ประกายกระบี่วาววับในป่า
ไม่ทันไรนางก็ทำเอาโจรภูเขาสองคนที่เข้ามาปล้นชิงทรัพย์วิ่งหนีไป ที่ไม่ได้เอาชีวิตพวกเขาเพราะถ้าไม่ถึงที่สุดนางก็ไม่อยากฆ่าใคร ไม่อยากเพิ่มฝันร้ายอันน่าหวาดกลัวอีก
ปลายกระบี่ยังมีเลือดหยด หยดเลือดแดงสดเมื่ออยู่ภายใต้แสงอาทิตย์แล้วมีความงดงามแวววาวผิดธรรมดา
นางจ้องมองเลือดหยดนั้น นึกถึงเหตุการณ์ยามทำร้ายคนเป็นครั้งแรกตอนอายุสิบหกขึ้นมาได้อย่างไม่รู้สาเหตุ…
เสียงปะทะของดาบและกระบี่ดังไม่หยุดบนดาดฟ้าเรือ นางอยู่ในห้องโดยสารเรือได้ยินเสียงตะโกนและต่อสู้เหนือศีรษะ ยามนางกุมกระบี่พุ่งออกไป เรือโจรสลัดสองลำต่อสู้เข่นฆ่ากันชุลมุนไปนานแล้ว พาให้คนแยกแยะไม่ออกว่าใครมิตรใครศัตรู
เพิ่งโผล่ออกไป ดาบใหญ่ก็ฟันลงมาเหนือศีรษะแล้ว นางยกกระบี่ต้านรับพร้อมกับหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ใช้กระบวนท่ากระบี่ที่เขาสอนโดยไม่ได้คิดมากความ ยามนางใช้ถึงกระบวนท่าที่สอง ชายฉกรรจ์คนนั้นก็ถูกนางตัดแขนขาดไปแล้วข้างหนึ่ง
มองดูช่วงไหล่ขวาที่ไร้แขนของอีกฝ่ายมีเลือดสดๆ ทะลักไหลออกมา สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันใด คนผู้นั้นส่งเสียงร้องราวกับเสียงสัตว์ป่า ไปไล่เก็บแขนของตนอย่างแตกตื่น
นางตกใจนิ่งอึ้งไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางต่อสู้กับคนนอก นางไม่เคยคิดมาก่อนว่ากระบวนท่าที่ฉู่เฮิ่นเทียนสอนให้จะเหี้ยมโหดถึงเพียงนี้ ฝ่ามือของนางยังรู้สึกถึงชั่วขณะที่กระบี่ยาวฟันเนื้อตัดกระดูก น่าขยะแขยงนัก น่าขยะแขยงยิ่ง…
คิดมาถึงตรงนี้มือของนางก็อ่อนลง แทบจะกุมกระบี่ยาวในมือไม่อยู่ ถึงขนาดลืมว่าตนเองอยู่ในใจกลางการต่อสู้…
‘ระวัง!’ เหวยเจี้ยนซินยิงธนูออกไป จัดการสารเลวด้านข้างที่ลอบจู่โจมแทนนาง
เห็นพี่เหวยช่วยนางเด็ดชีวิตโจรสลัดด้านข้างที่จะฟันนาง นางถึงคืนสติกลับมาทันใด ทันทีที่เงยหน้ากลับสบเข้ากับนัยน์ตาดำโมโหเดือดดาลของฉู่เฮิ่นเทียน
‘มัวเหม่ออะไรอยู่!’ เขาวาดกระบี่สกัดดาบซึ่งฟันมาจากทางซ้าย คว้าแขนนางอย่างแรงแล้วตะคอก ‘อยากตายนักก็ไสหัวลงไปจากเรือ อย่ามาขวางมือขวางเท้าที่นี่!’
กระบี่ยาวของเขาโบกไกว ปลิดชีพคนรนหาที่ตายอีกคนอย่างง่ายดาย
นางมองเห็นบนลำคอคนผู้นั้นมีเลือดสาดกระเซ็นออกมา ร่างกายพลันแข็งทื่ออย่างควบคุมไม่ได้ แต่ยามนี้ไหนเลยจะมีเวลาให้นางได้ชะงักงัน เห็นเพียงซ้ายขวาหน้าหลังมีดาบอีกสี่เล่มฟันเข้ามา
‘โง่นัก!’ ฉู่เฮิ่นเทียนดึงนางไปด้านหลังอย่างโมโห แล้วตีโต้ศัตรูเบื้องหน้าให้ล่าถอยไปอีกครั้ง แต่เมื่อหันกลับมาก็เห็นด้านหลังมีอีกหนึ่งคนหนึ่งดาบฟาดฟันไปทางนางที่กำลังเหม่อลอยอยู่ ด้วยไม่อาจดึงกระบี่กลับมาสกัดขวางไว้ทัน เขาได้แต่ปล่อยแขนนางแล้วใช้ฝ่ามือรับดาบ แม้หลบตัวดาบได้ทันเวลา แต่มือของเขาก็ยังคงถูกคมดาบบาดได้รับบาดเจ็บ
เลือดบนมือเขาทำให้นางได้สติกลับมาในที่สุด เห็นเบื้องหลังเขามีคนจู่โจมเข้ามาอีกคน นางพลันยกกระบี่ต้านรับอย่างแทบจะเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง แต่เมื่อสำแดงกระบวนท่ากระบี่ คนรอบด้านหากไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บ
นางหน้าซีด รู้ว่าไม่มีเวลาลังเลและไม่อาจใจอ่อน ทุกคนรอบด้านล้วนอยู่ในศึกเป็นตาย สังหารอย่างเอาเป็นเอาตาย
จนกระทั่งยามนี้นางถึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่าเรือลำนี้คือสนามรบ ล้วนเป็นมาตลอด
ในที่แห่งนี้หากไม่ใช่ทำร้ายผู้อื่น ก็เป็นถูกทำร้าย ไม่มีตัวเลือกที่สาม นางอยากมีชีวิตอยู่ก็ได้แต่ต้องเลือกตอบโต้กลับไป
นางต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!
เลือดสดเต็มฟ้าสาดกระจายกลางอากาศ นางคล้ายผีเสื้ออาบเลือดที่กำลังร่ายระบำ นางมองเห็นความหวาดกลัวในดวงตาคนพวกนั้น รับรู้ได้ถึงเลือดของอีกฝ่ายที่ซ่านเซ็นใส่ใบหน้านาง นางกลัวยิ่งนัก มือที่ถือกระบี่กลับแน่วนิ่งผิดปกติ รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงแรงสะเทือนยามเฉือนเนื้อตัดกระดูกจากตัวกระบี่
การต่อสู้จบลงภายในเวลาครึ่งเค่อ พวกเขาเป็นฝ่ายชนะแล้ว
วันนั้นแสงอาทิตย์ก็เป็นประกายเช่นนี้ หยดเลือดที่ปลายกระบี่แวววาว สีแดงสดเช่นนั้นงดงามผิดธรรมดาจนพาให้คนใจสั่น…
โม่เอ๋อร์เช็ดหยดเลือดบนกระบี่แล้วพันกระบี่อ่อนไว้ที่เอวดังเดิม
หลายปีมานี้นางจำคำพูดพวกนั้นที่เขาเคยพูดไว้อยู่ตลอด
‘บนเรือลำนี้ไม่มีพวกไร้ประโยชน์! ถ้าเจ้าได้แต่เหม่อลอยให้คนอื่นมาฟันก็ไสหัวลงไปจากเรือ!’
‘ที่นี่เจ้าต้องรู้จักดูแลตัวเอง ข้าไม่ใช่แม่นม!’
‘อย่านึกว่าเจ้าเป็นหญิงก็จะได้สิทธิพิเศษ อยากอยู่ต่อมีข้าวกินก็ต้องทำงาน!’
‘นี่คือเรือโจรสลัด ไม่ใช่เรือพ่อค้า อยากอยู่สบายๆ เจ้าก็กลับสกุลจั้นไป!’
ทุกประโยคที่เขาพูด นางล้วนจดจำไว้ หลายปีมานี้นางได้ยินเขาเน้นย้ำอยู่ตลอด พวกเขาคือโจรสลัด พวกเขาใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน ที่นี่ไม่สามารถใจอ่อน ไม่สามารถลังเล เพราะต่อให้อยู่ในสภาพที่พื้นทะเลคลื่นลมสงบ มันก็ยังคงแฝงไว้ด้วยพละกำลังบดขยี้ฟ้าดินดังเดิม
ในทะเลกว้าง มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด
นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสดใสหมื่นลี้ สูดหายใจลึกๆ คำหนึ่ง ยามนางหลับตาลงทบทวนคำพูดของเขาที่ยังคงวนเวียนอยู่ในสมอง ดวงตาพลันเย็นชาไร้ใดเปรียบ