สีหน้าของเขาสงบนิ่ง ไม่เห็นความฝืนใจแม้แต่น้อย สองคำที่เอ่ยออกมานั้นชัดเจนและทรงพลัง ทำให้ฮวาหยางรู้สึกสงสัยในการรับรู้รสชาติของตนเองขึ้นมาทันที
นางเอียงศีรษะ หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็อ้าปากเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ยาน้ำอีกหนึ่งช้อนไหลลงไปในท้อง รสขมบนลิ้นทำให้นางแทบจะร้องไห้ออกมา
หนุ่มรูปงามผู้นี้ดูแล้วอ่อนโยนไม่มีพิษภัย สีหน้าจริงใจ แต่กลับกล้าหลอกนาง!
หมัดที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มกำแน่น ฮวาหยางจ้องกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ ทำปากกล่าวโทษเขาอย่างเงียบๆ
‘คนหลอกลวง!’
กู้ซิ่งจือตกใจแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
เขาลุกขึ้นยืนทันทีแล้วหยิบห่อของที่วางไว้บนโต๊ะเมื่อครู่ขึ้นมา เผยให้เห็นห่อผลไม้เชื่อมหนึ่งห่อกับขนมเปี๊ยะหวานหนึ่งชิ้น
ด้วยการเคลื่อนไหวนี้ดวงตาของฮวาหยางก็จ้องมองไปที่ห่อขนมที่เขาถืออยู่ในมือ
“อยากกิน?” กู้ซิ่งจือถาม น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างยิ่ง
อยากกิน! ย่อมต้องอยากกินอยู่แล้ว ตอนนี้ฮวาหยางรู้สึกว่าตนเองไม่เพียงแต่อยากกินขนมเท่านั้น ยังต้องการฆ่าคนอีกด้วย
“ดื่มยาแล้วจะให้เจ้ากิน” สีหน้ากู้ซิ่งจือเคร่งขรึม และยื่นยาชามนั้นไปตรงหน้าฮวาหยางอีกครั้ง
“…” เวลานี้นางเพิ่งพบว่าหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้าซึ่งดูเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน แต่ในใจกลับมีหลักการและความอดกลั้นอย่างยิ่ง
แม้ขณะปฏิบัติหน้าที่แต่ไหนแต่ไรมานางไม่จำเป็นต้องเสียสละร่างกาย แต่เมื่อต้องเผชิญกับใบหน้าเช่นนี้ นางก็มักจะสามารถเกลี้ยกล่อมจนบุรุษยอมทิ้งชุดเกราะและยอมทำตามได้อย่างง่ายดาย
ความต้องการจะเอาชนะปะทุขึ้นมาในใจ นางอยากดูว่าบุรุษผู้นี้จะต้านทานนางได้ถึงเมื่อไร
ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนท่าทางเป็นน้อยอกน้อยใจน่าสงสารเช่นเมื่อครู่ โน้มตัวฟุบลงที่ข้างเตียงแล้วเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อของเขา
มือที่เรียวบางสั่นเทา แกว่งไปมา จากนั้นจึงอ้าปากต่อหน้าเขา
ริมฝีปากอ่อนนุ่มซีดเซียวมีเสน่ห์แบบที่ไม่ได้แต้มชาดทาปาก ขณะที่ริมฝีปากขยับเปิดปิด ลิ้นนุ่มสีชมพูขยับไปมา คลุกเคล้าของเหลวในปาก ดึงเป็นสายน้ำเส้นบางๆ บนฟันซี่เล็ก
ชามกระเบื้องในมือแกว่งจนยาน้ำเกือบจะหก
ดูเหมือนกู้ซิ่งจือจะไม่คาดคิดว่านางจะทำท่าทางยั่วยวนเช่นนี้ แต่ดวงตาของคนตรงหน้าสดใสและไม่มีความปรารถนา ราวกับไม่รู้สึกกับการกระทำของตนเองแม้แต่น้อย เขาจึงต้องถอนสายตาอย่างสุภาพ เอนตัวถอยไปด้านหลังเล็กน้อย
แต่มือที่ดึงแขนเสื้อของเขากลับจับแน่นขึ้นอีก
“ใต้เท้ากู้” เสียงของนายอำเภอถูดังขึ้นด้านนอก เรียกสติที่ยังมึนงงของกู้ซิ่งจือกลับคืนมา
เขารีบวางชามยาในมือลงบนโต๊ะ หันหลังกลับแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย ค่อนข้างลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย
ด้านนอกบ้านนายอำเภอถูมอบบันทึกในมือม้วนหนึ่งให้กับกู้ซิ่งจือแล้วเอ่ยว่า “ตามคำสั่งของใต้เท้า ข้าน้อยได้ส่งคนไปตรวจสอบที่หมู่บ้านสกุลหวังชัดเจนแล้ว ครอบครัวที่ใต้เท้าต้องการตามหาเพิ่งย้ายไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ในตอนนั้นมีลูกอายุสองขวบเพียงคนเดียว ต่อมาเด็กคนนั้นป่วยเป็นหวัดลมร้อน ตัวร้อนจนหูหนวก ดังนั้นจึงพูดไม่ได้”
กู้ซิ่งจือรับคำเบาๆ แล้วส่งบันทึกในมือคืนให้นายอำเภอถู ในใจรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ฉินเจาตายเพราะเขา ก่อนตายยังไม่รู้เลยว่าน้องสาวที่ตนเองตามหาอย่างลำบากยากเย็นกลายเป็นคนใบ้
แต่เขา…มาช้าไปก้าวหนึ่ง ทำให้สตรีที่น่าเวทนาคนนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกโจรและต้องประสบกับความหวาดกลัวเช่นนี้
นายอำเภอถูเห็นสีหน้าของกู้ซิ่งจือเคร่งเครียด คิดว่าเขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับฐานะของสตรีใบ้ผู้นั้นจึงเสนอความคิด
“หากใต้เท้าต้องการ ข้าน้อยสามารถขอให้เพื่อนบ้านมายืนยันได้”
“ไม่ได้” กู้ซิ่งจือตัดบทด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สตรีผู้นั้นถูกกลุ่มโจรภูเขาลักพาตัวไป แม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็เป็นการเสียชื่อเสียงอย่างหนึ่ง ตอนนี้นางเพิ่งอาการดีขึ้น หากให้เพื่อนบ้านรู้เรื่องนี้อีก เกรงว่านางจะทำอะไรที่เป็นการทำร้ายตัวเอง”
นายอำเภอถูกำลังยุ่งอยู่กับการพยายามทำให้เรื่องราวราบรื่นจึงเอ่ยว่า “ขอรับ ใต้เท้าคิดได้รอบคอบอย่างยิ่ง”
กู้ซิ่งจือเงียบไปครู่หนึ่ง สายตาเหลือบมองแสงเทียนที่ส่ายไหวในห้องด้านในแล้วพูดเบาๆ “ข้ายืนยันฐานะของนางแล้ว นางคือคนที่ข้าต้องการตามหา พรุ่งนี้ข้าจะพานางกลับไปที่เมืองจินหลิง ทางนี้ต้องขอให้ใต้เท้าดูแลทุกอย่างให้ดีด้วย”