ดังนั้นจึงมีภาพฉู่เซวียนอั๋งกวัดแกว่งกระบี่ให้เห็นทุกวันเป็นเวลาถึงสามเดือน
ต่อมาท่านตาได้กล่าวว่า ‘นี่เรียกว่าการลับกระบี่’
ส่วนว่าจะสามารถลับกระบี่เช่นไรออกมาได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับคนนั้นๆ เอง
เวลาสามเดือนเต็มๆ ตอนกลางวันของทุกวันนอกจากลับกระบี่ ฉู่เซวียนอั๋งก็มิได้เรียนเพลงกระบี่และเคล็ดวิชากระบี่ใดๆ ส่วนยามกลางคืนของทุกวันก็จะฝึกลมหายใจและสั่งสมพลังปฐมตามวิชาที่โม่อีเหรินมอบให้เขา
ทว่าเขาก็ไม่ทุกข์ไม่ร้อน สงบจิตสงบใจ ทำเรื่องที่ซ้ำซากและจืดชืดทุกวัน
โม่ซั่งเฉินไม่ได้คอยจับตาอยู่ทุกเมื่อว่าเขากำลังทำอะไร ได้ฝึกกระบี่ถึงที่สุดหรือไม่ เนื่องจากแค่ดูกลิ่นอายของฉู่เซวียนอั๋ง โม่ซั่งเฉินก็รู้ได้ทุกอย่างแล้ว
สำหรับความสุขุมหนักแน่นและไม่ทุกข์ไม่ร้อนของฉู่เซวียนอั๋ง โม่ซั่งเฉินพยักหน้ารับเพราะนับว่าน่าพอใจมากแล้ว
ชีวิตบนเกาะโม่เสวียนเหมือนว่าตัดขาดจากโลก
ไม่มีการแก่งแย่งชิงดี ไม่มีการเอาชนะคะคาน และยิ่งไม่มีความสัมพันธ์สลับซับซ้อนระหว่างผู้คน พี่น้องสกุลฉู่ต่างฝ่ายต่างฝึกบำเพ็ญไปตามขั้นตอน ขณะเดียวกันก็ทำให้ใจตนเองสงบลง
ไม่ถูกผูกมัดจากสกุลฉู่และความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ต่างๆ นานาแล้ว สองพี่น้องต่างแยกกันฝึกบำเพ็ญทุกวัน ยามว่างก็เดินเล่นบนเกาะโม่เสวียน กินอาหารที่โม่อีเหรินทำ ไปเปิดหูเปิดตาดูสัตว์วิเศษชนิดต่างๆ บนเกาะด้วยกันกับโม่อีเหริน
หัวใจที่ถูกบีบคั้นของสองพี่น้องค่อยๆ คลายออก ประหนึ่งว่าจู่ๆ ก็คิดบางเรื่องได้ตกแล้ว และก็พลันพบว่าที่แท้แล้วการมีชีวิตอยู่ไม่จำเป็นต้องยากลำบากถึงเพียงนั้น
จิตใจก็ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนถึงเพียงนั้นเสมอไป แค่ใจสงบก็เพียงพอแล้ว
พอคิดได้ตก จิตใจก็เปิดออก สองพี่น้องต่างเลื่อนขั้นได้พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
หลังจากนั้นพวกเขายิ่งฝึกบำเพ็ญอย่างมุ่งมั่นตั้งใจกว่าเดิม และก็ได้รับความผวาจากเสียงร้องของสัตว์นานาชนิดทุกเช้า…
จนกระทั่งวันนี้ พวกเขาก็ถูกน้องสาวของตนทำให้ตกใจอีกครั้งแล้ว
ขณะกลับมาถึงหุบเขาอันเป็นที่พำนัก ท้องฟ้าก็มืดแล้ว โม่อีเหรินจึงไปทำอาหารทันที
ของกินกองใหญ่ที่โม่อีเหรินทำที่ริมทะเลเมื่อครู่นี้ บุรุษหนุ่มชราทั้งสี่คนล้วนไม่ได้กิน…ก็จะไปแย่งของกินกับพวกสัตว์วิเศษลงได้อย่างไร
แน่นอนว่าวันนี้ทุกคนล้วนหิวมาทั้งวัน
หนึ่งชั่วยามให้หลัง ทุกคนกินอิ่มหนำสำราญแล้ว โม่อีเหรินก็ถูกบุรุษหนุ่มชราทั้งสี่คนกับสัตว์วิเศษน้อยใหญ่ทั้งสี่ตัวถลึงตามองอยู่ในศาลาเล็ก
โม่อีเหรินแอบหลั่งน้ำตาเงียบๆ ในใจ เป็นการแสดงว่าความกดดันหนักหนาปานขุนเขา
เคราะห์ดีที่ยังมี ‘พลพรรคพิทักษ์นาง’ ผู้ซื่อสัตย์ภักดีอยู่ตัวหนึ่ง…
“ห้ามถลึงตาใส่ท่านแม่นะ!” พอรู้สึกว่าท่านแม่ของตนถูกรังแกแล้ว เสี่ยวทุนก็ผละออกจากข้อมือนาง ขยายตัวให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แล้วขดตัวนั่งบนโต๊ะ ชูหัวขึ้นมาให้สูงเท่าๆ กับทุกคน
ดวงตาสีดำวาวถลึงสี่ครั้งติด เขี้ยวเงิน เซิ่น เปลวอัคคี และเขียวครามล้วนถูกการถลึงตาของมันทำให้หดตัวกลับไปแล้ว
โม่อีเหรินไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว มิหนำซ้ำเมื่อครู่นี้โม่อีเหรินก็ทำของอร่อยให้พวกมันกินไปมื้อหนึ่ง มิได้ละเลยพวกมันเสียหน่อย
สัตว์ทั้งสี่ปลอบใจตนเองจนเริ่มรู้สึกว่าพอใจแล้ว สองตัวถอยไปอยู่ข้างกายเจ้านายของตน อีกสองตัวนอนหมอบลงข้างกายโม่อีเหริน
หลังจัดการสัตว์วิเศษทั้งสี่ได้แล้ว ดวงตาสีดำวาวของเสี่ยวทุนก็สบกับบุรุษสองหนุ่มสองชราในที่นี้