“ท่านพ่อก็ส่วนท่านพ่อ ข้าอยากไปเข่นฆ่าศัตรูปกป้องแผ่นดินด้วยตนเอง แม้แต่ท่านพ่อก็ทำให้ข้าล้มเลิกความตั้งใจไม่ได้” ใบหน้าเรียวเล็กดูขึงขังจริงจังยิ่งนัก
“แม่นางเสี่ยวเตา ราชสำนักเราไม่เคยมีแม่ทัพนายกองที่เป็นหญิง” เขาก้มลงมองนาง พลางบอกเสียงนุ่มนวล “การที่สตรีจะมาเป็นทหารนั้นไม่สะดวกหลายประการ”
ต่อให้นางหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่และรูปร่างสูงใหญ่ยิ่งกว่าบุรุษ เขาก็ให้นางเป็นทหารไม่ได้ นับประสาอะไรกับที่นางรูปร่างอ้อนแอ้นบอบบางซ้ำยังหน้าตาอ่อนหวานน่ารัก จะให้มาเป็นตุ๊กตานำโชคอยู่ในค่ายอย่างนั้นหรือไร
“ข้าจะปลอมตัวเป็นบุรุษ ข้าทำได้แน่” นางบอกอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
“ไม่ได้ ทำเช่นนี้ผิดกฎกองทัพ” เนตรหงส์กระดกเฉียง เขาปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “ข้าไม่อนุญาต”
“แม่ทัพใหญ่ ชั่วดีอย่างไรข้าก็เคยเลี้ยงเกี๊ยวน้ำไส้เนื้อเจ้าชามเบ้อเริ่ม จะไม่เจรจากันหน่อยหรือ” ซูเสี่ยวเตาทำแก้มป่อง
เขาเห็นแล้วแทบหัวเราะออกมา อยากเอานิ้วจิ้มแก้มป่องเนียนนั่นนัก ลำบากแทบตายกว่าจะห้ามตนเองได้ “เรื่องงานก็เรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัว”
“เจ้าอยากให้ข้าโดนตัดหัวมากกว่าจะให้ข้าเป็นทหารหรือ” ใบหน้าเรียวเล็กหม่นหมอง รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
“เมื่อไรกันที่ข้า…” เขาใจอ่อนยวบอย่างไร้สาเหตุ น้ำเสียงก็พลอยนุ่มนวลขึ้นไปด้วย “เฮ้อ…ในสายตาเจ้า หร่วนชิงเฟิงผู้นี้เป็นคนแล้งน้ำใจ โหดเหี้ยมอำมหิต ดีแต่ฆ่าคนอย่างนั้นหรือไร”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย” นางตอบไปตรงๆ
รอยยิ้มบนใบหน้าคมคายแข็งค้างไปอีกครั้ง เหตุใดเขาฟังคำพูดของนางแล้วไม่สบอารมณ์นักนะ
“จนข้า ‘เปิดอกกันตรงๆ’ กับเจ้าแล้ว น้องสาวยังจะบอกว่าไม่สนิทกับข้าอีกหรือ”
นางขนลุกเกรียวทั้งตัว
“เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตั้งใจเข้ามาดูเจ้าก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำเนื้อตัวเปล่าเปลือยเสียหน่อย” เด็กสาวแก้ต่างอย่างฉุนเฉียว “อีกอย่างมีใครเขาอาบน้ำกันกลางวันแสกๆ บ้างเล่า” สำอางเสียไม่มี!
“เมื่อครู่ข้าเพิ่งประลองฝีมือกับพ่อเจ้า เหงื่อออกทั้งตัว จึงกลับกระโจมมาอาบน้ำเช่นนี้ผิดตรงไหนกัน” เขาย้อนถามยิ้มๆ
ต่อให้รอยยิ้มของเขาทรงเสน่ห์เพียงไร ซูเสี่ยวเตาก็ยังรู้สึกว่าเขายิ้มเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อยู่ดี ไม่ว่ามองมุมใดก็ราวกับกำลังวางแผนเล่นงานใครอยู่อย่างไรอย่างนั้น…ช้าก่อน เมื่อครู่เขาบอกว่าประลองฝีมือกับใครนะ!
“ท่านพ่อของข้า?” นางเบิกตากว้าง “เจ้าประลองฝีมือกับท่านพ่อของข้าอย่างนั้นหรือ แล้วใครชนะ”
“ผู้น้อยด้อยสามารถ เลยเอาชนะไปได้นิดเดียว” เขาทำหน้าถ่อมตัว แต่ริมฝีปากกลับหยักยิ้มตรงมุม
“เป็นไปได้อย่างไรกัน” นางตกตะลึงพรึงเพริด ก่อนจะโพล่งถามว่า “ท่านพ่อของข้าอ่อนข้อให้เจ้าล่ะสิ”
รอยยิ้มของหร่วนชิงเฟิงชะงักไปเล็กน้อย มุมปากกระตุกทีหนึ่ง “น้องสาวไม่เชื่อมั่นในตัวข้าถึงเพียงนี้เชียว?”
“ข้อแรก ข้าไม่ใช่น้องเจ้า ข้อสอง ข้าเชื่อมั่นในตัวท่านพ่อของข้าต่างหาก” ซูเสี่ยวเตายกมือเท้าเอว ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นอย่างมั่นใจในตนเอง
“วิชายุทธ์ที่ตกทอดกันมาในสกุลซูเราเลิศล้ำไร้เทียมทาน ขอเพียงมีทวนสักเล่มอยู่ในมือ จะสู้กับยอดฝีมือสักสามคนห้าคนไม่ใช่ปัญหา ดังนั้นท่านพ่อของข้าไม่มีทางแพ้เจ้าแน่”
“น้องสาวใจร้ายยิ่งนัก พูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นได้ทุกคำ” เขาถอนหายใจเฮือก จากนั้นรอยยิ้มก็กลับคืนสู่สองตาที่เป็นประกายอีกครั้ง “หากน้องสาวไม่เชื่อ พวกเราสองคนก็มาประลองฝีมือกันอย่างเปิดเผยสักครั้งดีหรือไม่ หากเจ้าชนะ ข้าจะยอมให้เจ้าเข้าร่วมกองทัพ เริ่มจากตำแหน่งทหารคนสนิทของข้าเลยทีเดียว แต่หากเจ้าแพ้…”
“หากข้าแพ้ ข้าขออำลาวงการ!” นางตบต้นขาฉาดอย่างเด็ดขาด