บทที่ 1
สิบกว่าปีให้หลัง ดินแดนทางใต้
ส่วนลึกของตรอกต้นหลิวค้างแรมบนถนนบุปผาหลับใหล มีร้านหนังสืองดงามแห่งหนึ่งเร้นตัวอยู่ ประตูหน้าต่างไม้หวงหลี* สะท้อนความโบราณ ป้ายชื่อร้านเหนือศีรษะมีอักษรตัวใหญ่เขียนด้วยหมึกดำเข้มว่า
‘หอตำราเลิศ’
ชายแก่หลังค่อมที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ กำลังหาวอย่างเกียจคร้าน ขาดเพียงในมือไม่ได้ถือม้วนกระดาษคอยตีแมลงวันเท่านั้น
ยามบ่ายฤดูใบไม้ผลิช่างน่านอนเสียจริง…
เวลานี้เองกลับมีคนไม่รู้กาลเทศะตะโกนเสียงดังทำลายความฝันของเขา “เหล่าเจียงๆ เร็วเข้าๆ เอาผลงานชุดล่าสุดของอาจารย์ให้ข้าสิบชุด ข้ารีบมาก!”
“ไม่ขาย!” เหล่าเจียงที่เดิมง่วงงุนขนชี้ทันใด เบิกดวงตาชราพร่ามัวพลางตบโต๊ะอย่างขุ่นขึ้ง “จ้าวเสี่ยวลิ่ว เจ้าคิดว่าผลงานยิ่งใหญ่ชุดล่าสุดที่อาจารย์ฮวาชุนซินทุ่มเทแรงกายแรงใจเป็นหัวผักกาดขาวในสวนหลังบ้านของสำนักคุ้มภัยเกรียงไกรของเจ้าที่จะถอนไปกี่หัวก็ได้อย่างนั้นรึ”
“เอ่อ…” ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่กำยำนามจ้าวลิ่วชะงักไป ไม่เพียงไม่โกรธ แต่เขากลับลูบหัวเก้อๆ “เหล่าเจียง ท่านอย่าโกรธเลย ข้าต้องเร่งออกเดินทาง ใจร้อนไปชั่วขณะจนลืมกฎระเบียบของหอตำราเลิศไป”
“ก็บอกแล้วว่าจำกัดจำนวน หนึ่งคนซื้อได้หนึ่งชุดเท่านั้น ไม่ขายให้คนที่มาซื้อแทนคนอื่นและไม่ขายส่งขายเหมา” เหล่าเจียงแค่นเสียงหนักอย่างไม่สบอารมณ์ “ผลงานของอาจารย์ฮวาชุนซินเป็นผลงานชั้นยอด หาใช่สิ่งที่เนื้อหาลามกภาพวาดฉูดฉาดตามตรอกซอยทั่วไปจะเทียบได้ หากพวกเจ้าเคารพในผลงานก็ต้องทำตามระเบียบ!”
“ใช่ๆ ข้าเข้าใจ ข้าผิดไปแล้ว” จ้าวลิ่วถูกตำหนิจนใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน เหงื่อร้อนหยดติ๋งๆ แต่ครั้นเห็นว่ากำหนดออกเดินทางคุ้มภัยกระชั้นเข้ามา ทุกคนต่างรอเขาซื้อภาพวังวสันต์* ชุดล่าสุดของอาจารย์ชุนซินกลับไปเป็นเพื่อนคลายเหงายามค่ำคืนอันยาวนานที่เหนื่อยยากน่าเบื่อของการเดินทางคุ้มภัย เขาก็จำต้องกลืนน้ำลาย ลดเสียงอ้อนวอน “แต่ว่าเหล่าเจียง ข้าเองก็มีความจำเป็นมิใช่หรือ พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม กับพรรคพวกอีกสิบกว่าคนในสำนักคุ้มภัยของข้ายังตั้งตารอให้ข้าซื้อภาพวังวสันต์กลับไปให้พวกเขา…อ่ะแฮ่ม ชื่นชม! ท่านอะลุ้มอล่วยสักครั้งเถิด ขายให้ข้าสักสิบชุดเถิดนะ”
“ไม่ได้ ระเบียบของหอตำราเลิศอาจารย์ฮวาชุนซินเป็นผู้กำหนดขึ้น ต่อให้พี่ภรรยาของเจ้าเมืองมาก็ต่อรองไม่ได้ หอตำราเลิศของเราเน้นทำการค้าอย่างมีคุณธรรมและมีจรรยาบรรณ จะแหกกฎเพื่อคนผู้เดียวได้อย่างไร” ใบหน้าของเหล่าเจียงเคร่งขรึมจริงจัง คนไม่รู้ยังคิดว่าเขาเป็นผู้คงแก่เรียนที่แต่งตำราคัมภีร์หาใช่คนขายหนังสือลามกไม่
“แต่ว่า…” จ้าวลิ่วทำหน้ายู่
“กฎเดิม คนละหนึ่งชุด” เหล่าเจียงเป็นคนใจแข็ง ต่อให้มาขอร้องอ้อนวอนต่อหน้าเขา เกลือกกลิ้งดิ้นรนอยู่บนพื้น หรือถึงขั้นข่มขู่ เขาก็ไม่สะทกสะท้าน ดื้อรั้นหัวแข็งยิ่งกว่าก้อนหินในหลุมสุขา
จ้าวลิ่วถูกคนในยุทธภพตั้งฉายาว่า ‘สารเลวเลือดร้อน’ นิสัยฉุนเฉียวเป็นที่สุด แต่กลับต้องมาจนแต้มเพราะตาแก่ที่มือไม่มีกระทั่งเรี่ยวแรงจะมัดไก่ ชั่วขณะหนึ่งจึงร้อนใจจนเกาหัวเกาหู ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เห็นท่าทางดื้อรั้นไม่ฟังใครของเหล่าเจียงแล้ว สุดท้ายจ้าวลิ่วได้แต่วิ่งกลับไปลากพรรคพวกอีกเก้าคนมาแต่โดยดี จึงสามารถซื้อ ‘ดอกซิ่งแดง* แผ่กลิ่นอวล’ ผลงานชุดใหม่ที่ประณีตงดงามของอาจารย์ฮวาชุนซินได้อย่างราบรื่น