หุบเขาใจกลางเกาะโม่เสวียนเป็นสถานที่พำนักที่โม่ซั่งเฉินถูกใจตั้งแต่แรกมาถึงเกาะ
เดิมทีเพียงปลูกเรือนไม้เรียบง่ายสี่ห้อง ใช้เป็นห้องนอน ห้องหนังสือ ห้องหลอมประดิษฐ์ ห้องหลอมโอสถ
ทว่าหลังจากแน่ใจว่าจะยึดเกาะโม่เสวียนเป็นที่พำนักระยะยาว เฟิงเหยี่ยนก็ลงมือปลูกเรือนไม้หนึ่งห้องด้วยตนเองในตอนที่ถูกพามาหนแรก เพื่อเตรียมไว้สำหรับเข้าพักได้ทุกเมื่อยามมาเยือนเกาะนี้
ส่วนปัญหาเรื่องการอาบน้ำและอาหารการกิน ล้วนไปแก้ไขที่บริเวณธารน้ำแห่งหนึ่งในหุบเขา
ต่อมาพอโม่อีเหรินมาถึง โม่ซั่งเฉินกับเฟิงเหยี่ยนก็ลงมือปลูกเรือนพักหนึ่งหลังที่มีทั้งห้องส่วนนอกและส่วนใน ทำห้องครัวหนึ่งห้อง และห้องอาบน้ำอีกหนึ่งห้อง ส่วนสถานที่สำหรับหลอมประดิษฐ์และหลอมโอสถ ตอนแรกล้วนใช้ของท่านตา ต่อมาถึงได้ต่อเติมให้โม่อีเหรินใช้โดยเฉพาะอยู่อีกด้านของเรือนพัก
บัดนี้เกาะโม่เสวียนมีผู้อยู่อาศัยเพิ่มมาอีกสองคนแล้ว
เรื่องแรกที่พี่น้องสกุลฉู่ทำหลังมาถึงมิใช่การเดินชมเกาะ มิใช่การสำรวจว่าเกาะมีขนาดเท่าไร แต่เป็น…การปลูกเรือนพักของตนเอง
‘ในเมื่อต้องการจะอยู่ต่อ ก็ต้องจัดการสถานที่พักเอาเอง’ นี่คือวาจาของโม่ซั่งเฉิน
เฟิงเหยี่ยนอธิบายเพิ่มเติมด้วยท่าทางยิ้มแฉ่ง
‘อันที่จริงจะปลูกเรือนหรือไม่ พวกข้าล้วนไม่มีความเห็น พวกเจ้าจะอาศัยบนต้นไม้ จะขุดถ้ำ จะขุดโพรงดิน หรือจะนอนกลางแจ้ง ล้วนตามแต่ใจพวกเจ้าเอง อยู่ที่เกาะโม่เสวียนไม่ต้องจำกัดตนเองเกินไป เฉินไม่มาสนใจพวกเจ้าเท่าไรหรอก’
‘…’ ท่านตาเหยี่ยน นี่คือเห็นพวกเขาสองคนกลายเป็นมนุษย์ถ้ำ เป็นลิงเป็นค่าง หรือว่าเป็นตัวตุ่นกันแน่
ไม่ต้องบอก พี่น้องสกุลฉู่ก็เข้าป่าไปตัดต้นไม้มาเองอย่างเงียบๆ ยามนั้นโม่อีเหรินกำชับเขี้ยวเงินเป็นพิเศษให้นำทางและไปหาไม้ดีๆ มา
จากนั้นทั้งสองก็ร่วมแรงกันปลูกเรือน
สองพี่น้องเลือกปลูกเรือนพักบนพื้นที่ว่างอีกข้างของเรือนพักโม่อีเหริน ที่ด้านหลังต่อเติมห้องสำหรับอาบน้ำเพิ่มอีกห้อง และชักน้ำจากน้ำพุบนเขามาใช้
ขณะสองพี่น้องกำลังสร้างห้องอาบน้ำ เฟิงเหยี่ยนก็ทอดถอนใจอยู่ข้างๆ ‘ห้องอาบน้ำอย่างนั้นหรือ…ไม่เลวเลยจริงๆ’
แม้ตามปกติฉู่เซวียนฉีจะไม่ได้ดูเฉียบแหลมนัก และก็มิได้มีนิสัยมากเล่ห์มากอุบาย ทว่ายามนี้เขากลับตอบสนองเร็วกว่าพี่ชาย
‘พี่ใหญ่ พวกเราทำห้องอาบน้ำอีกสองห้องเถอะ’ ห้องหนึ่งให้ท่านตา อีกห้องให้อาจารย์
‘อืม’ ฉู่เซวียนอั๋งพยักหน้าเงียบๆ
เฟิงเหยี่ยนที่อยู่ด้านข้างได้ยินแล้วก็พอใจยิ่ง
ด้วยเหตุนี้จวบจนปัจจุบัน ในหุบเขาเล็กแห่งนี้จึงมีเรือนไม้สิบกว่าห้อง แม้จะตั้งอยู่แยกกัน แต่กลับเชื่อมต่อกันเป็นรูปคล้ายตัว ‘U’ คว่ำอยู่กลายๆ
ส่วนที่เชื่อมอยู่ตรงกลางก็คือที่พักของโม่อีเหริน
รอบๆ เรือนไม้มีสมุนไพรที่โม่อีเหรินปลูกไว้ พื้นที่ว่างหน้าเรือนก็เป็นที่ให้นางตากและจัดการกับสมุนไพร
นอกจากนี้ยังมีศาลาเล็กอีกหลัง ใช้เป็นที่กินข้าวและสนทนาชมทิวทัศน์กัน
แม้จะออกไปจากเกาะโม่เสวียนหลายเดือน แต่สมุนไพรในหุบเขากลับไม่มีร่องรอยถูกทอดทิ้งแต่อย่างใด บนเกาะโม่เสวียนมีไอวิเศษเข้มข้น ดินอุดมสมบูรณ์ แม้จะมีสี่ฤดู แต่กลับไม่กระทบต่อการเติบโตของสมุนไพร นี่ก็เป็นสาเหตุที่ในตอนแรกโม่ซั่งเฉินถูกใจเกาะนี้
สถานที่ที่มีสมุนไพรพื้นเมืองและเหมาะแก่การปลูกสมุนไพร ย่อมจะเป็นที่รักของหมอโอสถ