต่ควรจะปล่อยวางทุกอย่างลงเสียจะดีกว่า เป็นต้น พูดได้คำเดียวว่าสติ! แตก!

“ได้ยินว่าคุณทำงานพาร์ตไทม์เหรอครับ”

ฮารีมองแทมูอย่างเหม่อลอย

“งานพาร์ตไทม์นัดบอด”

อ๋อ จริงด้วย ยองซอบอกว่าไม่ได้พูดเรื่องของฉันไปนี่นา

ทันใดนั้นฮารีพลันตั้งสติขึ้นมาได้ ช่วงเวลานี้แหละเหมาะเลย นี่คือช่วงเวลาอันเหมาะเจาะที่จะตั้งสติไว้ให้ดีแล้วเอาชีวิตรอด ถึงแม้จะเข้ามาอยู่ในถ้ำเสือแล้วก็เถอะ

“จะ…เจอกันอีกแล้วนะคะ”

ฮารีฝืนยิ้มออกมา แต่เขายังคงมองเธออย่างไม่ละสายตาโดยที่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ดูเหมือนกำลังสั่งให้เธอตอบคำถามของเขาก่อน

“ใช่ค่ะ ฉันทำงานพาร์ตไทม์”

นี่ไม่ใช่เรื่องโกหกสักหน่อย ฮารีปลอบใจตัวเอง

“คุณโกหกผมเหรอ”

ไม่ใช่ฉันคนเดียวสักหน่อย เพื่อนคนที่คุณเห็นเมื่อกี้ก็โกหกด้วยนี่คะ ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ คู่นัดบอดของคุณคือยองซอนี่นา เท่ากับว่ายายนั่นมีความผิดมากกว่าฉันอีกไม่ใช่เหรอ

แม้ใจของเธออยากซักไซ้ไล่เลียง แต่เธอก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากพูดและไม่อยากทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นด้วย เพราะถึงอย่างไรเธอก็คงต้องตายอยู่ดี

“คุณได้ไปเท่าไรครับ”

คำถามของเขาที่ว่าเธอได้รับเงินค่าทำงานพาร์ตไทม์เท่าไรได้ทิ้งบาดแผลไว้ในใจเธอ เพราะสำหรับเธอนั้น มิตรภาพของเพื่อนย่อมสำคัญกว่าเรื่องเงินอยู่แล้ว

ฮารีได้แต่ขยับปากขมุบขมิบ เธอเห็นว่าเขาดูโมโหมากจึงไม่กล้าพูดอะไรออกไป แม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็ถูกเธอหลอกลวงจริงๆ

“เรื่องนั้น…”

“รายชั่วโมงหรือรายวัน”

“คือว่าเรื่องนั้น…”

“หรือจ่ายให้ตามระดับความสามารถ”

สายตาของเขาดุดันมาก

เฮ้อ ท่านประธานของฉันคงจะโมโหมากเลยสินะ

ฮารีขยับเข้ามาใกล้

“เอ่อ…เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ พะ…พ่อแม่ของฉันเปิดร้านไก่ทอด แล้วแบบว่าเวลาทำธุรกิจมันก็มีเรื่องนั้นเรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นธรรมดาใช่ไหมคะ คือจู่ๆ ไข้หวัดนกก็ระบาด ทั้งประเทศวุ่นวายกันไปหมด มันเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ประชาชนคนทั่วไปเท่านั้นที่กำลังจะล้มตาย ราคาไข่ไก่ก็พุ่งสูงไปถึงฟ้า ส่วนไก่ก็ราคาตกและตายลงไปเรื่อยๆ ออเดอร์ก็ไม่เข้า แต่มันถึงเวลาต้องจ่ายค่าเช่าแล้ว เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ฉันจึงคิดว่าอย่างน้อยก็ควรต้องทำอะไรสักอย่าง…”

“แล้วไง”

เขาพูดตัดบทราวกับไม่สนใจสถานการณ์อะไรพวกนั้นของเธอเลยสักนิด และถามขึ้นมาอีกครั้ง

“หนึ่งล้าน*?”

“คะ?”

“สามล้าน? ห้าล้าน**? หรือสิบล้าน***?”

มันจะได้เงินเยอะถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ แค่ไปนัดบอดกับคังแทมูเนี่ย

“หะ…หกแสน**** ค่ะ”

“หกแสน?”

แค่นี้เนี่ยนะ สีหน้าของเขากำลังพูดอย่างนั้น ตอนแรกเธอคิดว่าได้เงินจากเพื่อนมากเกินไป แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว ดูเหมือนจะเป็นจำนวนเงินที่น้อยนิดเกินไป เธอจึงรู้สึกผิดและได้แต่มองสายตาของเขา

“ฮึ่ม”

เขาพิงพนักเก้าอี้และยกแขนขึ้นกอดอกอีกครั้ง ใบหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง คงกำลังคิดว่าจะจัดการผู้หญิงคนนี้อย่างไรดี จะลงโทษอย่างไรดีอะไรทำนองนี้แน่ๆ ฮารีจึงได้แต่นั่งหายใจไม่ทั่วท้องโดยที่ฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ อย่างไรก็ตามตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะกับการตั้งสติและเอาตัวรอดให้ได้สักเท่าไร

จะมีช่วงเวลาเหมาะๆ แบบนั้นไหมนะ

ฮารีรอการตัดสินของเขาอย่างสิ้นหวัง

“ที่บอกว่าไปนอนกับผู้ชายมาก่อนที่จะมานัดบอด…”

“เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วค่ะ ฉันไม่ใช่คนไร้ความคิดขนาดนั้น แล้วฉันก็เป็นผู้หญิงไร้เดียงสากว่าที่คุณคิดด้วย ผู้ชายที่ฉันชอบตั้งแต่ตอนอายุยี่สิบมาจนถึงตอนนี้ก็มีแค่คนเดียวเองค่ะ”

“แล้วที่บอกว่าชอบผู้หญิง…”

“พูดในแง่ของมนุษยนิยมน่ะค่ะ แน่นอนว่าฉันค่อนข้างให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้หญิงพอสมควร เพราะฉะนั้นที่บอกว่าชอบผู้หญิงจึงไม่ใช่เรื่องโกหกค่ะ”

“แล้วที่บอกว่าเป็นผมไม่ได้…”

“เรื่องนั้น ก็ฉันเป็นคนทำงานพาร์ตไทม์นี่คะ ต่อให้คุณหล่อแค่ไหน แต่ฉันอยากจะได้คู่นัดบอดของนายจ้างมาครอบครองได้ยังไงล่ะคะ ฉันถึงจำเป็นต้องพูดออกไปแบบนั้น…”

“ไม่ได้ไม่ชอบจริงๆ สินะ”

“ค่ะ อันนั้นก็…”

“โอเค”

เขาเข้าใจอย่างง่ายดาย

โอเค? โอเค? โอเคอะไรเหรอ

“ถ้างั้นเราดำเนินการตามเดิมแล้วกันนะครับ”

“อะไรคะ…”

“แต่งงาน”

ต้องให้บอกด้วยเหรอ ผมพูดไปตั้งกี่ครั้งแล้ว ทันทีที่อ่านสีหน้าของเขา ดวงตาของฮารีพลันเบิกกว้าง

“ตะ…แต่งงานเหรอคะ”

“คุณบอกว่าผมหล่อ แล้วก็ไม่ได้ไม่ชอบผมนี่”

“เรื่องนั้นมัน…”

ฉันแค่พูดไปตามมารยาท…

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

สายตาทิ่มแทงนั้นแทบจะทำให้เธอส่ายหน้า แต่ว่า! ต่อให้เป็นรองอย่างไร! ถึงจะทำผิดร้ายแรงแค่ไหน! แต่ถ้าขืนหลงกลเข้าล่ะก็ ต้องได้แต่งงานจริงๆ แน่ เธอจึงต้องพูดในสิ่งที่ควรพูดออกไป

“ฉันมีผู้ชายที่ชอบอยู่แล้วค่ะ”

เขาหรี่ตามอง

“ผู้ชายที่คบกันอยู่เหรอ”

“เอ่อ ค่ะ นั่น…”

“นี่คุณรับทำงานพาร์ตไทม์แบบนั้นทั้งที่มีแฟนอยู่แล้วน่ะเหรอครับ”

“มันก็ไม่เชิง…”

“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น แล้วปัญหาคืออะไร”

“ก็…แค่มีผู้ชายที่ชอบอยู่แล้ว…”

จะให้อธิบายยืดยาวให้ได้อะไรขึ้นมา ขนาดบอกว่าไปนอนกับผู้ชายคนอื่นมายังเข้าอกเข้าใจได้เลย

“คุณคะ”

“คังแทมู”

“ค่ะ คุณคังแทมู คุณคังแทมูอาจจะแต่งงานกับใครก็ได้ แต่สำหรับฉัน ฉันอยากแต่งงานกับคนที่ฉันรักค่ะ”

“ผมพูดเมื่อไรครับว่าแต่งงานกับใครก็ได้”

ผมพูดแค่ว่าจะแต่งกับคุณ เขากำลังพูดแบบนั้นด้วยสายตาที่แข็งกร้าวและเซ็กซี่จนแทบจะเจาะทะลุเข้ามาในหัวใจ

เฮ้อ ให้ตายสิ ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไป เวลาแบบนี้คงต้อง ‘ใจเต้น’ จนวุ่นวาย นี่ฉันกลับกำลังจะบ้าตาย! แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ ‘ใจเต้น’ หรอกนะ

“เอ่อ คุณคังแทมู…”

“แล้วอีกอย่าง”

เขาพูดตัดบทเธอดังฉับราวกับสับหัวไชเท้า

“เหมือนที่คุณอยากแต่งงานกับผู้ชายที่คุณรัก ผมเองก็อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่นัดบอดในครั้งนั้นเหมือนกัน แล้วคุณจะบอกว่าความต้องการของคุณเป็นเรื่องปกติ ส่วนความต้องการของผมเป็นเรื่องผิดปกติได้ยังไงครับ ทั้งที่เราอยู่ในสังคมประชาธิปไตยที่มีสิทธิเสรีภาพเต็มเปี่ยมขนาดนี้”

“เปล่าค่ะ แน่นอนว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น…”

“งั้นก็เท่ากับว่าไม่มีปัญหาอื่นแล้ว”

จะสรุปแบบนั้นไม่ได้นะ

“ผมจะบอกคุณปู่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงคู่แต่งงานนะครับ แล้วผมจะนัดให้ไปเจอท่านเร็วๆ นี้…”

“มะ…ไม่ได้ค่ะ! ฉันแต่งไม่ได้ค่ะ!”

ฮารีรู้สึกว่าถ้าขืนปล่อยไปแบบนี้คงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ จึงร้องตะโกนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าคิ้วของเขาเลิกขึ้น เธอก็รู้สึกกลัว แต่การแต่งงานกับเขาน่าจะเป็นเรื่องน่ากลัวมากกว่า เพราะฉะนั้นเธอจึงต้องพูด

“ฉันแต่งงานแบบนี้ไม่ได้ค่ะ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คู่นัดบอดตัวจริง ใครเขาแต่งงานกันแบบนี้คะ”

เธอกลัวว่าเขาจะตอบกลับด้วยสายตาเหมือนกับพูดว่าก็ผมไง จึงได้แต่หลบสายตาและมองไปที่โต๊ะ

“คุณกำลังจะบอกว่าคุณแต่งงานไม่ได้งั้นเหรอ”

“ค่ะ! แน่นอนสิคะ!”

แทมูเงียบไปครู่หนึ่ง

เฮ้อ หรือจะยอมแพ้แล้วนะ

ฮารีลองเหลือบตาขึ้นมองแวบหนึ่ง โป๊ะเชะ! เธอสบตากับเขาเข้าอย่างจัง

หงุดหงิดชะมัด หล่อสุดๆ ถ้านิสัยดีสักหน่อยนะ อาจจะพอพิจารณาใหม่อีกรอบได้…

คิดอะไรของเธอเนี่ย ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเวทนา เพราะตัวเองกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับใบหน้าอันหล่อเหลาจนยอมมอบชีวิตให้ แต่เธอจะพ่ายแพ้เขาไม่ได้ ฮารีจึงหันหน้าขวับทันที

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com