หยาดน้ำพระพุทธมนต์ที่ซัดมาเย็นสดชื่น ภายในบริเวณวิหารที่ท่านเจ้าอาวาสกำลังต้อนรับเหล่าอุบาสก อุบาสิกาที่มาทำบุญสงบร่มรื่น เสียงกระดิ่งรับสายลมดังแว่วเป็นระยะ ทุกคนก้มลงกราบพร้อมกันอีกครั้งเพื่อรับศีลรับพรจากท่านเจ้าอาวาส แล้วสายสิญจน์ก็ถูกส่งมาให้โดยทั่วหน้า
ธารณ์มีความประสงค์อยากทำบุญร่วมสร้างพระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์และก็ได้ลัลน์ช่วยอย่างเต็มใจ นิสัยชอบทำบุญทำให้คุณภวิชนึกชมชายหนุ่มในใจ ภาพของลัลน์ที่ช่วยธารณ์ติดต่อวัดเพื่อขอทำบุญดูท่าจะสะดุดตาหลายคนที่มาทำบุญเช่นเดียวกัน
“เมื่อเช้าแต่งหลานชาย อีกบ่เมินจะแต่งลูกสาวใช่ก่พ่อนาย” แม่เฒ่าคนหนึ่งที่นำลูกหลานมาทำบุญอดทักไม่ได้ สองหนุ่มสาวได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก สำหรับธารณ์นั้นแม้คำพูดของแม่เฒ่าจะติดสำเนียงชาวเหนือ แต่เขาก็เข้าใจความหมายที่ถามเป็นอย่างดี ในขณะที่คุณภวิชและพันตำรวจเอกนพวินทร์รีบแก้แทน
“โธ่ แต่งอะไรกันป้า ลูกสาวผมยังโสด”
“นี่น้องชายผมครับ มาเที่ยว”
“แหม บ่ต้องเขินหรอกพ่อนาย ท่านนพ…น้องชายหล่อเนาะ สมกับหนูลัลน์จริงๆ เลยนะเจ้า”
“ไม่ใช่หรอกป้า หนูลัลน์กับน้องผมเพิ่งรู้จักกันนี่แหละ พอดีน้องผมเป็นนักข่าว เค้ามาทำข่าวสวนส้มสารัณน่ะ”
“ใช่แล้วป้า รออ่านข่าวเลยเน้อ คุณธารณ์เนี่ยเป็นนักข่าวเก่งนา” คุณภวิชเสริม แต่เหมือนจะยิ่งทำให้เรื่องวุ่นหนักเข้าไปอีก
“แหม ดีจริงๆ เลยพ่อนาย มีลูกเขยเป็นนักข่าว จะได้ช่วยกันโฆษณาส้มบ้านเราเนาะ ช่วยกันทำมาหากิน”
ท่าทางยิ่งพูดยิ่งเข้าเนื้อทำให้สุดท้ายลัลน์ได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้จะว่ายังไง เมืองเล็กๆ และวิถีชนบทที่เรื่องราวสักเรื่องไม่เคยหยุดที่คนคนเดียว…ไม่นานหรอก เรื่องนี้คงแพร่ไปทั่ว
“เป็นอย่างนั้นไปเสียอีก คนเรานี่ยังไงนะ บอกอะไรก็ไม่ฟัง ทำไมชอบคิดเองเออเองแบบนี้เนี่ย” นพวินทร์บ่น
“ช่างเถอะท่านนพ ยังไงเดี๋ยวอีกไม่กี่วันธารณ์ก็กลับแล้ว ก็คงลือกันได้สักพักแล้วก็หายเพราะคงไม่มีอะไรให้ได้ลือกันมากไปกว่านี้อีก แล้วอีกอย่าง เดี๋ยวก็มีหัวข้อใหม่ให้ลือกันสนุกกว่า” คุณภวิชเอ่ยอย่างเข้าใจโลก ท่านผ่านอะไรมาเยอะ…วันที่ล้มละลาย คนที่สมน้ำหน้าแล้วเหยียบซ้ำก็เจอมามาก ดังนั้นคำคนจึงไม่ใช่อะไรที่จะทำให้ท่านคิดมากได้อีกแล้ว
“ไอ้ผมมันก็ห่วงกลัวจะเป็นข่าวลือนี่แหละ เดี๋ยวได้พูดกันทั่วแน่” นพวินทร์บ่นพึมพำตรงกับใจของธารณ์ ในขณะที่คุณภวิชกลับพูดเป็นเรื่องเล่น
“ไม่เห็นยากเลย น้องชายท่านนพนั่นแหละต้องรับผิดชอบลูกสาวผม”
“อ้าว เดี๋ยวผมเอาจริง ยุธารณ์ขึ้นมา พ่อนายอย่าเอาส้มที่สวนไล่ขว้างหัวน้องผมนะ” แล้วคนรุ่นใหญ่สองคนก็หยอกกันสนุกโดยไม่ได้หันมาสนใจคนหนุ่มสาวที่เดินตามมาอีกเลย
“ขอโทษนะครับ เลยทำให้ลัลน์เสียหาย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่าคิดมากเลย คำคนมันทำร้ายเราเมื่อเราฟังและคิดตามเท่านั้นแหละค่ะพี่ธารณ์” ลัลน์บอก เธอเองก็คิดเหมือนพ่อ
‘อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา’ ข้อความนี้เป็นจริงเสมอ
“ผมว่าทางที่ดีคุณรีบสัมภาษณ์แล้วเก็บข้อมูลให้เรียบร้อยไวๆ ก็ดีนะ ยิ่งอยู่นานลัลน์ยิ่งเสียหายมากขึ้นเท่านั้น” มินพูดด้วยน้ำเสียงแบบที่เรียกว่ามะนาวไม่มีน้ำจนลัลน์ต้องปราม
“มิน ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ เสียมารยาทน่า”
“แล้วมินพูดไม่ถูกตรงไหนล่ะ คอยดูสิ ไม่เกินพรุ่งนี้หรอกจะได้ลือกันทั้งตลาด”
“มิน!” คราวนี้ลัลน์ไม่เพียงทำเสียงดุเท่านั้น ใบหน้าเรียบตึงไม่พอใจชัดเจน เธอรู้ว่าอะไรจะตามมากับคำลือของผู้คน แต่มารยาทที่ดีในฐานะเจ้าบ้านเป็นสิ่งที่ละเลยได้อย่างนั้นหรือ ในเมื่อผู้ชายคนนี้มาเพื่อประโยชน์ส่วนหนึ่งของสวนส้มสารัณ
ธารณ์ยิ้มโดยไม่พูดอะไร แววตาขุ่นขวางอีกทั้งท่าทางหลายอย่างที่แสดงชัดว่าไม่พอใจในตัวเขาทำให้ธารณ์รู้สึกแปลกๆ กับเด็กหนุ่มที่คุณภวิชบอกว่าเป็นหลานชาย…ลูกของเพื่อนรัก และหญิงสาวที่อยู่ข้างกายบอกว่าเป็นน้อง
หลานหรือน้อง…ทำไมเขาถึงได้รู้สึกไม่สนิทใจกับสิ่งที่ได้รับรู้สักเท่าไรเลย สัญชาตญาณของลูกผู้ชายหรือว่าเขาคิดมากไปเองกันนะ…
ติดตามตอนต่อไปวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 น.