นิสรีนรู้สึกว่าหัวใจของเธอช่างโลเล ไม่หนักแน่น หวั่นไหวไปกับลมปากของอัตรคุปต์เอาง่ายๆ
ดวงตาสวยเฉี่ยวหลุบมองท่อนแขนแข็งแรงที่โอบกอดเธอจากด้านหลัง ปกติหญิงสาวมักจะชอบนอนมองเวลาอัตรคุปต์หลับ ทว่าเวลานี้เธอกลับไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองเขา
ทั้งที่เธอยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะกลับไปคบกับอดีตคนรักและสู้กับโชคชะตาบ้าๆ นั่นไปด้วยกัน แต่หญิงสาวก็ใจอ่อนมากพอจะยอมนอนค้างที่เพนต์เฮ้าส์แห่งนี้ บนเตียงที่เคยคลอเคลียกับเขามานับครั้งไม่ถ้วน
แล้วแบบนี้…เขาจะไม่คิดว่าเธอใจง่ายตอบตกลงไปแล้วหรอกหรือ
นิสรีนถอนหายใจแผ่วเบา เมื่อนอนไม่หลับเพราะเรื่องมากมายที่คั่งค้างอยู่ในหัว ร่างระหงก็ขยับตัวตั้งใจจะดึงมือหนาออกแล้วลุกไปนั่งใช้ความคิดเงียบๆ ตอนนั้นเองจึงได้รู้ว่าคนที่คิดว่าหลับไปแล้วไม่ได้หลับอย่างที่เข้าใจ เมื่อชายหนุ่มออกแรงรั้งไว้ไม่ยอมปล่อยกัน
“จะไปไหน”
น้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความงัวเงียดังขึ้นในความมืด อัตรคุปต์ขยับวงหน้าหล่อเหลาวางลงบนไหล่บาง ลมหายใจอุ่นร้อนจึงรดแผ่วอยู่ตรงลำคอระหง
“นีซจะทิ้งพี่เหรอ”
“หึ” นิสรีนแค่นหัวเราะ พยายามเมินเฉยต่อความรู้สึกวาบหวามที่เกิดจากลมหายใจของเขา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใช่นีซเหรอ ปกติมีแต่พี่คุปต์ไม่ใช่หรือไงที่ชอบทิ้งนีซไว้คนเดียว”
เหตุผลที่หญิงสาวชอบนอนมองเวลาเขาหลับก็เพราะกลัวว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาจะพบเพียงที่นอนอันว่างเปล่าปราศจากเงาร่างของคนรัก
ดวงตาคนฟังไหววูบ สองมือกอดกระชับร่างระหงให้แน่นขึ้น ริมฝีปากหนากดลงบนผิวแก้มนุ่ม
“ขอโทษ” เขากระซิบด้วยถ้อยคำที่ไม่ค่อยได้เอ่ยนัก แต่อัตรคุปต์ค่อนข้างแน่ใจ…ว่าต่อไปนี้เขาคงได้ใช้มันบ่อยขึ้น
ทุกครั้งที่ทำผิดกับนิสรีน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กแค่ไหน ต่อจากนี้เขาจะไม่ลังเลที่จะเอ่ยขอโทษอีก
“พี่จะไม่ทิ้งนีซไว้คนเดียวอีกแล้ว เพราะอย่างนั้น…” เขาสูดลมหายใจลึก พร่ำกระซิบขอ “นีซไม่ทิ้งพี่ไปได้มั้ย”
คำเว้าวอนของคนที่ยังรักอยู่เสมอทำให้หัวใจไหววูบ นิสรีนหลับตาลง ใจหนึ่งเธออยากจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในอ้อมกอดของอัตรคุปต์ตลอดไปโดยไม่ต้องคิดอะไรอีก ทว่าเพียงแค่หลับตา…ภาพบทสรุปสุดท้ายของชีวิตก็ฉายชัดขึ้นจนทั้งร่างสั่นเทา
“นีซ?”
อัตรคุปต์เรียกชื่อคนรักเมื่ออยู่ดีๆ เธอก็ตัวสั่นขึ้นมาจนน่ากลัว ชายหนุ่มโน้มตัวไปเปิดโคมไฟหัวเตียงพลางพลิกร่างระหงให้นอนหงาย แสงสว่างสีส้มทำให้เห็นใบหน้าซีดขาวของนิสรีนที่กำลังหลับตาสนิท หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเช่นเดียวกับริมฝีปากที่ถูกขบแน่น
“นีซ นีซเป็นอะไรรึเปล่า พี่…ขอโทษ” คำที่ไม่ค่อยได้ใช้กลับถูกเอ่ยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน มือใหญ่ดึงร่างในชุดนอนสีไวน์ขึ้นมากอดไว้แนบอก จุมพิตขมับพร้อมลูบไล้เรือนผมยาวสีน้ำตาลหม่นอมเทา “นีซ พี่ไม่บังคับเธอแล้ว อย่าเป็นแบบนี้เลยนะ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำสั่นเครือของอดีตคนรักฉุดกระชากให้นิสรีนหลุดจากภาพจุดจบที่ถูกลิขิตไว้ นัยน์ตาวาวรื้นมองสีหน้าร้อนรนของอัตรคุปต์ หญิงสาวสูดหายใจลึกพยายามสะกดกลั้นก้อนสะอื้น
ใจหนึ่งเธออยากยื่นมือไปคว้าเขาไว้ กอดเกี่ยวความรักที่โหยหามาตลอดไว้แนบอก แต่อีกใจ…
เธอก็กลัวอนาคตเกินกว่าจะเสี่ยง
ระยะนี้เรื่องสำคัญที่วนเวียนอยู่ในหัวอัตรคุปต์ก็คือทำอย่างไรเขาถึงจะสามารถทำให้นิสรีนกลับมารักและเชื่อมั่นในตัวเขามากพอจะยอมจับมือฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน แต่เพราะรู้ดีว่าการเสี่ยงในครั้งนี้เดิมพันของเธอสูงกว่าเขามาก หลังจากเช้าวันนั้นที่หญิงสาวบอกว่าขอเวลาเป็นส่วนตัว…ซึ่งหมายถึงให้เขาเลิกวอแวเธอสักพัก ชายหนุ่มก็ไม่กล้ารุกคืบจนไม่ได้เจอหน้าคนรักมานานนับสัปดาห์แล้ว
แฟ้มเอกสารที่กำลังอ่านถูกโยนทิ้งลงบนโต๊ะ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะทิ้งแผ่นหลังลงบนเก้าอี้ทำงาน พอหลับตาลงก็เห็นเพียงสีหน้ารวดร้าวสับสนเปื้อนน้ำตาของคนรัก อัตรคุปต์รู้ซึ้งแก่ใจแล้วว่าเขาแพ้น้ำตาของเธอมากเพียงใด
ถ้าไม่ใช่เพราะแพ้น้ำตาของเธอ มีหรือที่คนเอาแต่ใจอย่างเขาจะยอมถอยห่างออกมาตามที่เธอต้องการง่ายๆ