ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 3-4
ส่วนพระเอกนั้นเป็นบุตรชายบุญธรรมที่สกุลโม่รับมาเลี้ยงดู ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากคนสกุลโม่ทั้งระดับสูงไปจนถึงระดับล่าง ยิ่งทำให้โม่เซี่ยวเหนียงอิจฉาริษยาจนสุดจะทนได้
ดังนั้นความขัดแย้งระหว่างนางกับพระเอกจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนท้ายโม่เซี่ยวเหนียงกลายเป็นภรรยารักของศัตรูคู่แค้นของพระเอก คอยปลุกปั่นก่อเรื่อง ข่มเหงภรรยาของพระเอกสามในแปดคน
สุดท้ายหญิงชั่วก็มีจุดจบที่น่าเศร้า นางถูกพระเอกที่ปกป้องบรรดานางเอกอย่างสุดหัวใจแทงจนร่างพรุนแล้วตัดศีรษะเซ่นไหว้เทพเจ้า โยนศพให้สุนัขกิน…
อ้อ ลืมบอกไปว่าก่อนตายตัวประกอบหญิงผู้ชั่วร้ายคนนี้ยังสำนึกผิดด้วย นางพบว่าที่ตนเฝ้าทำร้ายพระเอกอย่างไม่ลดละก็เพราะรักเขาแล้วไม่ได้เขามาครอบครอง การเอ่ยคำสารภาพรักและคำสาปแช่งก่อนตายเรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ทรงพลังดึงดูดใจอย่างยิ่ง
ส่วนพระเอกก็เป็นแมรี่ ซู ฉบับผู้ชาย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ต้องหลงรักเขากันทั้งนั้น
หากกลับไปสู่โลกแห่งเป็นความจริงได้ในตอนนี้ อู๋เซี่ยวเซี่ยวจะจุดไฟเผาบทละครบ้าๆ ไร้สาระที่เน้นย้ำเรื่องชายเป็นใหญ่นี้เป็นอย่างแรก
แสดงความเป็นชายบ้าบออะไรกัน! ใครๆ ก็เป็นเหวยเสี่ยวเป่า ที่มีภรรยาขนาบซ้ายขวาเป็นโขยงได้กันหมดเช่นนั้นหรือ
ที่สำคัญที่สุดคือนางเอกที่โดดเด่นในแบบของตนเองหลายคนของพระเอก หน้าที่การงานและอนาคตดีมาก แล้วเหตุใดจะต้องให้ข้าทะลุมิติมาเป็นตัวประกอบหญิงผู้ชั่วร้ายดวงซวยผู้นั้นด้วย!
ถึงแม้เส้นทางข้างหน้าจะมีลมหนาวหรือพายุฝนพัดกระหน่ำ แต่เรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนนี้ โม่เซี่ยวเหนียงในเวลานี้รู้สึกว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ทำได้เพียงเปลี่ยนแปลงพล็อตเรื่องอย่างสุดกำลัง ให้ตนเองสุขสบายขึ้นสักหน่อย
เรื่องที่สำคัญเป็นอันดับแรกคือให้หูซื่อเลิกวาดหวังกับสกุลโม่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันก็หยุดยั้งไม่ให้นางเปลี่ยนอาชีพเป็นผู้ให้บริการทางเพศ
คนจนจะทำอะไรก็ลำบากไปเสียทุกเรื่อง หากจะเปลี่ยนชะตากรรมอันแสนรันทดของพวกนางสองแม่ลูก อย่างแรกก็ต้องหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวให้ได้ก่อน
แต่ตอนนี้ในร่างเล็กๆ นี้แม้จะมีหญิงสาวจากยุคปัจจุบันคนหนึ่งอาศัยอยู่ ทว่าพออยู่ในยุคโบราณที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบด้านเลยสักนิดก็ค่อนข้างจนปัญญา
หลังจากกินโจ๊กไปอีกหลายมื้อและเห็นว่าข้าวโพดน้อยลงทุกที อู๋เซี่ยวเซี่ยวก็อดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว วันหนึ่งนางวางชามกับตะเกียบ ก่อนถามหูซื่อจากใจจริงว่าเคยคิดจะแต่งงานใหม่เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดบ้างหรือไม่
เนื่องจากพออู๋เซี่ยวเซี่ยวทะลุมิติมาอยู่ในร่างของโม่เซี่ยวเหนียงแล้วก็ถือคติกินโจ๊กมากๆ พูดน้อยๆ มาโดยตลอด เอาแต่ใส่ใจและสังเกตสภาพแวดล้อมรอบด้าน หูซื่อจึงเข้าใจไปว่าหลังล้มป่วยบุตรสาวร่างกายย่ำแย่ จิตใจจึงหดหู่ไร้ชีวิตชีวาไปด้วย
นึกไม่ถึงว่าบุตรสาวที่เซื่องซึมไม่พูดไม่จามาหลายวัน พอเอ่ยปากขึ้นมาวาจาก็ชวนให้ตกตะลึงไม่น้อย!
แม้นางจะมีนิสัยอ่อนโยนนุ่มนวล แต่ก็อดวางชามกับตะเกียบไม่ได้เช่นกัน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พูดจาเหลวไหลอะไร! บิดาเจ้ายังอยู่ เหตุใดข้าต้องแต่งงานใหม่ด้วย”
โม่เซี่ยวเหนียงจึงอธิบายสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนในตอนนี้ของพวกนางให้หูซื่อฟังด้วยความอดทน
“บิดาผู้นั้นของข้าตอนนี้ไม่ยอมรับท่าน ตอนแรกให้เงินจำนวนหนึ่งมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้สกุลโม่ทั้งตระกูลย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่ไม่ได้จัดการดูแลเรื่องปากท้องของพวกเราสองแม่ลูกให้ดี เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะสนใจไยดีพวกเราอีกแล้ว ระหว่างท่านกับเขา ประการแรกไม่มีคำสั่งของบิดามารดา ประการที่สองไม่มีวาจาแม่สื่อ เป็นเพียงการซื้อขายด้วยเงินทอง ตอนนี้เงินทองไม่มีแล้ว เรื่องความรักยังมีอยู่อีกกี่ส่วนหรือ”
โม่เซี่ยวเหนียงเป็นคนเจ้าเล่ห์ใจดำมาตั้งแต่เด็ก นางได้ยินคำซุบซิบนินทาของเพื่อนบ้าน รู้ว่าเพราะตนเป็นบุตรสาวของนักแสดงงิ้ว จึงไม่อาจเข้าประตูใหญ่สกุลโม่ได้ ด้วยเหตุนี้โม่เซี่ยวเหนียงจึงตำหนิมารดาไม่ใช่น้อย เอะอะก็ทำตัวเกรี้ยวกราดและใช้อารมณ์ไม่ต่างจากเด็กๆ
หูซื่อเองก็ไม่มีความน่าเกรงขามเช่นผู้เป็นมารดา นางตามใจจนโม่เซี่ยวเหนียงนับวันยิ่งนิสัยย่ำแย่
แม้หูซื่อจะเคยชินกับความปากร้ายของบุตรสาวมานาน แต่เดิมทีนึกว่าหลังล้มป่วยคราวนี้บุตรสาวจะเติบโตและรู้ความมากขึ้น ถึงได้พูดน้อยลงและอ่อนโยนขึ้น ตอนนี้ดูไปแล้วบุตรสาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ถ้อยคำน่าอับอายที่นางไม่มีวันกล้าเอ่ยทำให้นางรู้สึกทนไม่ได้ น้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตาอย่างรวดเร็ว
“แม้แต่เจ้าก็ยังดูถูกข้า…ขะ…ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออันใด”
อู๋เซี่ยวเซี่ยวมีนักแสดงนิสัยหลากหลายแบบอยู่ในมือ คนที่ว่าง่ายมีน้อย คนที่ชอบก่อเรื่องมีมาก งานล้างสมองโน้มน้าวพรรค์นี้นางถนัดนัก
นางไม่ได้ต้องการเย้ยหยันหูซื่อ หลังจากพูดแรงๆ ทำลายเปลือกหุ้มทางจิตใจของหูซื่อจนแหลกละเอียดแล้วก็เดินไปข้างๆ หูซื่อ ก่อนจะดึงมือของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยจากใจจริง
“ท่านแม่ ไม่ว่าท่านจะเป็นอย่างไรท่านก็เป็นมารดาของข้า ข้าจะดูถูกท่านได้อย่างไร แต่ตอนนี้พวกเรายากจนข้นแค้น ไม่มีข้าวของมีค่าเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้อีก อีกทั้งไม่รู้ว่าเมื่อไรสกุลโม่จะไล่พวกเราออกไปจากเรือนหลังนี้ ตอนนี้ข้ายังดีอยู่ หากวันใดป่วยหนักเข้าจริงๆ จำเป็นต้องให้หมอช่วยชีวิต ท่านไม่มีเงินในมือ แล้วตอนนั้นจะทำเช่นไร จะลอบเปิดประตูเรือนแขวนโคมแดงเรียกแขกเช่นนั้นหรือ”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 19 มิ.ย. 68
Comments
