“ข้าคิดวิธีออกแล้ว”
คืนวันที่สอง เหวยเจี้ยนซินเรียกพวกพี่น้องที่ใจร้ายใจดำพวกนั้นมาที่ห้องของตนแล้วประกาศอย่างเคร่งเครียด
“วิธีอะไร” ผีพนันจางเล่นลูกเต๋าในมือ พิงข้างผนังถามออกมา
“ให้ลูกพี่ยอมไปหาโม่เอ๋อร์กลับมาเอง” เขามั่นใจ ยิ้มหยีพูดออกมา
“ชิ! ข้ายังนึกว่าเจ้าจะมีวิธีดีๆ อะไร” ผีพนันจางกลอกตาถากถาง
“เป็นไปไม่ได้ๆ!” อาอ้วนได้ยินก็ส่ายใบหน้าอ้วนแรงๆ เช่นกัน “ถ้าจะให้ลูกพี่ไปตามหาสตรีเอง มีแต่ฟ้าถล่มเท่านั้นล่ะ!”
หลันเซิงไม่ได้พูดอะไร แต่คิ้วก็ขมวดขึ้นมาแล้ว
“นี่พวกเจ้าไม่เข้าใจ โม่เอ๋อร์เป็นสตรีของลูกพี่ คิดว่าเรื่องนี้ทุกคนคงรู้ดี ใช่หรือไม่” เหวยเจี้ยนซินยิ้มกว้างถาม
ทุกคนพยักหน้า ไม่มีความเห็นอื่นต่อเรื่องนี้
“เช่นนั้นพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกพี่ชอบโม่เอ๋อร์มากขนาดไหน” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ชี้จมูกตัวเองแล้วกล่าวอย่างได้ใจ “ข้ารู้!”
“เจ้ารู้อะไร” อาอ้วนขมวดคิ้ว
“ข้ารู้ว่าทุกครั้งที่ลูกพี่ลงจากเรือก็จะเอาตลับผงชาดสองสามอันกลับมาด้วย ข้ารู้ว่าลูกพี่วานให้คุณหนูใหญ่ที่หยางโจวหาคนสั่งทำกำไลหยกปิ่นปักผมเป็นพิเศษ ข้ายังรู้ว่าตั้งแต่ห้าปีก่อนลูกพี่ก็เริ่มตรวจสอบชาติกำเนิดของโม่เอ๋อร์อย่างลับๆ แล้ว!” พูดถึงตรงนี้สีหน้าเขาก็จริงจังขึ้นมา เอ่ยถาม “พวกเจ้าลองคิดดู ติดตามลูกพี่มาหลายปีขนาดนี้ มีแม่นางคนไหนเคยทำให้ลูกพี่ของพวกเราต้องเปลืองความคิดถึงขนาดนั้นบ้าง”
ทั้งสามสบสายตากัน ออกจะตกตะลึงกับคำพูดเมื่อครู่อยู่บ้าง หลายปีมานี้พวกเขาไม่เคยเห็นลูกพี่ใส่ใจแม่นางคนไหนมาก่อนจริงๆ
พวกเขารู้ตั้งแต่สามสี่ปีก่อนหน้าแล้วว่าโม่เอ๋อร์กับลูกพี่นอนร่วมห้องกัน แต่ก็เพียงเท่านั้น เวลาส่วนใหญ่ล้วนมองไม่ออกว่าลูกพี่ปกป้องหรือปฏิบัติต่อโม่เอ๋อร์ดีเป็นพิเศษ โม่เอ๋อร์เหมือนกับคนอื่นๆ บนเรือ จำเป็นต้องทำงาน
ปกติยามออกทะเล ทุกคนบนเรือต้องผลัดกันเฝ้ายามตอนกลางคืนบนหอสังเกตการณ์ที่เสากระโดงเรือหลัก บนนั้นทั้งเล็กแคบทั้งหนาวเย็น ถ้าเจอฝนตกหรือเป็นฤดูหนาวยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เดิมทุกคนคิดว่าโม่เอ๋อร์เป็นสตรีสามารถงดเว้นได้ แต่ลูกพี่กลับยังให้นางทำตามกฎ ใจที่รักถนอมของมีค่าไม่มีอยู่แม้แต่น้อย
เรื่องอื่นๆ ทำนองนี้ยังมีอีกมาก
ดังนั้นอันที่จริงจึงไม่มีใครรู้ว่าลูกพี่ใส่ใจโม่เอ๋อร์ถึงเพียงนี้จริงๆ จนกระทั่งได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของเหวยเจี้ยนซิน ทั้งสามพลันตื่นตะลึง ทว่า…
อาอ้วนคิดอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆ ก็หรี่ตาเล็กลงเอ่ยถาม
“ข้าว่านะน้องเหวย เรื่องที่พวกเราพี่น้องไม่รู้ เหตุใดเจ้าจึงรู้มากขนาดนั้น”
“เอ่อ…หา? แหะๆ…” เหวยเจี้ยนซินได้ยินก็แกล้งโง่หัวเราะแห้งๆ สองครั้ง
“พูดมา!” ผีพนันจางเองก็เร่งเร้าพลางจ้องเขาอย่างสงสัย
“นี่…คือว่า…ที่จริงแล้ว…ทุกคนก็รู้ดีว่าข้าขยันฝึกยิงธนูมาก…” ลูกตาของเหวยเจี้ยนซินกลอกไปทั่วซ้ายขวาบนล่าง สุดท้ายถึงค่อยยิ้มโง่ๆ มองทุกคนแล้วเอ่ยอย่างยอมรับชะตากรรม “ฝึกไปฝึกมา บางครั้งไม่ระวังก็…เอ่อ ยิงถูกพิราบสื่อสารบ้าง”
“อะไรนะ!?” อาอ้วนได้ยินก็หน้าเขียวแล้ว โกรธจนเข้าไปบีบคอเหวยเจี้ยนซินเขย่าแรงๆ ร้องเสียงดัง “สารเลว! ที่แท้นกน้อยของข้าพวกนั้นล้วนถูกเจ้าทำร้าย! เจ้าระยำนี่ คืนชีวิตเหล่านกน้อยของข้ามานะ! ข้าจะบีบคอเจ้า จะบีบคอเจ้า…”
“อ๊า…แค่กๆ…ชะ…ช่วยด้วย…แค่กๆๆ…หลันเซิง…เหล่าจาง…” เหวยเจี้ยนซินถูกบีบจนหน้าแดงเถือก รีบยื่นลิ้นออกมา ส่งเสียงขอความช่วยเหลือไปทางอีกสองคน
หลันเซิงกับผีพนันจางเห็นว่าเขาชีวิตจะหาไม่แล้วก็รีบเข้าไปคว้าแขนอาอ้วนคนละข้าง
“พวกเจ้าอย่ามาดึงข้า! ให้ข้าบีบคอมัน!” อาอ้วนสองตาแดงก่ำ ตะคอกอย่างดุร้าย
“อาอ้วนเจ้าใจเย็นหน่อย เรื่องราวมีหนักเบารีบเร่ง ก่อนเจ้าบีบคอเขา ก็ให้เจ้านี่แก้ปัญหาเรื่องโม่เอ๋อร์ให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน” หลันเซิงยิ้มน้อยๆ เอ่ยปลอบ
ผีพนันจางยิ้มยิงฟัน กล่าวเสริมว่า
“ใช่แล้ว รอเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าอยากเอาเจ้านี่ไปต้มยำทำแกง พวกเราก็จะไม่ขัดขวางเลย”
“เฮือก…แค่กๆ…” เหวยเจี้ยนซินหลุดออกมาจากมืออาอ้วนได้ก็ไปหอบหายใจที่ด้านข้างทันที ครั้นได้ยินก็ร้องเสียงหลงอีก “พวกเจ้าสองคนมีใจเมตตาบ้างหรือไม่?!”
ผีพนันจางขึงตา ปล่อยมือที่จับอาอ้วนออกแล้วชี้จมูกตัวเอง
“บอกว่าข้าไม่มีเมตตา? เจ้าเด็กหน้าเหม็นที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณนี่!”
พอไม่มีพันธนาการของผีพนันจาง มือขวาของอาอ้วนที่เป็นอิสระก็ยื่นไปหาเหวยเจี้ยนซินอีกครั้ง แยกเขี้ยวระบำกรงเล็บราวกับวิญญาณร้ายก็ไม่ปาน ทำเอาเหวยเจี้ยนซินกลัวจนร้องโหวกเหวก
“เหล่าจาง ข้าผิดไปแล้ว…ข้าผิดไปแล้ว! อาอ้วน ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ให้อภัยข้าเถอะ! ข้ามีวิธีให้โม่เอ๋อร์กลับมาจริงๆ นะ ขอร้องท่านผู้อาวุโสให้โอกาสข้าทำความดีชดใช้ความผิดสักครั้ง เป็นการปลอบประโลมดวงวิญญาณบนสวรรค์ของเหล่านกน้อยไง!”
ประโยคสุดท้ายทำให้อาอ้วนหยุดลงในที่สุด เขาจ้องเจ้าสารเลวเหวยเจี้ยนซินอย่างโมโหเดือดดาล เนิ่นนานกว่าจะระงับโทสะได้ ถึงค่อยตบโต๊ะไม้กล่าว
“ยังไม่รีบพูดอีก!”
“ได้ๆๆ!” เหวยเจี้ยนซินเห็นดังนั้นก็ผ่อนลมหายใจลง รีบยิ้มกล่าว “เป็นอย่างนี้ท่านอาอ้วนที่รัก วันนี้ข้าได้รับข่าวมาว่าโม่เอ๋อร์นาง…”
เขางึมๆ งำๆ พูดแผนการยาวเป็นพรวนออกมา อีกสามคนที่เหลือยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเข้าที จึงเริ่มปรึกษากันขึ้นมา ดังนั้นในห้องของเหวยเจี้ยนซินจึงเห็นศีรษะดำสี่หัวสุมอยู่ด้วยกัน ปรึกษาแผนใหญ่ทำร้ายฉู่เฮิ่นเทียน…