เมื่อฮวาหยางเห็นเขายังไม่ขยับจึงตอแยไม่เลิก และเติมความผิดหวังลงในความน้อยใจ ขนตาที่เปียกชื้นคู่นั้นจึงสั่นต่อหน้าเขาอย่างเงียบๆ
ภายในห้องเงียบมากจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นลงพื้นขึ้นมาทันที
ผ่านไปพักใหญ่ฮวาหยางจึงได้ยินเสียงคนผู้นั้นถอนหายใจเบามาก ราวกับเป็นการประนีประนอมอย่างทำอะไรไม่ถูก จากนั้นในที่สุดฝ่ามือใหญ่ที่แห้งและอุ่นก็วางลงบนมือของนาง น้ำเสียงที่อบอุ่นดังขึ้นที่ข้างหูพร้อมกับแผ่ไอร้อนบางๆ
กู้ซิ่งจือจับมือข้างหนึ่งของนาง พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ตั้งแต่แขนจนถึงข้อมือ ตั้งแต่ข้อมือไปจนถึงนิ้ว ใช้ทั้งหลักการและการพลิกแพลง วิธีการเขียนต้องยืดหยุ่นได้และต้องมองภาพรวม เตรียมความพร้อมก่อนจรดพู่กัน”
ขณะที่พูดมือข้างนั้นก็เขียนอย่างประณีต คล่องแคล่วเป็นธรรมชาติ
ฮวาหยางยังคงประหลาดใจจริงๆ เพราะนางพบว่าแม้เวลานี้ทั้งสองคนจะใกล้ชิดด้วยท่าทางที่นัวเนียและแนบสนิทกันเช่นนี้ แต่นางกลับไม่รู้สึกถึงความหลงใหลเพ้อฝันใดๆ ของคนที่อยู่ด้านหลังเลย
มือที่จับนางมั่นคงและมีพลัง น้ำเสียงที่พูดก็เรียบนิ่ง หัวใจที่เต้นเบาๆ ผ่านเสื้อผ้าก็เป็นจังหวะที่ไม่วุ่นวาย ราวกับว่าทั้งเมื่อครู่และเวลานี้นางไม่เคยรบกวนจิตใจของเขาได้เลย
ฮวาหยางเกือบจะหัวเราะด้วยความโกรธกับนิสัยที่ไม่มีวันตามทันคนอื่นของเขา
เมื่อเปรียบเทียบกับการยั่วยวนผู้ที่มีฐานะสูงส่งที่ไม่เคยรู้จักพอกับสาวงามแล้ว การยั่วยวนกู้ซิ่งจือนั้นเหนื่อยยากยิ่งกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะต้องใช้กำลังด้วยซ้ำ นี่เป็นสิ่งที่นางไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ
ก็ได้…
ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางก็ไม่ถือสาที่จะก้าวไปอีกขั้น ถึงอย่างไรของที่ได้มาง่ายเกินไปก็ไม่อาจกระตุ้นความสนใจของนางได้จริงๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ฮวาหยางก็เขย่งเท้าขึ้น ขณะที่เส้นผมถูไถกับสันกรามของกู้ซิ่งจือ นางก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและเรียกที่ข้างหูของเขาอย่างไม่มีเสียง
‘พี่ฉางยวน…’
เสียงนั้นเบามากๆ เป็นเพียงลมหายใจที่แผ่วเบา แต่ลมร้อนชื้นนั้นยังคงกระจายตามคำว่า ‘ยวน’ นั้นไปทั่ว ตบเบาๆ ที่ลำคอราวกับแปรงปัดแป้ง
มือที่จับนางหยุดและสั่นอย่างเงียบๆ
สายลมและหมอกชื้นลอยละล่องอย่างไม่มีแรง
กู้ซิ่งจือรู้สึกว่าจิตสำนึกสั่นคลอนชั่วพริบตา แสงของเชิงเทียนที่อยู่ตรงหน้ามืดลง กลายเป็นฉากที่พร่ามัวโดยรอบ
ภายใต้แสงเทียนที่พลิ้วไหว มือขาวนวลของสาวงามปรากฏขึ้นตรงหน้า นิ้วมือที่เรียวยาวโค้งงอ เผยให้เห็นเล็บที่สะอาดราวกับไข่มุก ถัดลงมาเป็นสายโซ่เหล็กเย็นเฉียบที่ส่องแสงเยียบเย็น ขับให้ข้อมือทั้งสองข้างขาวผ่องยิ่งขึ้น
กู้ซิ่งจือตกตะลึง รู้สึกว่าที่ด้านข้างมีอะไรบางอย่างพาดลงที่เอวเบาๆ จากนั้นก็หนีบแน่น ดึงเขาเข้าไปใกล้ขึ้นอีกหนึ่งชุ่น
ความรู้สึกเช่นนี้ช่างคุ้นเคยอย่างยิ่ง จิตใจสับสน หลงใหลเคลิบเคลิ้ม
ค่ำคืนที่มืดมิดและไร้ขอบเขตกลับสว่างขึ้นและกลายเป็นภาพที่มีสีสัน สดใสเสียจนกู้ซิ่งจือรู้สึกว่าฉากเหล่านี้ไม่ได้มาจากจินตนาการ แต่ควรจะเป็น…ความทรงจำ
ด้านล่างเป็นร่างของสตรีที่อ่อนนุ่ม…ขาของนางหนีบรอบเอวเขา และเขาก็รัดร่างของนางไว้ กดนางลงกับรั้วเหล็กที่เย็นเฉียบ
เสียงอาวุธโลหะกระทบกันดังขึ้น วุ่นวายและไม่เป็นระเบียบ คลื่นลูกแล้วลูกเล่าเหมือนการชะล้างความปรารถนาอันท่วมท้นในร่างกาย
เสียงครวญครางอย่างเหลือทนและลมหายใจร้อนชื้นของสตรีกระจายไปทั่วใบหน้า ใจเต้นเร็วอย่างควบคุมไม่ได้ขึ้นมาทันที
‘กู้ฉางยวน…’ นางขมวดคิ้วครวญคราง เรียกชื่อของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ‘ฉางยวน…’
‘เอี๊ยด…’
จู่ๆ ก็มีเสียงเสียดสีบาดหูดังขึ้น ฮวาหยางล้มไปด้านหน้า โต๊ะที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาถูกผลักห่างออกไประยะหนึ่งทันที
กู้ซิ่งจือตกใจกับความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ครั้นก้มลงมองจึงพบว่าการดันเมื่อครู่ทำให้แท่นฝนหมึกบนโต๊ะพลิกคว่ำ น้ำหมึกสาดกระจาย ไม่เพียงทำให้ตัวอักษรที่เขียนเสียหาย แต่ยังกระเซ็นถูกนางทั้งตัว
เมื่อสติกลับคืนมา เขาจึงพบว่าคนที่อยู่ข้างๆ ตกใจไม่น้อย ดวงตาที่เปียกชื้นกำลังมองเขาอย่างตื่นตกใจยิ่ง
“ขออภัย” กู้ซิ่งจือโบกมืออย่างเหนื่อยล้าและเอ่ยว่า “คงเป็นเพราะระยะนี้เหนื่อยเกินไป ทำให้สับสนเล็กน้อย ทำเจ้าตกใจ…”
ยังพูดไม่จบสายตาก็มองไปยังมืออีกข้างที่สาวน้อยจับเอาไว้แน่น ดูเหมือนนางกำลังจับอะไรบางอย่าง
“เป็นอะไรไป” กู้ซิ่งจือไม่เข้าใจ “ข้าทำให้ของสำคัญอะไรของเจ้าสกปรกหรือไม่”
ครู่หนึ่งฮวาหยางจึงพยักหน้า แล้วรีบส่ายหน้าทันที กู้ซิ่งจือมองดูสิ่งที่อยู่ในมือนางด้วยความสับสน ก่อนจะจำของที่มีรอยหมึกจางๆ นั้นได้
นั่นคือถุงผ้าที่ฉินเจาถือเอาไว้ก่อนตาย
และในเวลานี้ฮวาหยางก็รู้สึกตัวเช่นกัน จับถุงผ้าที่เปื้อนน้ำหมึกจนมองไม่เห็นสีเดิม ก้มหน้าแล้วผลักประตูวิ่งหนีไป
ห้องอ่านหนังสือที่ว่างเปล่า แสงเทียนที่มืดลงเรื่อยๆ
กู้ซิ่งจือยืนอยู่คนเดียวครู่หนึ่ง หวนนึกถึงภาพที่ปรากฏขึ้นในสมองเมื่อครู่ก็อดที่จะยันกายกับโต๊ะด้วยความเสียใจไม่ได้
สถานที่ในฝันที่เขาเคยไปมานับครั้งไม่ถ้วน ย่อมรู้ดีว่าที่นั่นคือห้องขังนักโทษประหารของกรมอาญา ทำเรื่องเช่นนั้นกับนักโทษหญิงในห้องขังนักโทษประหาร…
กู้ซิ่งจือกำหมัดทุบหน้าผาก ไม่ต้องพูดถึงการทำอย่างนั้นจริงๆ แม้แต่คิด เขาก็ยังรู้สึกว่าเหลือเชื่อแล้ว
เหลวไหล
เหลวไหลจริงๆ