มนุษย์ถ่านร่างเตี้ยขมับกระตุก “แม่นางน้อย ข้าเห็นแก่เจ้าอายุยังน้อย ไม่อยากลงมือทำร้ายคน เจ้าอย่าได้ทำตัวไม่รู้ดีรู้ชั่ว!”
“เฮ้อ…” โม่อีเหรินส่ายหน้า ถอนหายใจ ลืมดวงตาทั้งสอง แสร้งทำท่าทางสงสัยและไม่พอใจ มองมนุษย์ถ่านทั้งสองตาไม่กะพริบ มองไปมองมาก็ถอนหายใจอีกคำรบด้วยเสียงดังกว่าเดิม “เฮ้อ…”
มนุษย์ถ่านร่างเตี้ยขมับกระตุกแรงขึ้นอีก “เจ้าถอนหายใจอะไร”
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่คิดเรื่องหนึ่งไม่ออกเท่านั้นเอง” โม่อีเหรินทำสีหน้าบริสุทธิ์ไร้ความผิด
ฉู่เซวียนอั๋ง ฉู่เซวียนฉี และไป๋เหยาที่เข้าใจนิสัยของโม่อีเหรินมากแล้วได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย ไม่ว่าอีกประเดี๋ยวโม่อีเหรินจะพูดอะไรออกมา พวกเขาก็ล้วนต้องอดทน รักษาความสงบเยือกเย็นไว้ให้ได้
“เรื่องอะไร”
“เหตุใดคนแก่อายุมากล้วนชอบด่าคนกันหนอ เป็นเพราะอายุมากแล้วความจำไม่ดี จึงคิดว่าผู้อื่นก็ทึ่มเหมือนตนเอง ด้วยเหตุนี้จึงชอบพร่ำบ่นใช่หรือไม่ หรือเป็นเพราะว่าคนแก่พออายุมากขึ้นก็จะค่อยๆ ขี้โมโหมากขึ้น จากนั้นไม่ว่าจะถูกจะผิด อีกฝ่ายเป็นผู้ใด ก็จะด่าไม่เลือกหน้า ขอเพียงตนเองยินดีก็พอเช่นนั้นหรือ”
น้ำเสียงของโม่อีเหรินแสดงความสงสัยไม่เข้าใจออกมาเต็มสองร้อยจากร้อยส่วน ทว่าคำพูดที่พูดออกมานั้นราวกับด่ามนุษย์ถ่านไปเต็มสองร้อยหลายประโยคแล้ว
ไป๋เหยามองฮูหยินน้อยอย่างเลื่อมใสอยู่เล็กน้อย
ชอบด่าคน ความจำไม่ดี ชอบบ่น นิสัยใจคอแย่ ไม่รู้ผิดชอบ ไม่แยกแยะถูกผิด ทำอะไรตามใจตนเอง นี่ก็คือคนแก่อายุมากที่ไร้เหตุผล
“นางเด็กหน้าเหม็นนี่พูดอะไร!” มนุษย์ถ่านร่างเตี้ยโมโหจนขมับเต้นตุบๆ คนก็แทบจะเต้นเร่าๆ ขึ้นมาเช่นกัน
“คนแก่อายุมากแล้วก็ควรบ่มเพาะกายใจให้มาก เอะอะก็ออกปากด่าคน พูดคำว่า ‘หน้าเหม็น’ จนติดปาก ไม่ดีต่อสุขภาพเลยจริงๆ” คำพูดของมนุษย์ถ่านร่างเตี้ยถูกโม่อีเหรินขยายความเป็นอีกความหมายแล้ว
มิหนำซ้ำพูดไปๆ โม่อีเหรินก็ถอนหายใจอีกครั้ง มองเขาด้วยท่าทางเห็นใจเหลือเกิน
“คนแก่สุขอนามัยไม่ดี สุขภาพร่างกายก็จะไม่ดี ดูจากแววตาดุร้าย สองแก้มตอบ พูดจาโหดร้ายก็รู้แล้วว่าท่านมิใช่คนดีอะไร จะเป็นคนชั่วทั้งทีดันทำตัวให้ผู้อื่นเห็นหน้าก็รู้ว่าท่านโหดเหี้ยมอำมหิต ใจร้ายใจดำ ชวนให้คนไม่อาจไม่ทอดถอนใจว่าอายุปูนนี้แล้วแค่เป็นคนชั่วยังเป็นได้ไม่ดี ล้มเหลวโดยแท้ ท่านยังจะทำอะไรได้อีก ยังจะมีประโยชน์อะไรอีก”
เฮ้อ…คนที่ไร้ค่าช่างน่าสงสารโดยแท้
มนุษย์ถ่านร่างเตี้ยโมโหจนพูดไม่ออกแล้ว กำลังจะระเบิดโทสะ มนุษย์ถ่านร่างสูงก็กดบ่าเขาเอาไว้
“แม่นางน้อยพูดจาเถรตรงถึงเพียงนี้ มิกลัวจะหาภัยใส่ตัวหรือ”
“ไม่เป็นไร ฟ้าถล่มลงมายังมีคนตัวสูงยันไว้” โม่อีเหรินทำท่าทางไร้เดียงสาไม่รู้ความ “เหมือนท่านปะไร สูงยิ่งนัก”
มนุษย์ถ่านร่างสูงมุมปากกระตุก “เจ้าคงไม่น่าจะคิดว่าข้าจะช่วยยันให้เจ้าหรอกกระมัง”
“แน่นอนว่าไม่ ไม่ใช่ญาติไม่ใช่มิตร ไม่มีสาเหตุ ข้าจะฝากความหวังเรื่องยันท้องฟ้าไว้ที่ท่านซึ่งตัวสูงได้อย่างไร” โม่อีเหรินคิดทึกทักพลางส่ายหน้า จากนั้นก็สำทับอีกประโยค “ทว่าถ้าฟ้าถล่มลงมาแล้วทับร่างท่านที่ตัวสูงกว่าก่อน ก็มิใช่เรื่องที่ข้าสามารถควบคุมได้จริงๆ”
แม่นางน้อยผู้นี้มีฝีมือยั่วโมโหคนเก่งอย่างที่คิดจริงๆ! มนุษย์ถ่านร่างสูงตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายเพื่อไม่ให้ถูกทำให้โมโหตาย เนื่องจากยังไม่ทันพูดเรื่องเป็นการเป็นงานเลยสักคำ จึงหันไปหาไป๋เหยา
“เจ้าเป็นคนเกาะหุน และก็เป็นคนของสกุลไป่หลี่ ในเมื่อเจ้าออกมาได้ ก็ต้องเข้าไปได้เป็นแน่ ข้ารับรองได้ว่าขอแค่เจ้านำทางเข้าเกาะหุน พวกข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก”
ไป๋เหยาหัวเราะออกมาโดยไม่เกรงใจ “ทำร้ายคนจนปางตาย แล้วถึงมารับรองว่าจะไม่ทำร้าย ท่านคิดว่าข้าหลอกง่ายเหมือนเด็กสามขวบหรือไร ไม่ใช่สิ แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังไม่มีทางหลอกได้ง่ายถึงเพียงนี้”
“อืม พูดได้ดี!” โม่อีเหรินปรบมือแสดงการชมเชยอย่างให้กำลังใจยิ่ง
“ยังต้องเรียนรู้จากฮูหยินน้อยอีกขอรับ” ไป๋เหยากล่าวตอบอย่างถ่อมตน มิกล้ารับคำชม
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งใจศึกษา ‘คารม’ ของฮูหยินน้อย เริ่มตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป