“เปลวอัคคี” ชายหนุ่มแย้มยิ้ม เอื้อมมือรับสัตว์ตัวน้อยที่แปลงร่างกลางอากาศ หดตัวจากขนาดเท่ามนุษย์ผู้ใหญ่จนเหลือเท่าลูกสุนัขไว้
“โฮ่ว!” สองตาดำขลับของสัตว์ตัวน้อยมีความเป็นห่วงเขียนอยู่เต็ม เมื่อครู่ขณะเก็บกระบวนท่า มันรู้สึกได้ชัดเจนว่าลมหายใจของเจ้านายไม่ค่อยสม่ำเสมอ
“ไม่เป็นไร เพียงแต่รู้สึกเหมือนว่าขาดอะไรไป จึงไม่อาจฝ่าทะลวงขึ้นไปได้” ชายหนุ่มลูบหลังมัน
“การฝ่าทะลวงเลื่อนขั้นไม่อาจใจเร็วได้ ถ้าไอวิเศษดูดซับเพียงพอแล้ว นั่นก็หมายความว่าสภาพจิตใจหรือโอกาสยังไม่ถึงพร้อม” เสียงพูดเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นทางด้านหลังชายหนุ่ม
“อาจารย์” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องร้อนใจไป ฝึกไปตามลำดับเหมือนทุกวัน บีบอัดไอวิเศษภายในกายของตนเองไปเรื่อยๆ และกลั่นเอาความบริสุทธิ์ออกมา เวลาที่เหลือก็อย่าละเลยทักษะวิเศษ ตำราหลอมประดิษฐ์ที่เฉินมอบให้เจ้า มีเวลาว่างเจ้าก็พยายามศึกษาดู” เฟิงเหยี่ยนกล่าว
ไม่ว่าจะศึกษาการหลอมประดิษฐ์หรือการหลอมโอสถ หากสามารถควบคุมเชื้อไฟได้ก็เป็นเรื่องดี
สัตว์วิเศษของฉีเอ๋อร์…เปลวอัคคีก็เป็นสัตว์วิเศษธาตุไฟอยู่แต่เดิม จึงเท่ากับว่าฉีเอ๋อร์มีเปลวเพลิงแห่งชีวิตด้วย หากยืมคำพูดของเฉินมาใช้ นั่นคือมีคุณสมบัติเช่นนี้ ไม่ศึกษาการหลอมประดิษฐ์ก็เป็นการเสียของ มิหนำซ้ำฉีเอ๋อร์ก็มีนิสัยค่อนข้างมีน้ำอดน้ำทน เหมาะกับการเรียนยิ่ง
ส่วนว่าเหตุใดถึงไม่เรียนการหลอมโอสถ ตามคำพูดของเฉิน นิสัยของฉู่เซวียนฉีเหมาะกับการหลอมประดิษฐ์มากกว่า
อ้างอิงจากอะไร สัญชาตญาณ?
คำคำนี้…เฟิงเหยี่ยนได้ยินแล้วก็หวิดจะพ่นข้าวออกมา
ทว่าความเป็นจริงในเวลาต่อมาได้พิสูจน์แล้วว่าหลังจากฉู่เซวียนฉีได้ลองสัมผัสกับการหลอมโอสถและการหลอมประดิษฐ์ เขาก็สนใจด้านการหลอมประดิษฐ์มากกว่าและเรียนรู้ได้ดีกว่าจริงๆ
ด้วยเหตุนี้เฟิงเหยี่ยนจึงจำต้องยอมรับว่า ‘สัญชาตญาณ’ ของเฉินนั้น…แม่นยำจริงๆ
พอคิดถึงตรงนี้เฟิงเหยี่ยนก็ร้องเรียกเปลวอัคคีออกมา ก่อนเริ่มประมือกับลูกศิษย์ของตนเองเพื่อพัฒนาทักษะวิเศษ นี่เป็นการฝึกฝนที่เฟิงเหยี่ยนต้องทำกับลูกศิษย์ทุกวันหลังจากมาถึงเกาะโม่เสวียน
การจะยกระดับพลังแก่นแท้ ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่าการต่อสู้จริงแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ริมทะเลทางด้านใต้ของเกาะโม่เสวียน
เมื่อแสงสว่างน้อยๆ ตรงขอบฟ้าสาดส่องมาถึงบนชายฝั่งเกาะ ก็ทำให้เห็นเงาน้อยใหญ่หลากหลายรูปร่างลักษณะแน่นขนัดอยู่ริมชายฝั่ง
สัตว์วิเศษนับไม่ถ้วนทั้งที่บินบนฟ้า ทั้งที่วิ่งบนดิน ทั้งที่ว่ายในน้ำ ตั้งแต่ใหญ่ขนาดหมียักษ์ นกยักษ์ วาฬ ไปจนถึงเล็กขนาดหนู นกกระจอก ปลาตัวน้อย ต่างมาล้อมวงชุมนุมกันอย่างพร้อมพรัก
บางตัวหมอบอยู่ริมชายฝั่ง บางตัวนอนอยู่บนหาดทราย และบางตัวก็ยืนอยู่บนต้นไม้ไม่ไกล
ล้อมหาดทรายแห่งนี้เอาไว้เป็นชั้นๆ จนไม่มีช่องว่าง
ตรงใจกลางวงล้อมของพวกมันมีสาวน้อยโฉมงามผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่กับสัตว์วิเศษสองตัว
สาวน้อยนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง สองฝั่งกายมีหมาป่ายักษ์สีเงินตัวหนึ่งกับเสือขาวขนาดราวครึ่งตัวคนอีกตัวหมอบอยู่ ท่าทางเหมือนกำลังพิทักษ์อารักขา ไม่อนุญาตให้คนหรือสัตว์หน้าไหนเข้ามาใกล้แม้แต่ก้าวเดียว ด้วยเหตุนี้บรรดาสัตว์ทั้งหมดจึงทำได้เพียงล้อมรอบพวกนางวนไปเป็นชั้นๆ