เป็นจริงดังคาด ฮวาหยางเดินเข้ามาใกล้เตียงหลัวฮั่น ก้มตัวลงไปหาฮวาเทียนเล็กน้อยแล้วพูดเย้ยหยัน “ไม่มีใครสามารถแย่งสิ่งของไปจากมือของข้าได้”
ความหนาวเย็นที่ปะทะใบหน้าทำให้ฮวาเทียนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าเอนตัวไปด้านหลัง “นี่คือเจตนาของสำนัก”
“อ้อ…” คนที่เต็มไปด้วยความดุร้ายเมื่อครู่ พริบตาเดียวก็เปลี่ยนมามีสีหน้าลำบากใจ…คิ้วเรียวยาวขมวดเล็กน้อย เห็นแล้วชวนให้รู้สึกเอ็นดู
ฮวาหยางเบี่ยงตัวไปหยิบม้วนภาพที่ห่อด้วยผ้าขึ้นมาจากใต้เตียงหลัวฮั่นแล้วพูดประจบเอาใจว่า “นี่คือ ‘ภาพวัดในภูเขาหิมะ’ ของฟั่นควนที่มีราคาสูง ข้าได้มาจากหยางโจวเมื่อครั้งก่อน หากศิษย์พี่ชอบ ก็ถือว่าศิษย์น้องมอบให้ศิษย์พี่แล้วกัน”
ฮวาหยางไม่พูดไม่จา อาศัยแสงเทียนคลี่ม้วนภาพบนเก้าอี้สี่เหลี่ยม
ครั้งก่อน…มีราคาสูง…ฮวาเทียนจับประเด็นสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากงานของฮวาหยางครั้งก่อนคือการลอบสังหารเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดในหยางโจว ตามที่ทางการรายงานว่าหลังจากที่เหยื่อเสียชีวิตได้มีคนจุดไฟเผาห้องเก็บสมบัติของเขา และสมบัติล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วนก็กลายเป็นเถ้าถ่าน
ทว่าพวกเขาค้นพบตะปูทองคำในซากปรักหักพัง…
ฮวาเทียนรู้สึกปวดศีรษะกับสตรีที่พูดจาเลื่อนลอยคนนี้ขึ้นมาทันที จึงปัดมือของอีกฝ่ายออกแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีประโยชน์”
‘หมับ!’ นางถูกฮวาหยางพลิกมือมาจับข้อมือไว้
ภายใต้แสงเทียนสว่างไสวสตรีที่อยู่ตรงหน้าแววตาเป็นประกาย แต่เมื่อมองลึกลงไปกลับรู้สึกมืดมนอย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับสันดอนที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว
ฮวาเทียนเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าศิษย์น้องของนางกำลังจะทำอะไร นางจึงมีท่าทีตอบสนองทันใด นิ้วชี้มือขวาวางอยู่ที่ข้างเอว กระบี่ส่องแสงน่าพรั่นพรึงสอดอยู่ระหว่างสองนิ้ว มุ่งไปยังหน้าผากของฮวาหยางแล้วกวัดแกว่งไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ฮวาหยางเอนตัวไปด้านหลังอย่างว่องไว สายลมเย็นพัดผ่านหน้าผาก เส้นผมสีดำช่อหนึ่งร่วงหล่นลงสู่พื้น
การกวัดแกว่งครั้งนี้รวดเร็วและแม่นยำ ฮวาหยางมุมปากยกโค้ง แววตาเปล่งประกายราวกับเด็กที่ได้ค้นพบสิ่งที่น่าสนใจ
ฮวาเทียนได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะ
แสงเทียนในห้องส่ายไหว เสียงลมพัดมาอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวว่องไวจนฮวาเทียนมองเห็นไม่ชัดเจน ทำได้เพียงหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ เสียงดังกังวานแว่วผ่านมา หางตาของนางมองเห็นมุมหนึ่งของเตียงหลัวฮั่นที่ตัวเองนั่งอยู่เมื่อครู่ถูกพลิกคว่ำอย่างแรงและแม่นยำ!
หญิงบ้าคนนี้!
เป็นศิษย์ร่วมสำนัก พบหน้ากันควรจะต้องเหลือทางหนีทีไล่ไว้บ้าง เดิมทีฮวาเทียนไม่อยากลงมือ แต่กลับรู้สึกโกรธอย่างยิ่งจากการโจมตีอย่างกะทันหันของฮวาหยาง อย่างไรก็ตามยังไม่ทันที่นางจะตอบโต้อีกครั้งก็มีเสียงลมจากฝ่ามือซัดมาอย่างรวดเร็ว นางจึงไม่ไว้หน้าอีกต่อไป พุ่งคมกระบี่สีขาวยาวสองชุ่น* ในมือไปข้างหน้า
ทั้งสองต่างเป็นยอดฝีมือ ย่อมยากที่จะตัดสินแพ้ชนะได้ในระยะเวลาสั้นๆ แสงในห้องสลัวราง เปลวเทียนวูบไหวไปมาราวปะทะกับลมแรง ระหว่างที่ปะทะกันมีแต่เสียงหมัด ลม และกระบี่
‘เอี๊ยด’
มุมหนึ่งของเตียงหลัวฮั่นขูดกับพื้นไม้ลากเป็นทางลึก ขาของฮวาหยางอ่อนแรง สูญเสียจุดศูนย์ถ่วงจึงค่อยๆ หงายหลังล้มลงไปนั่ง
กระบี่ในมือของฮวาเทียนกลับไม่หยุด ยังคงพุ่งเข้าใส่ไหล่ของนาง!
‘เช้ง’
แสงสีขาวบดบังสายตาของฮวาเทียนในทันใด ห่างจากปลายนิ้วและปลายกระบี่ไม่ถึงครึ่งชุ่น นางเห็น ‘ภาพวัดในภูเขาหิมะ’ เมื่อครู่นี้แล้ว
ด้วยการพลิกตัวอย่างกะทันหัน กระบี่ถูกรวบไว้ สิ่งที่ตามมากลับเป็นเท้าที่หมดแรงและความเจ็บปวดที่ต้นคอ
ฮวาเทียนล้มลงเกิดเสียงดังเบาๆ
ด้านฮวาหยางค่อยๆ สะบัดมือที่เจ็บเล็กน้อย ประคองหัวไหล่ที่เกือบจะถูกตัดขาด
หากไม่ใช่เพราะวันนี้นางสวมเสื้อคลุมนอนและไม่มีอาวุธ นางคิดว่าถ้าต้องการเอาชนะฮวาเทียนคงไม่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ แต่นางรู้ว่าศิษย์พี่ของตัวเองมีจุดอ่อนอยู่สองประการ
ประการที่หนึ่งคือชอบสิ่งงดงาม ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียนพู่กัน ภาพวาด พิณ หรือหมากล้อมล้วนเป็นสิ่งที่ฮวาเทียนรักและสามารถพลีชีพเพื่อปกป้องสิ่งเหล่านั้น
ส่วนประการที่สอง…
นางเดินไปยังข้างกายศิษย์พี่ของตัวเอง โน้มตัวไปหยิบจดหมายที่ประทับภาพสัญลักษณ์ดอกไม้ในถุงผ้าติดตัวของอีกฝ่ายแล้วสะบัดออก ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
จุๆ ศิษย์พี่ยังคงชอบนำงานติดตัวไว้เสมอ