บทที่ 8
สามวันต่อมาโม่อีเหรินเดินออกมาจากในห้องหลอมโอสถในที่สุด จากนั้นก็ถูกพี่ชายทั้งสองคุมตัวกลับห้อง หลังหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ ก็ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
“ท่านตา ข้าหลอมสกัดน้ำวิเศษออกมาเยอะเลยเจ้าค่ะ”
กินมื้อเช้าเสร็จ ศาลาแบบเดียวกัน…ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ เนื่องจากคืนนั้นเกิดไม่ระวัง ศาลาจึงถูกเปลือกหอยกาบยักษ์ทับจนพัง ด้วยเหตุนี้ในบุรุษทั้งสี่ที่จัดการกับเปลือกหอยและไข่มุกเสร็จจึงให้โม่ซั่งเฉินคุมงาน ส่วนสามคนที่เหลือก็รับหน้าที่สร้างมันขึ้นใหม่…ช่วยไม่ได้ เจ้าบ้านใหญ่ที่สุด เขาต้องการเป็นผู้คุมงาน สองเด็กหนึ่งชราก็ได้แต่ทำตามคำสั่ง
“แม้ไข่มุกสีรุ้งจะมีอายุไม่นับว่ามากนัก แต่ขอแค่หยดใส่ในตาก็ยังทำให้เวลาลงทะเลสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ หยดใส่ตาข้างละหยด มีฤทธิ์นานหนึ่งวัน” โม่อีเหรินยกมือเสกขวดหยกสีขาวกองหนึ่งมาไว้บนโต๊ะ นับคร่าวๆ มีอย่างน้อยยี่สิบสามสิบขวด
“นอกจากนี้ก็ยังมีเจ้านี่ ขวดหยกสีเขียวสิบขวด ขวดหยกสีแดงสี่ขวด ขวดสีเขียวคือยาลูกกลอนชำระจิตที่ข้าหลอมออกมาโดยใช้ไข่มุกสีรุ้งเป็นตัวยาหลักผสมกับสมุนไพรอื่นๆ มีฤทธิ์ช่วยให้ญาณวิเศษแจ่มชัด ป้องกันสติหลงเลือน ขวดสีแดงเป็นยาผงที่ใช้ไข่มุกดำมาบด ปริมาณการใช้ไม่ต้องเยอะ ใช้แต่น้อยก็พอแล้ว…มีฤทธิ์บำรุงครรภ์”
บำรุง…ครรภ์?!
แม้แต่โม่ซั่งเฉินได้ยินแล้ว มุมปากยังอดจะกระตุกไม่ได้
ส่วนสามคนที่เหลือก็มองนางด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวอยู่สักหน่อย เจ้าสิ่งนี้ให้พวกเขาไว้ทำอะไรกัน
“เผื่อเอาไว้เจ้าค่ะ มีไว้ก็อุ่นใจ” ภายใต้การจับจ้องจากดวงตาวาววับทั้งแปดข้าง โม่อีเหรินร้อนตัวอยู่เล็กน้อย ทว่านางยังคงกล่าวอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ “ต่อให้ไม่ได้ใช้ ยามขาดเงินก็นำไปขายแลกเงินได้ ผงไข่มุกมีค่ามากนะเจ้าคะ”
“…” ก็ได้ นับว่ามีเหตุผล
คนทั้งสี่รับขวดหยกที่แบ่งเอาไว้
ยาลูกกลอนชำระจิตอาจจะมีประโยชน์ใช้สอยต่อพวกเขาในยามนี้ไม่มาก แต่โม่ซั่งเฉินกลับรู้ว่าถ้ายานี้ปรากฏขึ้นในดินแดนเทพยุทธ์ นั่นจะเป็นของที่ทุกผู้ทุกคนต่างแย่งชิงกันอย่างแน่นอน
ในเมื่อโม่อีเหรินนำออกมา แน่นอนว่าเป็นเพราะต้องการมอบให้พวกเขา แม้แต่โม่ซั่งเฉินก็ยังรับไว้ หลานสาวที่เขาสั่งสอนชี้แนะออกมามีความสำเร็จด้านการหลอมโอสถเหนือกว่าเขาแล้ว บัดนี้สิ่งเดียวที่เขายังสอนนางได้ก็คือ ‘ประสบการณ์’
นี่มิได้หมายถึงประสบการณ์การหลอมโอสถ แต่หมายถึงระดับความคุ้นเคยและระดับความสามารถในการวินิจฉัยยาลูกกลอน
แม้โม่อีเหรินจะหลอมโอสถได้เก่ง แต่จะอย่างไรนางก็เพิ่งมีอายุเพียงสิบกว่าปี อ่านตำรามากเพียงไร รู้ตำรับยาลูกกลอนมากเพียงไร ระดับความเข้าใจต่อยาลูกกลอนในดินแดนเทพยุทธ์ก็ยังคงไม่เพียงพอ
ก็เหมือนกับหยาดน้ำตาเทพยุทธ์ในตอนนั้น
นางสามารถหลอมยาแก้ออกมาได้โดยดูตามตำรับยารวมถึงอาศัยพรสวรรค์สัญชาตญาณ แต่ถ้ามีใครเอาหยาดน้ำตาเทพยุทธ์มาวางไว้ตรงหน้านาง นางกลับไม่รู้อย่างแน่นอนว่านั่นก็คือหยาดน้ำตาเทพยุทธ์