บทที่ 4
หากสภาพแวดล้อมที่นางอยู่นั้นเหมือนในบทละครเรื่อง ‘ฟูมฟักจอมราชัน’ จริง เช่นนั้นสถานที่ที่นางอยู่ก็คือโลกสมมติเลียนแบบสมัยซ่งซึ่งเรียกว่ายุคต้าฉิน และที่นี่คือเมืองเฟิ่งที่อยู่ค่อนขึ้นไปทางทิศเหนือ
เดิมทีหูซื่อผู้เป็นมารดาเป็นนักแสดงในคณะงิ้ว ต่อมาถูกหัวหน้าคณะขายให้โม่จื้อเหวิน คุณชายรองในตระกูลมั่งคั่งของท้องที่ในราคาห้าสิบตำลึง กลายเป็นภรรยานอกสมรสของเขา
คุณชายรองสกุลโม่เลี้ยงดูภรรยานอกสมรสซึ่งเป็นนักแสดงงิ้วเยาว์วัยรูปโฉมงดงามลับหลังภรรยาเอกที่บ้าน ผ่านไปเพียงไม่กี่วันก็ถูกบิดาของเขาโม่กงเฉิงนายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่จับได้
ตอนนี้ใบหน้าเป็นมันของโม่จื้อเหวินก็นับว่าได้ยัดเข้าไปในรังแตนแล้ว
พึงรู้ว่าหลายปีก่อนสกุลโม่ทำการค้าทั่วโม่เป่ย และเจียงหนาน แต่ไม่กี่ปีมานี้หลังจากที่บุตรหลานในตระกูลหลายคนได้เป็นซิ่วไฉ จึงได้สลัดจนหลุดพ้นจากกลิ่นเงินเหม็นคลุ้ง ตัดสินใจว่าจะเดินบนเส้นทางตระกูลบัณฑิต
โม่จื้อกวนบุตรชายคนโตที่เกิดกับภรรยาเอกของนายท่านผู้เฒ่าโม่เอาการเอางานที่สุด แม้เป็นเพียงจิ้นซื่อลำดับที่ห้า แต่หลังจากที่นายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่ผูกมิตรกับผู้คนทั้งที่เหนือกว่าและต่ำกว่าเพื่อหาลู่ทางให้ เขาก็ได้เป็นนายอำเภอประจำอำเภอว่อหม่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเฟิ่ง
นายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่ยินดีปรีดายิ่ง ทั้งยังพึงพอใจกับหน้าตาของสกุลโม่ ทำให้เริ่มเข้มงวดกวดขันกับครอบครัวตนเองเอาอย่างตระกูลของขุนนางใหญ่ประจำราชสำนัก นอกจากนี้ยังซ่อมแซมศาลบรรพชน เชิญนักประพันธ์เรืองนามในเมืองมาเขียนลำดับผังวงศ์ตระกูลของสกุลโม่เสียใหม่
ผ่านไปหลายยุคหลายสมัย บุตรหลานสกุลโม่ที่เก่งกาจซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายก็จะได้คุกเข่าในศาลบรรพชนอย่างพร้อมเพรียง รำลึกถึงรากเหง้าและคุณงามความดีในการดูแลตระกูลของนายท่านผู้เฒ่าโม่กงเฉิง
แต่นึกไม่ถึงว่าบุตรชายคนโตเพิ่งไขว่คว้าเอาหน้าตากลับมาให้ตระกูลได้ ชั่วพริบตาก็ถูกโม่จื้อเหวินบุตรชายคนรองของตนทำลายจนหมดสิ้น
เลี้ยงดูภรรยานอกสมรสที่เป็นนักแสดงงิ้ว นี่เป็นเรื่องไม่เข้าท่าที่มีแต่บุตรหลานตระกูลชั้นต่ำเท่านั้นที่ทำ!
อยากรับอนุ สตรีบริสุทธิ์มากมายกลับไม่รับ แต่ไปรับนักแสดงงิ้วที่ออกหน้ารับส่งแขกต่อหน้าผู้คน!
บุตรชายคนรองผู้นี้ไม่เห็นความสำคัญในชื่อเสียงขุนนางของพี่ชายตนเอง อยากทำลายแผนการหนึ่งร้อยปีของสกุลโม่ของพวกเขาเสียให้ได้!
ดังนั้นไม้เรียวที่เพิ่งเหลาเป็นรูปเป็นร่างและทาน้ำมันเคลือบเงาซึ่งวางไว้ในศาลบรรพชนจึงได้นำออกมาใช้เป็นครั้งแรก นายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่ที่ฝึกยุทธ์มาหลายปีหวดเสียงดังจนโม่จื้อเหวินร้องโหยหวน แผ่นหลังถูกฟาดจนเนื้อแตกเลือดไหล จากนั้นก็บอกบุตรชายว่าหากคิดจะเลี้ยงดูภรรยานอกสมรสอีกก็จะโยนเขาออกไปจากสกุลโม่โดยไม่ให้เงินแม้แต่ตำลึงเดียว ปล่อยให้เขาไปใช้ชีวิตตามยถากรรม
นับจากนั้นเขาก็ไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปในเรือนเล็กของภรรยานอกสมรสอีกแม้แต่ครึ่งก้าว
ตามความเห็นของนายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่ หูซื่อผู้นั้นเป็นเพียงนางจิ้งจอกที่มายั่วยวนบุตรหลานตระกูลขาวสะอาด หลังทำลายนิสัยบ้าตัณหาของบุตรชายคนรองได้แล้วก็ให้นายหน้าค้าทาสขายนางไปไกลๆ ก็พอ
แต่นึกไม่ถึงว่าหูซื่อกลับตั้งครรภ์ได้แปดเดือนและใกล้จะคลอดแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลโม่เป็นชาวพุทธ ไม่เห็นด้วยที่นายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่จะทำเรื่องผิดบาป กอปรกับคังซื่อสะใภ้รองแต่งเข้าตระกูลมาหลายปี ให้กำเนิดเพียงบุตรสาวสองคน หากหูซื่อให้กำเนิดบุตรชาย แม้จะเป็นบุตรที่เกิดกับภรรยานอกสมรสก็ต้องเลี้ยงดูเอาไว้ ดังนั้นจึงเตรียมจะขับไล่มารดาแต่เก็บบุตรไว้ อุ้มเด็กกลับมาก็พอ
แต่ผู้ใดจะคิดว่าเด็กที่หูซื่อคลอดออกมาจะเป็นเด็กหญิงเช่นกัน ส่วนคังซื่อก็พยายามจะปลิดชีวิตตนเอง ทั้งยังร้องไห้ฟูมฟายทั้งวัน ไม่ยอมให้อุ้มทารกหญิงคนนั้นกลับมา และไม่ยอมช่วยสามีเลี้ยงบุตรที่เกิดกับนักแสดงงิ้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลโม่ก็ไม่อาจข้ามหน้าสะใภ้รอง อุ้มต้นเหตุของปัญหากลับมา
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลโม่ส่งบ่าวหญิงสูงวัยข้างกายไปดูแลหูซื่อ นางมิใช่คนที่อยากมีเรื่องมีราว ถือคติไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น มีเรื่องน้อยเข้าไว้ย่อมดีกว่า จึงเลิกราแต่เพียงเท่านั้น ทว่าก็จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งให้สองแม่ลูกทุกเดือน ให้หูซื่อเลี้ยงดูบุตรสาวจนเติบใหญ่ รอจนบุตรสาวเติบใหญ่แล้วก็หาคนที่เหมาะสมแต่งงานด้วย