ทว่าไฉนความหมายในคำพูดนี้ถึงฟังดูคุ้นหูถึงเพียงนี้
อา…เฉินเคยพูด! เฟิงเหยี่ยนหมดคำพูดไปอีกครั้ง
“อีเหรินน้อย เจ้าทำร้ายจิตใจท่านตาเหยี่ยนแล้ว…” เขาแทบจะน้ำตาไหลพราก
นี่ควรชมอีเหรินน้อยว่าไม่เสียแรงที่เฉินสั่งสอนมา เดินตามรอยเท้าผู้เป็นตาอย่างสมบูรณ์ หรือว่าควรทอดถอนใจด้วยความเศร้าที่ตนเองถูกทั้งตาทั้งหลานรังเกียจดี
“ข้ามีน้ำผึ้งเจ้าค่ะ” โม่อีเหรินยื่นน้ำผึ้งที่ผ่านการกลั่นแล้วขวดหนึ่งออกมาทันที
“หือ?” นางให้สิ่งนี้กับเขาด้วยเหตุใด การทำร้ายจิตใจเขาเกี่ยวอะไรกับน้ำผึ้งหรือ
“น้ำผึ้งมีความเหนียวดียิ่ง ยามบีบอัดปั้นลูกกลอนสามารถทำให้ความวิเศษอัดรวมอยู่ในตัวลูกกลอนไม่กระจายหายไป ดังนั้นจึงสามารถติดประสานหัวใจแก้วอันเปราะบางของท่านตาเหยี่ยนได้เป็นอย่างดี” โม่อีเหรินอธิบายด้วยท่าทางจริงจังยิ่ง
“…” ไฉนเขาจึงรู้สึกหนาววาบ ติดประสาน? เปราะบาง? หัวใจแก้ว? … นี่เขาถูกล้อแล้ว ถูกโม่อีเหรินรังเกียจแล้วจริงๆ
นะ…น่าปวดใจเกินไปแล้ว!
เสียแรงที่เขารักและเอ็นดูอีเหรินน้อยมาตลอด อีเหรินน้อยกลับ…เอ่อ…เขาถูกรังเกียจด้วยเรื่องอะไรกันแน่ เรื่องทำงานเก่งเกินไปจนกลายเป็นต้องทำงานมากเกินไปอย่างนั้นหรือ
นี่นับว่าน่ารังเกียจด้วยหรือ
เฟิงเหยี่ยนยุ่งยากใจแล้ว
โม่อีเหรินแอบแลบลิ้น นางเผลอทำให้ท่านตาเหยี่ยนมึนงงแล้ว
ขออภัยด้วย นี่มิได้เจตนาจริงๆ ข้าจะชงชาให้ท่านตาเหยี่ยนดื่มอีกสักหลายถ้วยเป็นการชดเชยแล้วกัน
ขณะที่เฟิงเหยี่ยนดื่มชาจนท้องป่องแล้วนี้เอง ป้ายหยกสื่อสารที่โม่อีเหรินใส่ไว้ในกระเป๋าวิเศษก็พลันลอยออกมา
โม่อีเหรินแววตาสว่างวาบ รับหยกไว้ทันที “จิงหง!”
เสียงร้องชื่นบานทำให้สองคนสามสัตว์ที่วิ่งไล่จับกันอยู่ค่อยๆ ลดความเร็วออกกระบวนท่าลงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย จากนั้นต่างก็เงี่ยหูแอบฟัง
“ฮูหยินน้อย ข้าคือ…ไป๋เหยา”
โม่อีเหรินมุ่นหัวคิ้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
สองคนสามสัตว์เก็บกระบวนท่าลงแล้วกลับเข้ามาในศาลาอย่างพร้อมใจกันทันที
“ประมุขน้อย…ถูกพาตัวไป ข้าอยู่ที่เมืองผิงเจิ้นขอรับ…”
“ไปหาหลงจู๊เฉียวที่โรงเตี๊ยมเฟิงหลิน ไม่นานข้าจะไปถึง” โม่อีเหรินสั่งจบก็เก็บป้ายหยกสื่อสารลง “ท่านตาเหยี่ยน พี่ใหญ่ พี่เล็ก ข้า…”
“พี่จะไปเป็นเพื่อนเจ้า” สองพี่น้องพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ไปเถอะๆ” เฟิงเหยี่ยนโบกมือ “เฉินอยู่ในห้องหลอมโอสถไม่อาจไปรบกวน พวกเจ้าไปก่อน จำไว้ว่าไม่ว่าเกิดเรื่องอะไร รอข้ากับเฉินไปถึงก่อนค่อยว่ากัน อย่าบุกไปเกาะหุนส่งเดช”
ลำพังฟังจากเสียงของไป๋เหยาก็รู้แล้วว่าเขาได้รับบาดเจ็บไม่เบา
แม้แต่หนึ่งในสี่องครักษ์ข้างกายไป่หลี่จิงหงก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส เช่นนั้นสถานการณ์ของไป่หลี่จิงหงก็น่าจะไม่สู้ดี
คงมิใช่เป็นฝีมือของท่านป้าผู้นั้นอีกกระมัง เฟิงเหยี่ยนคิดในใจ ไม่ได้ตระหนักแม้แต่น้อยว่าตนเองใช้คำที่โม่อีเหรินเรียกมาใช้เรียกตรงๆ
“อาจารย์ พวกข้าจะส่งข่าวกลับมาขอรับ” ฉู่เซวียนฉีกล่าว แล้วพี่น้องสามคนรวมกับสัตว์สามตัวก็ล่วงหน้าจากไปก่อน
เฟิงเหยี่ยนชงชาดื่มอยู่คนเดียว บรรยากาศวังเวงไปสักหน่อย
ทว่าสงบสุขมาได้สามเดือนก็นับว่าหาได้ยากมากแล้ว
หากไป่หลี่จิงหงถูกพาตัวไปแล้วจริงๆ เช่นนั้นอีเหรินน้อย…จะต้องโมโหมากแน่นอน