บทที่ 4 สับสน
ทั้งคำว่ารัก ทั้งคำขอโทษที่ไม่เคยหลุดจากกลีบปากหนาสีแดงสด ทั้งพฤติกรรมต่างๆ ที่ผิดแผกจากหน้ามือเป็นหลังมือของอัตรคุปต์สร้างความสับสนให้กับนิสรีนอย่างลึกล้ำ
การตัดใจจากผู้ชายที่เฝ้ารักมานับสิบปีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เพราะเธอยังรู้จักรักตัวเองอยู่บ้าง นิสรีนถึงได้พยายามกัดฟันก้าวออกมาจากเขา จากเงามืดของโชคชะตาอันเลวร้ายที่รออยู่ในอนาคต ทั้งที่เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าหากถอยออกมาจากวังวนรักสามเส้านั้นสำเร็จ ชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป
แต่ในขณะที่เธอพยายามจะหนีให้พ้นจากเส้นทางเดิม อัตรคุปต์ที่เคยเย็นชาไร้หัวใจใส่กันกลับเป็นฝ่ายก้าวเข้ามาหาจนถึงขั้นวิ่งไล่ตามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แน่นอนว่าหัวใจซึ่งยังอัดแน่นไปด้วยความรักที่มีต่อเขาย่อมเต้นระรัวด้วยความยินดีอย่างบ้าคลั่ง มันบอกให้เธอลองเสี่ยงอีกสักหน ฉวยโอกาสนี้คว้าหัวใจอัตรคุปต์มาครองเอาไว้ให้อยู่หมัด แต่สมองกลับพยายามฉุดกระชากเธอให้หลุดจากภวังค์รักลวงตาที่ไม่มีวันเป็นไปได้นั้น
ทุกความขัดแย้งย่อมสร้างความสูญเสีย โดยเฉพาะความขัดแย้งในตัวเองที่ทำให้คนแทบจะทนแบกรับไว้ไม่ไหว
สัมผัสแผ่วเบาบนแก้มทำให้หญิงสาวสะดุ้ง วงหน้าสวยสะบัดกลับไปมองทางซ้ายมือของตัวเอง จึงเพิ่งเห็นว่าอดีตคนรักลุกจากฝั่งตรงข้ามมายืนโน้มตัวอยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาแฝงความห่วงใย
“นีซ เป็นอะไรรึเปล่า”
ดวงตาสวยเฉี่ยวกวาดมองใบหน้าหล่อเหลาซึ่งชาวเน็ตต่างเอ่ยแซวกันเล่นๆ ว่า ‘เบ้าหน้าพระราชทาน’ ตั้งแต่โครงหน้าคม สันกรามชัด เหนือโหนกแก้มสูงขึ้นไปคือดวงตาโตคมกริบในเบ้าตาลึก แพขนตาบนล่างดกหนาไม่ต่างจากคิ้วเข้มได้รูป จมูกโด่งปลายงุ้มรับกันกับริมฝีปากหนาสีแดงสด ผิวขาวราวหิมะตัดกับผมทรงคอมม่าสีดำสนิท ห่วงสีเงินสวยสะท้อนแสงจากรูล่างสุดของใบหู
ดูจากลักษณะภายนอกทั้งรูปร่างที่สูงใหญ่ โหนกแก้มสูง หรือเบ้าตาลึกก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มไม่ใช่คนเชื้อสายไทยเต็มร้อย เพราะ ‘คุณอลิเซีย’ มารดาของเขาเป็นสาวลูกเสี้ยวผู้มีทั้งเชื้อสายกรีก ตะวันออกกลาง และไทยปะปนอยู่ในร่าง ดีเอ็นเอที่ผสมผสานระหว่างลูกเสี้ยวคนสวยกับหนุ่มไทยเชื้อสายจีนผู้หล่อเหลาจึงออกมาเป็นประติมากรรมชิ้นเอกอย่างอัตรคุปต์ มหัสวัต
และตอนนี้ผู้ชายที่หล่อเหลาจนพระเอกหลายคนยังเทียบไม่ติดก็กำลังใช้ดวงตาคมดุสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำคู่นั้นมองเธอด้วยสายตาห่วงใย
นิสรีนเม้มปาก แม้จะรู้สึกดีแค่ไหน เธอก็ยังปัดมือเขาออกจากไหล่ ปฏิเสธด้วยสีหน้าแข็งทื่อ
“เปล่า นีซไม่ได้เป็นอะไร พี่คุปต์กลับไปนั่งเถอะ”
จ้องหน้าเธออยู่อึดใจหนึ่งอัตรคุปต์ก็พยักหน้ารับ
“โอเค”
ขณะที่เธอกำลังจะผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่เขายอมกลับไปนั่งที่เดิม นิสรีนก็แทบสะดุ้งเมื่อร่างสูงใหญ่เลือกทิ้งตัวลงบนเบาะข้างๆ เธอ
“พี่คุปต์! ทำอะไรเนี่ย!” นางเอกสาวคนดังถลึงตาใส่ แต่ชายหนุ่มที่วาดแขนพาดกับพนักเก้าอี้ตัวยาวจนคล้ายจะโอบเธออยู่กลายๆ กลับเลิกคิ้วใส่ ตอบรับหน้าตาย
“ก็นั่งตามที่นีซบอกไง”
“ไม่ เดี๋ยว! นีซหมายถึงให้พี่กลับไปนั่งที่ตัวเองโน่น”
“เปลี่ยนใจแล้ว อยากนั่งกับนีซ”
“แต่นีซอึดอัด”
“อึดอัดอะไร นีซชอบให้พี่กอดจะตาย” อัตรคุปต์ยักไหล่ “ชู่ ไม่ต้องงอแงแล้ว ดูโน่นเร็ว พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้วนะ”
ชายหนุ่มพยักพเยิดให้คนรักมองไปยังพระอาทิตย์ดวงโตที่ใกล้จะตก
แม้ในเมืองหลวงของประเทศซึ่งอัดแน่นไปด้วยตึกรามบ้านช่อง พระอาทิตย์ดวงโตจะไม่ได้หล่นวูบหายไปในพื้นน้ำเจ้าพระยา ทว่าฉากหลังที่เป็นวัดชื่อดังก็ดูสวยงามไปอีกแบบ
นิสรีนเผลอหันไปตามสายตาของอดีตคนรัก กลีบปากเคลือบสีแดงตามแบบฉบับนางร้ายขบแน่น แววตาสั่นไหวเมื่อจำได้…ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยบอกอัตรคุปต์ว่าอยากมากินอาหารร้านนี้ อยากดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันกับเขา
แต่ก็เป็นอัตรคุปต์ไม่ใช่หรือที่บ่นว่าไร้สาระ พระอาทิตย์ตกในเมืองมีอะไรให้น่าดูกัน ครั้งนั้นเขาไม่ยอมมาดินเนอร์กับเธอ แล้วเลือกชดเชยด้วยการพาไปล่องเรือยอชต์ดูพระอาทิตย์ตกทะเลที่ภูเก็ตแทน
ผืนฟ้าค่อยๆ ถูกแต่งแต้มด้วยสีของอาทิตย์อัสดงจนแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูเจือส้มคล้ายสีแซลมอน ก้อนเมฆสีขาวยามกลางวันถูกอาบย้อมจนบางส่วนกลายเป็นสีทอง ไม่ช้าไม่นานพระปรางค์องค์ใหญ่ก็ค่อยๆ เปล่งแสงเรืองรองออกมา
“สวยจัง”
หญิงสาวหลุดอุทาน ชั่วขณะนั้นเธอเผลอหลงลืมความขัดแย้งระหว่างตัวเองกับอดีตคนรัก เฝ้ามองความงดงามอันกลมกลืนกันระหว่างธรรมชาติกับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยแววตาเป็นประกาย ขณะที่อัตรคุปต์นั้น…ดวงตาคู่คมได้เลื่อนจากพระปรางค์องค์ใหญ่มาอยู่ที่คนข้างตัวนานแล้ว
ยิ่งวันเวลาผ่านไปชายหนุ่มก็ยิ่งแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยมือจากนิสรีนแล้วไปรักผู้หญิงที่ถูกลิขิตไว้ให้เป็นนางเอกของตัวเองเด็ดขาด
การต่อสู้กับโชคชะตาที่ถูกขีดเขียนไว้มันอาจจะยาก แต่อัตรคุปต์มั่นใจว่าเขาสามารถสู้กับมันได้
…ขอเพียงแค่นิสรีนเลือกจะสู้ไปกับเขาก็พอ