“ฮูหยินน้อย?” มนุษย์ถ่านร่างสูงที่เดิมทีกำลังจะมีโทสะได้ยินคำเรียกขานนี้ก็หันไปหาโม่อีเหรินทันควัน “เจ้าก็คือสตรีที่ยั่วยวนให้คุณชายจิงหงหลงใหลนางนั้นหรือ!”
ก่อนมาที่นี่พวกเขาล้วนเคยได้ยินว่าคุณชายจิงหงแข็งข้อกับคุณหนูเยียนเพราะสตรีนางหนึ่ง มิหนำซ้ำสตรีนางนี้ยังไม่เกรงใจต่อคุณหนูเยียนอย่างยิ่ง แม้แต่นายท่านจ้งก็ยังถูกทำให้โมโหจนหวิดจะเส้นเลือดในสมองแตก
“แน่นอนว่าไม่ใช่” โม่อีเหรินปฏิเสธเสียงแข็ง
ไป๋เหยาพลันตัวอ่อนยวบ ไม่จริงน่า ฮูหยินน้อยถึงกับปฏิเสธความสัมพันธ์กับประมุขน้อย นี่ดูท่าไม่ค่อยจะดีแล้ว…
“จริงหรือ” มนุษย์ถ่านร่างสูงไม่ใคร่เชื่อ
“ไม่จริงเพราะข้าไม่ได้ยั่วยวนจิงหง เป็นจิงหงมาชอบข้า บอกว่าจะแต่งงานกับข้าเอง” ลำดับความสำคัญในความสัมพันธ์นี้จำต้องให้ความกระจ่าง
ส่วนตัวนางคิดว่าตนเองไม่มีความสามารถยั่วยวนผู้อื่น และแน่นอนว่าไม่เคยมีความคิดอยากจะยั่วยวนบุรุษเช่นกัน
“…” มนุษย์ถ่านร่างสูงถูกทำให้สะอึก “หากแต่เจ้าก็ไม่ปฏิเสธว่าเจ้าเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ลูกอย่างคุณหนูเยียนกับคุณชายจิงหงผิดใจกลายเป็นศัตรูกันกระมัง”
“เฮ้อ…” โม่อีเหรินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนพูดอย่างกลัดกลุ้มและเป็นทุกข์ยิ่ง “ช่วยไม่ได้ ความงามแต่กำเนิดยากสละทิ้ง เสน่ห์หญิงก็แรงเกินต้าน ข้าเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ท่านพึงต้องรู้ว่าข้าเป็นคนใจกว้างมาก แม้แต่ท่านป้าถือดาบมาจะฆ่าข้า ข้าก็ยังไม่ได้ถือสาหาความนาง และก็ไม่ได้ถือดาบจะไปฆ่านางกลับเช่นกัน หากแต่จิงหงทนเห็นข้าได้รับความไม่เป็นธรรมไม่ได้ เขาจะโมโห ข้าก็จนปัญญาจะยับยั้ง” สุดท้ายยังทำน้ำเสียงเสียอกเสียใจ แสดงออกมาเต็มที่ว่านางพยายามสุดความสามารถแล้ว
มนุษย์ถ่านทั้งร่างสูงร่างเตี้ยได้ยินแล้วก็ล้วนถูกทำให้โมโหจนหน้าอกพองขึ้นพองลงพร้อมกัน
ด้านบุรุษสามคนบนฉลามเองก็มุมปากกระตุก หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
วาจานี้ฟังดูเหมือนกลัดกลุ้มทุกข์ใจหรือไร
ยังไม่หมด อาการเสียดายนั่นคืออะไร
“เจ้า…เจ้ามันตัวหายนะแท้ๆ เชียว!” มนุษย์ถ่านร่างเตี้ยบริภาษลั่น
“สามารถเป็นตัวหายนะได้ก็นับเป็นความสามารถ คนที่ไม่มีความสามารถเยี่ยงนี้เหมือนอย่างคนแก่อย่างท่าน อยากจะเป็นตัวหายนะก็ยังเป็นไม่ได้ ไม่ต้องเลื่อมใสข้าเกินไป และก็ไม่ต้องอิจฉาริษยาชิงชังข้าเกินไป” โม่อีเหรินโบกมือด้วยท่าทางถ่อมตนยิ่ง
“ใครจะไปเลื่อมใสใครจะไปอิจฉาริษยาเจ้า!” มนุษย์ถ่านร่างเตี้ยพูดลอดไรฟันออกมาทีละคำ แววตาที่มองโม่อีเหรินคล้ายว่าอยากจะตบตีนางให้ตายในฝ่ามือเดียว
“ท่านอย่างไรเล่า” โม่อีเหรินตอบอย่างฉะฉาน
มนุษย์ถ่านร่างเตี้ยถลึงมองนาง
“ดูแววตาในยามนี้ของท่านสิ มิใช่อิจฉาริษยาชิงชังเต็มแก่หรือไร ท่านพึงต้องรู้ว่ามิใช่ทุกคนจะสามารถมีหน้าตาน่ารักน่าชังจนชวนให้คนรักและมีบุคลิกนิสัยดีจนชวนให้คนเอ็นดูได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าข้าออกจะจิตใจดีถึงเพียงนี้ อ่อนโยนถึงเพียงนี้ นิสัยใจคอดีถึงเพียงนี้ ไม่เคยทำตัวดุร้ายใส่ใคร ส่วนพวกท่านนั้นหน้าตาดุร้ายมิใช่ความผิดของพวกท่าน นิสัยใจคอไม่ดีสามารถปรับปรุงกันได้ หากแต่การลงมือโหดเหี้ยม ใจดำอำมหิตคือความผิดของพวกท่าน รูปลักษณ์ภูมิฐาน แสร้งวางตัวดีมีคุณธรรม คือความจอมปลอมของพวกท่าน ถ้าแค่นี้ยังพอว่า ทว่าแม้แต่มารยาทผิวเผินพวกท่านกลับยังทำได้ไม่ดี บนใบหน้าเขียนคำว่า ‘ข้าไม่ใช่คนดี’ เอาไว้ นี่ช่าง…เฮ้อ…ทำให้คนอยากช่วยแก้ไขก็ยังหมดปัญญาโดยแท้”
“…” มนุษย์ถ่านร่างสูงร่างเตี้ยทั้งสองโมโหจนหมดแรงแล้ว
“พรืด…” บุรุษทั้งสามก็กลั้นขำจนปากกระตุกอยู่หน่อยๆ
โม่อีเหรินพูดต่ออีกว่า “ทว่าการที่สามารถบอกผู้อื่นอย่างชัดแจ้งได้ว่าพวกท่านสองคนเป็นคนชั่ว ก็นับว่าพวกท่านจริงใจมากพอ ดังนั้นข้าที่มีจิตใจดีจึงยังคงช่วยพวกท่านคิดหาวิธีมาทำให้พวกท่านมีโอกาสถูกคนอิจฉาริษยาชิงชังและเห็นเป็นตัวหายนะได้เช่นเดียวกัน”
มนุษย์ถ่านร่างสูงเอ่ย “ใครอยากเป็นตัวหายนะ!”
มนุษย์ถ่านร่างเตี้ยพูดขึ้นพร้อมกัน “วิธีอะไร”
“พรืด…” บุรุษทั้งสามกุมท้อง หมดคำพูดโดยสิ้นเชิงแล้ว
โม่อีเหรินยิ้มหวานให้มนุษย์ถ่านทั้งสอง รอยยิ้มงามเจิดจ้าจนหวิดจะทำให้คนทั้งสองตาบอด จากนั้นก็กล่าวอย่างแช่มช้า
“ก็คือ…ไปเกิดใหม่”