นับจากนั้นหูซื่อกับโม่เซี่ยวเหนียงบุตรสาวก็กลายเป็นหนูในทางระบายน้ำ อยู่กันอย่างเรียบง่าย เอาตัวรอดไปวันๆ
แต่นึกไม่ถึงว่าคุณชายใหญ่สกุลโม่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน โยกย้ายเลื่อนตำแหน่งไปเป็นเจ้าเมืองที่ไหวซานซึ่งอยู่ใกล้กับฉินไหว คุณชายใหญ่สกุลโม่ผู้มีใจกตัญญูจึงย้ายลงใต้ไปทั้งครอบครัว พาบิดามารดาไปด้วย
คุณชายรองสกุลโม่ที่ไม่ได้แยกบ้านก็ย้ายตามไปพร้อมกัน
แต่หูซื่อกับบุตรสาวที่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ กลับถูกทิ้งไว้ นานวันเข้าไม่รู้ว่าสกุลโม่สั่งไว้อย่างไร ถึงกับตัดค่าใช้จ่ายทุกเดือนของสองแม่ลูก
บ่าวหญิงสูงวัยที่ดูแลหูซื่อในตอนแรก เนื่องจากไม่มีเงินแล้วจึงรามือเลิกยุ่งเกี่ยว ทิ้งสองแม่ลูกให้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
หูซื่อไม่มีหนทางทำมาหากิน เกือบจะต้องไปพึ่งพาคณะงิ้วขับลำนำอีก แต่พอนึกขึ้นได้ว่าบุตรสาวของตนเดิมทีก็เป็นคุณหนูตระกูลร่ำรวย จะให้บุตรสาวออกหน้ารับส่งแขกต่อหน้าผู้คนกับตนได้อย่างไร จึงเอาเครื่องประดับที่คุณชายรองสกุลโม่ให้ไว้เมื่อหลายปีก่อนไปจำนำ อีกทั้งรับงานซักผ้าลงแป้งและงานเย็บปักถักร้อยของพ่อค้าเพื่อนบ้านเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
แต่อยู่มาได้หนึ่งปีเครื่องประดับก็ไม่มีเหลือแล้ว หูซื่ออยากเอาเรือนเล็กของพวกนางไปจำนอง แต่ก็ไม่มีโฉนดที่ดินอยู่กับตัว จึงต้องไหว้วานให้คนช่วยเขียนจดหมายส่งไปให้สกุลโม่ที่อยู่ไกลถึงไหวซานด้วยหวังว่าพวกเขาจะช่วยเหลือพวกนางสองแม่ลูกสักเล็กน้อย
หูซื่อตั้งตารอคอยอย่างยิ่งว่าสกุลโม่จะตอบจดหมายกลับมา แต่อู๋เซี่ยวเซี่ยวที่เพิ่งอ่านบทละครซึ่งไม่รู้ว่ายายบ้าที่ใดเขียนย่อมรู้ว่าจดหมายที่นางส่งไปก็เป็นเพียงก้อนหินที่จมลงในทะเล
ก่อนที่สกุลโม่จะไปอยู่ไกลถึงไหวซานได้กำชับพ่อบ้านที่เฝ้าเรือนหลังเก่าไว้ว่าให้มอบเงินให้พวกนางสองแม่ลูกทุกเดือน แต่คังซื่อภรรยาเอกของคุณชายรองสกุลโม่กลับกำชับไว้ว่าให้พ่อบ้านเก็บเงินเอาไว้ใช้เอง
คังซื่อฮูหยินรองตั้งใจไว้ว่าเมื่อหญิงม่ายภรรยานอกสมรสและบุตรสาวของนางไม่มีเงินติดตัวแล้วย่อมไม่สามารถไปฟ้องร้องที่ไหวซานได้ นานวันเข้าหูซื่อย่อมทนอยู่ต่อไปไม่ไหว หญิงชั้นต่ำที่เคยเป็นนักแสดงงิ้วผู้หนึ่ง หากจะเปิดประตูเรือนรับแขกกลายเป็นนางคณิกาอย่างลับๆ ก็ไม่น่าแปลกใจ
เมื่อถึงตอนนั้นสองแม่ลูกที่เน่าเฟะไปแล้วก็จะกลายเป็นความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวงของสกุลโม่ ต่อให้หูซื่อมาร้องทุกข์ต่อหน้าคุณชายรองสกุลโม่ก็แค่ทำให้พื้นหินของสกุลโม่สกปรกเท่านั้น
อันที่จริงตามลำดับของพล็อตเรื่อง แผนการชั่วช้าเลวทรามของคังซื่อนั้นกลายเป็นจริงทุกเรื่อง
เนื่องจากบุตรสาวไข้สูงไม่ได้สติ หูซื่อซึ่งรักบุตรสาวสุดหัวใจ ทั้งยังเกิดเรื่องอย่างกะทันหันจึงไม่มีแผนรับมือ ตบประตูเรือนเพื่อนบ้านขอยืมเงินก็ไม่ได้เงิน พอพบบุรุษอันธพาลมาที่เรือนร้องขออย่างไร้มารยาท หูซื่อที่ตัดสินใจไม่เก่งก็ร้อนใจ ในที่สุดก็ยินยอมให้บุรุษอันธพาลข้างถนนเข้ามา ทิ้งชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ ประจบเอาใจอีกฝ่ายทั้งน้ำตาเพื่อแลกเงินช่วยชีวิตที่เอาไว้ไปหาหมอและซื้อยาเพียงเล็กน้อย
แต่เพราะอู๋เซี่ยวเซี่ยวทะลุมิติมาอยู่ในร่างของโม่เซี่ยวเหนียง เหตุการณ์ไข้ขึ้นสูงนั้นจึงดำเนินไปเพียงครึ่งคืนก็หาย หูซื่อจึงนับได้ว่ารักษาชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ไว้ได้ชั่วคราว ไม่ได้เปิดประตูรับแขก
เมื่อจัดลำดับจุดเชื่อมต่อของเวลาที่ตนอยู่ ณ ขณะนี้แล้ว อู๋เซี่ยวเซี่ยวที่กลายเป็นโม่เซี่ยวเหนียงก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่ง
นางไม่ได้ดูถูกอาชีพในสมัยก่อนของหูซื่อ ถึงอย่างไรอาชีพของนางหากมองจากมุมมองของยุคสมัยนี้ก็เป็นเพียงหัวหน้าคณะงิ้วเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจเช่นกัน
แต่พอคิดว่ามารดาของนางกำลังจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นผู้ให้บริการทางเพศ นางก็รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ
ในฐานะตัวประกอบหญิงผู้ชั่วร้ายในบทละคร เพื่อให้การกลายเป็นคนชั่วสมเหตุสมผล ต้องมีการสนับสนุนจากประสบการณ์ชีวิตที่เศร้ารันทดมากพอ ดังนั้นนักเขียนบทจึงเขียนประสบการณ์เศร้ารันทดของโม่เซี่ยวเหนียงอย่างไม่ออมมือ
เดิมทีโม่เซี่ยวเหนียงควรได้เป็นคุณหนูตระกูลมั่งคั่ง แต่กลับจมลงบ่อโคลนเพราะมารดา ตอนอายุสิบหกปีก็ถูกแขกของมารดาทำให้มัวหมองมีราคี นับจากนั้นมาก็กลายเป็นคนชั่ว ยึดการแก้แค้นคนสกุลโม่ที่ทำร้ายพวกนางสองแม่ลูกในตอนนั้นเป็นภารกิจของตน