โม่ซั่งเฉินหาทิศทางถัดไปที่โม่อีเหรินควรเสริมให้แข็งแกร่งเจอแล้ว
“ท่านตา ยังมีนี่ด้วยเจ้าค่ะ”
ไข่มุกสีขาวน้ำนมใหญ่เท่าลูกวอลเลย์เม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นบนสองมือของโม่อีเหริน ทำเอาบุรุษทั้งสี่ในที่นี้สะท้านสะเทือนขึ้นมาอีกครั้ง
“…” นี่ก็…เป็นไข่มุกกระมัง จะใหญ่เกินไปแล้ว!
“ไข่มุกหมื่นปี” โม่ซั่งเฉินจำแนกได้ในแวบเดียว เขาเคยเห็นในบันทึกที่อยู่ในเผ่า
“อื้ม เป็นของที่เอาออกมาจากในเปลือกหอยกาบนั่น มีทั้งหมดแปดเม็ดเจ้าค่ะ” ตัดไข่มุกสีมอที่อยู่ในกายนางออกไปแล้ว
“แปดเม็ด?” โม่ซั่งเฉินมองหลานสาวของตนอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มปราดหนึ่ง มีแววภาคภูมิใจ มีแววหยอกล้อ และยังมีแววย้ำเตือนนางถึงความเคลื่อนไหวที่นางทำออกมาวันนั้น
ทว่าโชคของหลานสาวของเขาช่างดีมากจริงๆ
แน่นอนว่าเขาย่อมจะไม่อิจฉาริษยาชิงชังต่อความโชคดีของหลานสาวของตน เพียงแต่พูดไม่ออกอยู่สักหน่อยเท่านั้นเอง
เนื่องจากโชคของโม่อีเหรินนั้นดีจนทำให้เขาไม่รู้ว่ายังมีอะไรให้พูดได้อีกแล้ว ประหนึ่งว่าไม่ว่าเป็นของที่ประหลาดหายากเพียงไร การที่ถูกนางไปพบเจอเข้านั้นล้วนเป็นเรื่องธรรมดายิ่ง แต่หารู้ไม่ว่าความธรรมดาของนางได้ทำให้หัวใจของผู้อื่นสะท้านสะเทือนครั้งแล้วครั้งเล่าจนจะเป็นโรคหัวใจแล้ว
โม่อีเหรินยิ้มอย่างร้อนตัว ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “ท่านตา ข้าสกัดน้ำวิเศษมาสามวัน ทั้งยังหลอมยาลูกกลอนหลอมยาผงด้วย สิ่งนี้…ท่านตาช่วยข้าหลอมสกัดได้หรือไม่เจ้าคะ”
โม่ซั่งเฉินมองนางปราดหนึ่ง ก่อนรับไข่มุกเม็ดใหญ่เม็ดนั้นไว้ จากนั้นโม่อีเหรินก็หยิบออกมาอีกสองเม็ด ส่งให้ท่านตารับไว้ต่อ
“เดี๋ยวสายหน่อยเอาชุดปีกสวรรค์มาให้ข้า ข้าจะหลอมมันอีกรอบ” พูดจบโม่ซั่งเฉินก็เดินไปห้องหลอมโอสถ
“…” เฟิงเหยี่ยนหมดคำพูด
ก็ได้ เขารู้มาตลอดว่าเฉินเอ็นดูอีเหรินน้อยมาก กอปรกับที่ได้อยู่ด้วยกันมาตลอดสามเดือนนี้…เขาไม่ควรประหลาดใจแล้วจริงๆ
ทว่า…ไข่มุกหมื่นปี นั่นเป็นของดีมาก!
“อีเหรินน้อย พอเฉินหลอมสกัดเสร็จเรียบร้อย ของเหลววิเศษนั่นก็ต้องให้ตาด้วยกระมัง” แม้เฟิงเหยี่ยนจะไม่ใช่หมอโอสถ แต่กลับมีพี่ชายที่เป็นหมอโอสถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟิงเจ๋อมักจะบ่นถึงส่วนผสมโอสถประหลาดหายากต่างๆ นานาที่ถึงพบเห็นก็เอามาไม่ได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไข่มุกหมื่นปีนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“แน่นอนเจ้าค่ะ” โม่อีเหรินตอบตรงยิ่ง ไม่ลีลายั่วน้ำลายเขาแม้แต่น้อย “ของเหลววิเศษที่ได้จากการหลอมสกัดไข่มุกหมื่นปี หลังจากใช้หยดตา สามารถฝึกบำเพ็ญเป็นเนตรประจักษ์แจ้งได้ เมื่อฝึกเนตรประจักษ์แจ้งได้ถึงระดับสูงสุดจะสามารถมองภาพลวงตาทั้งหมดออกได้อย่างปรุโปร่ง เพราะฉะนั้นท่านตาเหยี่ยนและพี่ใหญ่พี่เล็กจะต้องตั้งใจฝึกนะเจ้าคะ”
แม้บนดินแดนเทพยุทธ์จะมีค่ายกลไม่มาก แต่ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติยังคงมีอยู่ และในอนาคตหากไปจากดินแดนเทพยุทธ์ โอกาสที่อาจจะเจอภาพลวงตาก็ยิ่งสูงขึ้น
นี่จึงเป็นสิ่งที่โม่อีเหรินวางแผนเผื่ออนาคตเอาไว้
ไม่รู้ด้วยเหตุใดตั้งแต่ได้รู้ว่ามีดินแดนแรกนภา นางก็รู้สึกโดยจิตใต้สำนึกว่านางจะต้องได้ไปแน่นอน
ทว่าตามคำพูดของไป่หลี่จิงหงและท่านตา ดินแดนเทพยุทธ์…ดูเหมือนจะไม่มีวิธีไปยังดินแดนแรกนภา
หรือเป็นเพราะว่ายังไม่ถึงเวลาและยังมีพลังแก่นแท้ไม่มากพอ พวกเขาถึงไม่บอกนาง