ทดลองอ่าน ม่านฝันคืนวสันต์รัญจวน บทที่ 5-6 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ม่านฝันคืนวสันต์รัญจวน บทที่ 5-6

6 of 6หน้าถัดไป

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนต่างอึ้งงันไปชั่วครู่

คนทั้งสองที่คุกเข่าอยู่มองหน้ากัน หลินไหวจิ่งมองกู้ซิ่งจือด้วยความประหลาดใจแล้วหันไปมองฉินซู่ ครู่หนึ่งจึงถามตะกุกตะกัก

“ถาม…ถามเสร็จแล้วหรือ”

กู้ซิ่งจือส่งเสียง “อืม” แล้วยืนขึ้น พูดกับฉินซู่ว่า “เจ้านำทั้งสองคนนี้กลับไปที่กรมอาญา แล้วแยกกันสอบปากคำอีกครั้ง”

ฉินซู่เอียงศีรษะด้วยความไม่เข้าใจ แต่กลับได้ยินกู้ซิ่งจือกล่าวเสริมขึ้น

“ระหว่างสองคนนี้ใครที่สารภาพก่อน ข้าจะทูลขอความเมตตาจากฮ่องเต้ให้ด้วยตนเอง ยกเว้นโทษตาย ส่วนอีกคนหนึ่ง…” เขาชะงักเล็กน้อย ลากหางเสียงสดใสและชัดเจนราวกับพระอาทิตย์อันอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิบนแม่น้ำฉินไหว “ส่วนอีกคนหนึ่งในเมื่อพูดไม่ได้ เก็บลิ้นไว้ก็เสียเปล่า ดึงทิ้งแล้วกัน”

หลินไหวจิ่งแข้งขาอ่อนเปลี้ย มองคุณชายผู้สง่างามราวกับเทพเซียนอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

มือของกู้ซิ่งจือที่กำลังจัดเสื้อผ้าพลันหยุดชะงัก เขาหันหลังกลับท่ามกลางแสงไฟแล้วเอ่ยกำชับฉินซู่อีกครั้ง “เวลาที่ทั้งสองแยกย้ายกันที่ทหารผู้นั้นบอกเมื่อครู่ ใต้เท้าฉินอย่าลืมบันทึกไว้ด้วย”

“บันทึกแล้วขอรับ” ฉินซู่พยักหน้า

“อืม” สายตาของกู้ซิ่งจือมองไปยังคนทั้งสองที่ใบหน้าซีดเผือด “ในการสอบปากคำ การสร้างหลักฐานเท็จและให้การเท็จเป็นความผิดอย่างหนึ่ง ใต้เท้าฉินเข้าใจดี?”

ฉินซู่ได้ยินดังนั้นดวงตาก็เป็นประกาย มองกู้ซิ่งจือพลางกลั้นยิ้มและพยักหน้า

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ากู้ซิ่งจือผู้ซึ่งอ่านตำราของจอมปราชญ์มาตลอดชีวิตจะมีช่วงเวลาที่ ‘เจ้าเล่ห์’ เช่นนี้ด้วย

ความจริงทหารผู้นี้เขาเป็นคนหาตัวเจอเมื่อสองวันก่อน ในตอนนั้นกู้ซิ่งจือไปอำเภอเจียงเพื่อจัดการธุระของฉินเจา เขาสอบปากคำคนเดียวตลอดทั้งวัน แต่ไม่มีอะไรหลุดออกจากปากของอีกฝ่าย เขาหมดหนทางจริงๆ จึงไปพบกู้ซิ่งจือ

ใครจะรู้ว่ากู้ซิ่งจือจะนำตัวอีกฝ่ายมาที่ศาลต้าหลี่โดยตรง

หลังจากที่ได้เห็นองครักษ์หนุ่มหวาดกลัวจนตื่นตกใจ แล้วยังต้องเผชิญกับเงื่อนไขที่กู้ซิ่งจือเสนอออกมา คิดว่าเป็นใครก็คงไม่รอให้ถูกหักหลังอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ทหารผู้นั้นจะไม่รับสารภาพ ขอเพียงองครักษ์หนุ่มเลิกยืนกรานก็สามารถทะลุทะลวงจากจุดนี้ไปได้เช่นกัน

แทนที่จะลงมือเอง มิสู้โยนหอกกับโล่ออกไปแล้วปล่อยให้พวกเขาประลองกันเองจะดีกว่า ความไว้วางใจระหว่างคนเรามักจะทนต่อการทดสอบไม่ได้

“เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับอู๋จี๋หรือไม่” ฉินซู่เดินตามกู้ซิ่งจือแล้วถามด้วยเสียงเบา

“ทั้งเกี่ยวและไม่เกี่ยว”

เมื่อฉินซู่ได้ยินคำพูดคลุมเครือนั้นแล้วก็อดชะงักฝีเท้าไม่ได้ “ทุกคนต่างรู้ว่าเสนาบดีเฉินและเสนาบดีอู๋นั้นเสมือนน้ำกับไฟ เวลานี้กองทหารรักษาวังถูกลากเข้ามาด้วย อู๋จี๋จะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร”

“สาเหตุเมื่อครู่เจ้าได้พูดแล้ว”

“หือ?” สีหน้าฉินซู่ไม่เข้าใจ จึงไล่ตามไปอีกหลายก้าว ดึงแขนเสื้อของกู้ซิ่งจือแล้วเอ่ยว่า “ภิกษุกู้พูดให้ชัดเจนกว่านี้เถิด!”

ชุดขุนนางสีม่วงถูกดึงจนคนสวมใส่เซ กู้ซิ่งจือขมวดคิ้วหันกลับมา สีหน้าโกรธเคืองอย่างที่พบเห็นได้ไม่บ่อย

เขาดึงแขนเสื้อกลับ จัดให้เรียบร้อยพร้อมกับพูดว่า “ก็เพราะทุกคนต่างรู้ว่าพวกเขาไม่ลงรอยกัน หากข้าเป็นอู๋จี๋ ถ้าต้องการลงมือจะไม่มีวันลงมือผ่านกองทหารรักษาวังอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นในฝ่ายสันติคนที่ต้องการจัดการเสนาบดีเฉินจนตายมีจำนวนนับไม่ถ้วน ในฐานะเสนาบดีฝ่ายขวาของราชสำนัก เหตุใดข้าจะต้องลงมือเอง เป็นเครื่องมือสังหารให้ผู้อื่น?”

คำถามนี้ถามจนฉินซู่พูดไม่ออก เขาไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม ขวางทางของกู้ซิ่งจือและถามต่อ “แล้วที่เจ้าพูดว่าเกี่ยวนั้นหมายความว่าอย่างไร”

กู้ซิ่งจือยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเดิม มองหน้าฉินซู่และเอ่ยเสริมว่า “เนื่องจากการอนุมานเมื่อครู่เป็นเพียงสถานการณ์ทั่วไป หากเป็นเพราะเกิดจากการแย่งชิงอำนาจระหว่างทั้งสองฝ่าย อู๋จี๋ยิ่งไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการที่เร่งด่วนเช่นนี้ในการจัดการเสนาบดีเฉิน แต่หากเกิดสิ่งที่เหนือความคาดหมายเล่า?”

ฉินซู่เอียงศีรษะขมวดคิ้ว สีหน้าไม่เข้าใจ

กู้ซิ่งจือมองดูท่าทางโง่เขลาของอีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า “หากเสนาบดีเฉินรู้ว่าอะไรที่จะเป็นการคุกคามถึงงานของเขา หากข้าเป็นอู๋จี๋ก็จะลงมือด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดและตรงที่สุด”

เมื่อพูดจบกู้ซิ่งจือที่กลับมาอยู่ในสภาพเรียบร้อยอีกครั้งแล้วก็ก้าวเท้าเดินไปยังรถม้าที่รออยู่นอกศาลต้าหลี่

แต่ทันทีที่ขึ้นรถม้าก็มีคนจับผนังรถไว้

“เจ้าจะทำอะไร” กู้ซิ่งจือมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มประจบประแจงตรงหน้าแล้วขมวดคิ้ว

“หึๆ!” ฉินซู่หัวเราะแห้งๆ กระโดดขึ้นบนรถม้าของกู้ซิ่งจือ ขยับบั้นท้ายเบียดเขาไปด้านข้าง “ใต้เท้ากู้ไหวพริบดีมาก น้องชายเลื่อมใสอย่างยิ่ง วันนี้ฉวยโอกาสไปสังสรรค์ที่จวนสกุลกู้ ดื่มชาหอมๆ พร้อมกับปรึกษาว่าควรทำอย่างไรต่อไปจะดีกว่า”

มีใครบางคนคร้านที่จะใช้สมอง และตัดสินใจที่จะยึดสมองที่สามารถช่วยเขารักษาเส้นผมนี้ไว้

กู้ซิ่งจือพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “ที่จวนอาหารการกินเรียบง่าย เกรงว่าจะต้อนรับรองเสนาบดีฉินได้ไม่ดี”

“ความสุขในการกินดื่มเป็นของนอกกาย จะเทียบกับการพูดคุยอย่างมีความสุขกับสหายที่รู้ใจได้อย่างไร” พูดจบก็ไม่ให้โอกาสกู้ซิ่งจือคัดค้าน เขายื่นมือออกไปเคาะผนังรถม้าเพื่อส่งสัญญาณให้คนบังคับรถม้าเร่งความเร็ว

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 22 .. 67 

6 of 6หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 1-2

บทที่ 1 อาจเป็นเพราะสภาพอากาศขมุกขมัวหนาวเย็นยาวนานถึงครึ่งปี ทำให้เครื่องหอมเป็นที่โปรดปรานของชาวต้าเว่ย ได้เติมเครื่อง...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 66-67

บทที่ 66 ผืนฟ้าเหนือฉางอันมืดลง ม่านราตรีคลี่คลุมอีกครั้ง เสียงย่ำกลองแจ้งเวลาวิกาลลอยมาจากหอกลอง หลังกำแพงสูงตระหง่านขอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 62-63

บทที่ 62 เพียงตวัดตามอง สีหน้าของซู่เซิ่นฮุยก็เคร่งเครียดขึ้นทันที เขาหมุนตัวเดินกลับเข้ามาข้างในแล้วแกะตราครั่งภายใต้แส...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 64-65

บทที่ 64 จวงไท่เฟยหลบร้อนมาพักอยู่บนเขาเซิ่งซานทางตอนเหนือของเมือง วันนี้ซู่เซิ่นฮุยขี่ม้าออกจากที่พักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สา...

community.jamsai.com