“เหงาเหรอ” คำถามเหมือนยั่วทำให้คราวนี้ลัลน์เริ่มหมดความอดทน
มินเฉไฉเลี่ยงที่จะตอบคำถามมาหลายครั้งถึงสาเหตุที่เขาห่างบ้านไป ท่าทางมีลับลมคมในแม้แต่กับเธอทำให้ลัลน์นึกโมโห เดี๋ยวนี้โตแล้วหัดมีความลับกับเธองั้นสิ
“กลับเชียงใหม่ไปเลยไป๊ ไม่บอกก็ไม่ถามแล้ว” ลัลน์กลายเป็นคนเดินหนีเสียเองในครั้งนี้ ทำเอาคนแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ต้องร้องอ้าว
“โธ่ลัลน์ อย่าโกรธสิ ทำไมขี้โมโหแบบนี้นะ” มินรีบเอาใจก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายแล้ว มินมีโปรเจ็กต์ยุ่งๆ ต้องทำให้เสร็จหลายตัวน่ะ”
“ใช่แค่เทอมนี้ที่ไหนที่มินไม่ค่อยกลับบ้าน ปิดเทอมที่ผ่านมาก็หายไปเลย ลองนับนิ้วดูเลยนะว่ามินไม่กลับบ้านนานเท่าไรแล้ว นี่ถ้าไม่เป็นเพราะพี่เมธิจะแต่งงาน มินก็ไม่โผล่หน้ากลับมาหรอก พี่พูดถูกไหม”
“ก็มันวุ่นๆ หลายอย่างนี่นา” มินทำเสียงอ้อมแอ้มตอบ…นอกจากเรื่องเรียนแล้ว เขายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทุ่มเทมากในตอนนี้…
“เรื่องอะไรนักหนา เรียนหรือว่าผู้หญิง” น้ำเสียงของลัลน์กรุ่นแววหวาดระแวง แล้วก็ต้องซัดผัวะไปบนแขนแข็งแรงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจากเขา
“ไม่ใช่เรื่องผู้หญิงหรอกน่า คิดอะไรบ้าๆ ไร้สาระ มินไม่เคยมีผู้หญิงที่ไหนสักหน่อย” มินตอบโดยค้างคำพูดบางประโยคไว้เพียงในใจ…ชีวิตนี้มินจะมีใครได้อีก…ไม่มีทาง…
“ให้มันจริงเถอะ” แม้จะไม่ได้คำตอบชัดเจน แต่น้ำเสียงหนักแน่นของเขาก็เหมือนจะทำให้ลัลน์รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“มินไม่โกหกลัลน์หรอกน่า ว่าแต่ถ้ามินยังไม่กลับมาอยู่บ้านหลังเรียนจบทันที ต้องรออีกสักหน่อย จะได้ไหมลัลน์” มินลองหยั่งเชิงด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ใจระทึกรอฟังคำตอบ
“อะไร! จะไปไหน นี่บอกมาเลยนะว่าจะไปไหนกันแน่ ทำไมถึงจะยังไม่กลับบ้าน” คราวนี้ลัลน์ถามเสียงสูง ดวงตาวาวเอาเรื่องคาดคั้นจนมินต้องแอบกลืนน้ำลาย
“ยังไม่แน่หรอก ลองถามเผื่อไว้เท่านั้นเอง” มินบอกแล้วสาวเท้าเดิน แต่ก็กลายเป็นว่าคนตัวเล็กแต่อายุมากกว่ากระโดดมาขวางตรงหน้าด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“อย่ามาทำเดินหนีนะ บอกมาเดี๋ยวนี้เลย แอบหนีไปสมัครงานที่ไหนหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่หรอกน่า มินจะไปทำงานที่ไหนได้ถ้าไม่ใช่ที่สวนส้มสารัณของเรา” มินตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ตั้งใจจะสร้างความมั่นใจให้กับลัลน์
“แล้วยังไง จะไปไหนทำอะไรล่ะ เดี๋ยวนี้บ้านมีก็ไม่กลับแล้วยังมาทำท่าทางลึกลับอีก จะไม่อยากเป็นชาวสวนก็บอกมาตรงนี้เลย พี่จะได้ทำใจไว้แต่เนิ่นๆ”
สวนส้มสารัณในวันนี้คุณภวิชได้ปล่อยวางหลายเรื่องให้กับสองแรงแข็งขันอย่างเมธิและลัลน์ เมธิจะคอยดูแลเรื่องบริหารและจัดการโดยประจำอยู่ที่สำนักงาน ในขณะที่ลัลน์เหมารับผิดชอบงานทุกอย่างในสวน ตั้งแต่เริ่มเตรียมดินปลูกส้ม ดูแลไปจนกระทั่งได้พืชผลส่งขาย
แม้ลัลน์และเมธิจะช่วยดูแลงานได้เป็นอย่างดีไม่มีบกพร่อง แต่สวนส้มสารัณก็ยังรอคอยมิน น้องชายคนเล็กสุดให้เรียนจบแล้วกลับมาช่วยกันอยู่ทุกลมหายใจ คุณภวิชซึ่งนับได้ว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวหวังอยากให้ลูกหลานกลับมาอยู่พร้อมหน้า ช่วยกันดูแลสวนส้มสารัณ ดังนั้นท่านจึงวางตำแหน่งและหน้าที่รองผู้จัดการทั้งของเมธิและลัลน์ในมือของมินตั้งแต่เขายังเรียนไม่จบปริญญาตรี
ลัลน์เคยคิดว่าตัวเองรู้ใจน้องชายมากกว่าใคร เปรยกับทั้งพ่อและพี่ชายว่าสุดท้ายมินต้องกลับมาช่วยงานของเธอมากกว่าเมธิแน่ๆ แต่พอเขาเริ่มห่างบ้านไป ลัลน์ก็เริ่มนึกห่วงและไม่มั่นใจ
…หรือสุดท้ายแล้วเขาจะไม่ชอบชีวิตแบบนี้…เธอคิดผิดและหวังมากเกินไปหรือเปล่า
“กลับสิ ยังไงก็ต้องกลับ ชีวิต…อนาคต ทุกอย่างของมินอยู่ที่นี่นี่นา ว่าแต่ลัลน์ดีกว่า ลืมหรือเปล่าว่าถ้ามินเรียนจบเอาปริญญามหาบัณฑิตมาฝากได้ ตัวเองสัญญาอะไรไว้กับมิน”
“จำได้น่า มินบอกว่าพี่จะต้องทำอะไรให้มินอย่างหนึ่ง ว่าแต่อะไรล่ะ บอกตอนนี้ไม่ได้เหรอ พี่อยากรู้…ขี้เกียจรอ” ลัลน์บอกพลางส่งสายตาอยากรู้ตามไป…เธอเริ่มหวั่นใจว่าคำขอของเขาจะทำให้ตัวเองผิดหวัง…