บทที่ 10 การสำรวจยามวิกาล
“วางกับดักด้วยความตาย…” ซ่งอวี้เบิกตากลมโต มองดูกู้ซิ่งจืออย่างไม่อยากจะเชื่อ “การเสียสละครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินไปหรือไม่…”
กู้ซิ่งจือไม่ได้ตอบเขา ก้มมองตำราการเดินหมากในมือด้วยแววตาเคร่งเครียด
เดิมพันนี้สูงเกินไปจริงๆ
หากไม่เป็นเพราะไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว คิดว่าคงไม่มีใครโง่เขลาพอที่จะเดิมพันด้วยชีวิต
ดังนั้นเพราะเหตุใดเสนาบดีเฉินจึงคิดว่าตนเองจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยกันแน่
ในเมื่อรู้ว่าจะต้องตาย เหตุใดจึงไม่ทิ้งเบาะแสไว้เพื่อเปิดโปงฆาตกรตัวจริง แต่เลือกใช้วิธีที่วกวนเช่นนี้โดยการวางแผนให้ซ่งอวี้มาหาข้า
กู้ซิ่งจือไม่เข้าใจจริงๆ จึงหันมาถามซ่งอวี้ว่า “เหตุใดเจ้าจึงมาเมืองหลวง”
ซ่งอวี้ชะงักงันไปครู่หนึ่ง กำลังคิดว่าพวกเขาตื่นเต้นมากที่ได้พบกันจนลืมเรื่องนี้ไป จึงคลี่พัดในมือออกพลางพูดขึ้น
“ก็ต้องเป็นเพราะเสด็จลุงเรียกข้ามาอยู่แล้ว พระองค์ตรัสว่าข้าอายุยี่สิบกว่าแล้ว มีเพียงบรรดาศักดิ์ แต่ไม่มีตำแหน่งในราชสำนัก จึงได้พระราชทานตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักพิธีกรรมแก่ข้า ครั้งนี้ข้าจึงเข้าเมืองหลวงมารายงานตัว” พูดจบก็ขยับเข้าใกล้กู้ซิ่งจืออีกครั้งแล้วเอ่ยกระซิบ “ได้ยินมาว่าอีกสองเดือนทูตจากเป่ยเหลียงจะเข้าเมืองหลวง ราชสำนักรับผิดชอบเรื่องการต้อนรับและส่งออกเดินทาง เวลานี้สำนักพิธีกรรมยังขาดคนอยู่”
เขาโบกพัดในมือ ท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ
กู้ซิ่งจือกลับฟังแล้วตกใจ
มีใครไม่รู้บ้างว่าเยียนอ๋องสิ้นชีพด้วยคมดาบของชาวเป่ยเหลียง หลายปีมานี้ราชสำนักคอยประจบเอาใจก็ช่างเถิด เวลานี้ยังมอบหมายให้สายเลือดเพียงคนเดียวของเยียนอ๋องช่วยทำงานเช่นนี้อีก
โชคดีที่ซ่งอวี้เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ถ้าเป็นคนดื้อรั้นป่านนี้คงถูกตั้งข้อหาขัดพระราชโองการไปนานแล้ว
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่านี่คงเป็นความคิดของฝ่ายสันติ
เมื่อก่อนตอนที่เสนาบดีเฉินยังมีชีวิตอยู่ เขาดูแลทายาทของเยียนอ๋องอย่างดี ตอนนี้เมื่อเขาเสียชีวิตไปแล้ว ฝ่ายสันติจะต้องหาทางคว้าโอกาสในการปราบฝ่ายใช้กำลังอย่างแน่นอน
และซ่งอวี้ทายาทเยียนอ๋องก็เป็นคนไม่มีสมองมาแต่ไหนแต่ไร ทันทีที่เขาทำผิดพลาด ฝ่ายใช้กำลังต้องปกป้องเขา ก็ย่อมนำความยุ่งยากมาให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สีหน้าของกู้ซิ่งจือเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม เพียงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “หากเจ้าไม่ต้องการรับตำแหน่งนี้ก็บอกมาได้ ทางฝ่ายฮ่องเต้ข้าจะจัดการเอง”
“เอ๊ะๆๆ! เจ้าจะทำอะไร!”
ซ่งอวี้ที่เมื่อครู่เพิ่งจะโบกพัดอย่างสบายๆ เมื่อได้ยินดังนั้นก็เต้นผางขึ้นมาทันที ยืดคอแล้วพูดกับกู้ซิ่งจือว่า “ข้าอายุยี่สิบกว่าแล้ว เพิ่งจะได้รับตำแหน่ง เจ้ายังคิดที่จะทำให้ข้าไม่สมหวังอีก?! กู้ซิ่งจือ บางครั้งข้าก็สงสัยความสัมพันธ์ระหว่างเราจริงๆ”
กู้ซิ่งจือเห็นท่าทางไม่มีพิษภัยของอีกฝ่าย ในที่สุดก็หุบปาก
การต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย เขาไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวมาโดยตลอด ในเมื่อซ่งอวี้เองยังไม่สนใจ ถ้าเช่นนั้นเขาในฐานะคนนอกก็ย่อมไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ดังนั้นเขาจึงถามเปลี่ยนหัวข้อไป