14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน ลำนำรักมังกรดำ ชุด หัวใจเจ้าทะเล
บทที่สี่
กลิ่นของน้ำทะเล
นางได้กลิ่นเค็มที่คุ้นเคยจากที่ไกลๆ จากเดินเนิบนาบ นางเปลี่ยนเป็นเร่งเร็ว จนกระทั่งวิ่งเหยาะๆ ทะลุผ่านสวน ผลักประตูเรือนในปราสาทเขากระบี่เทพที่นางอาศัยอยู่ชั่วคราวอย่างร้อนรน
ในความมืด เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ แทบจะกลมกลืนไปกับความมืดมิด
นางปิดประตูลง พิงประตูหายใจหอบ สองตาจับจ้องมองเขาในความมืด
มาแล้ว มาแล้ว! เขามาแล้ว…
จู่ๆ ได้เห็นคนที่คะนึงหา นางยินดียิ่งนัก ทั้งยินดีทั้งไม่อยากเชื่อ ไม่เชื่อว่าเขาจะมาจริงๆ
หลังจากมานางถึงรู้ว่าเขาครอบครองพื้นที่ใหญ่ขนาดไหนในใจนาง มองดูใบหน้าดุดัน แววตาเย็นเยียบของเขา นางใช้สองตาจับภาพเงาร่างของเขาอย่างละเอียด สลักเขาไว้อีกครั้งในใจ
นางไม่แน่ใจว่าตนเองในใจของเขานั้นที่แท้แล้วอยู่ในฐานะอะไรกันแน่ เป็นคล้ายมีแต่ก็คล้ายไม่มี หรืออาจเป็นไม่สลักสำคัญ หรือจะเป็นมีความสำคัญอยู่บ้างสักนิด?
แต่ตอนนี้ เขามาแล้ว เพื่อนาง…
หากบอกไม่ลิงโลดก็เป็นการโกหก ต่อให้เขาจะสีหน้าเย็นชาก็ไม่อาจทำลายความยินดีในอกนางได้
“มานี่” น้ำเสียงเขาราบเรียบ แต่นางรู้ว่าเขากำลังโกรธ
ตั้งแต่เด็ก ขอเพียงมีแสงบางๆ นางก็สามารถมองเห็นในความมืดได้ ดังนั้นนางจึงมองเห็นสีหน้าในยามนี้ของเขาอย่างชัดเจน มองเห็นความบึ้งตึงบนใบหน้าเขา แม้กระทั่งความเดือดดาลที่กดเก็บไว้ในดวงตา
แต่นางก็ยังคงเดินเข้าไป แม้สองแขนจะขนลุกชันเพราะความโกรธที่เกาะตัวแข็งของเขา
ฉู่เฮิ่นเทียนมองเงาร่างแน่งน้อยและสีหน้าสงบนิ่งมั่นคงของนาง ปลายคางพลันหดรัดอย่างอดไม่อยู่
นางมาถึงเบื้องหน้า นำพากลิ่นธูปหอมมาด้วย
เห็นนางสวมชุดผ้าไหมใบหน้าเปล่งปลั่งเขาก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่!
หลายวันมานี้เขาเป็นกังวลเพราะนาง นางกลับคล้ายไม่ได้รับผลกระทบสักนิด ราวกับว่าการมีอยู่ของเขาไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น
ไม่มีเขา นางก็ยังอยู่ได้อย่างดี นางไม่ต้องการเขา…อย่างน้อยก็ไม่ได้ต้องการดั่งที่เขาต้องการนาง!
โมโหการไม่ให้ความสำคัญของนาง โมโหที่นางส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ เพลิงโกรธของเขาจึงยิ่งลุกโหมหนักขึ้น!
ฉู่เฮิ่นเทียนเกี่ยวเอวนางเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า จับนางมาอยู่เบื้องหน้าสายตาตน บีบปลายคางจิ้มลิ้มของนางแล้วกล่าวเสียงเย็น
“เจ้าช่างกล้านัก”
นางมิได้กลัวเขา ไม่กลัวความโกรธของเขา หลายปีมานี้เขาโมโหนางบ่อยมาก แต่กลับไม่เคยทำร้ายนางสักครั้ง
มุมปากยกเป็นรอยยิ้มบางๆ นางไร้คำพูด เพียงยกมือขึ้นกอดเอวเขา ในดวงตามีประกายอ่อนเชื่อม
หญิงที่น่าชังคนนี้นี่!
มองดูรอยยิ้มอ่อนโยนของนาง ฉู่เฮิ่นเทียนยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ แต่กลับไม่อาจระบายโทสะกับนางได้ ผู้มีรอยยิ้มบนใบหน้าไม่อาจลงมือตี ยิ่งกว่านั้นบนใบหน้านางยังมีความอ่อนโยนพาให้หวั่นไหวอีกด้วย
“เจ้ามันสมควรตาย!” นัยน์ตาดำเข้มขึ้น เขาผรุสวาทคำหนึ่ง ก้มหน้าลงย่ำยีกลีบปากเย็นเฉียบของนาง
ตีนางไม่ลง ฉู่เฮิ่นเทียนได้แต่เปลี่ยนวิธีลงโทษมาระบายโทสะของเขา
ระหว่างที่ริมฝีปากและลิ้นรัดพัน เขาก็อุ้มนางขึ้นไปบนเตียงอย่างง่ายดาย ฉีกเสื้อผ้า ดึงเครื่องประดับผมของนางออกอย่างหยาบคาย เขาไม่อยากให้บนร่างนางมีสิ่งของของผู้อื่น นางเป็นของเขา เป็นได้แค่ของเขา!
มือของเขากอดไล้เรือนร่างงาม จุดไฟปรารถนาขึ้นมา
ในราตรี เรือนกายร้อนผ่าวเกาะเกี่ยวกัน เม็ดเหงื่อและเสียงหายใจลอยวนอยู่บนผิวที่รุ่มร้อน อบอวลอยู่ในบรรยากาศ เขารู้จักร่างกายนางเป็นอย่างดี เหมือนดั่งที่นางรู้จักร่างกายของเขา ยามเขาแทรกเข้าไปในกายนาง นางหลับตาลงสูดหายใจคำหนึ่ง มองดูสีแดงบนใบหน้านาง เขารู้ดีว่าตนยังส่งอิทธิพลถึงนาง อย่างน้อยก็ในด้านนี้ ร่างกายของพวกเขาดึงดูดกันและกัน ปีนั้นยามพบว่านางเติบโตเป็นแม่นางแช่มช้อยนางหนึ่ง เขาไม่ทันได้คิดมากก็ล่อลวงนางแล้ว
ฉู่เฮิ่นเทียนจูบซับเม็ดเหงื่อที่ซึมออกมาบนไหล่ขาวราวหิมะ เขาจับเอวบาง มือข้างหนึ่งกุมอยู่บนเนินเนื้อของนาง ก้มตัวลงเอ่ยข่มขู่ข้างหู
“ลืมตาขึ้นมา มองดูข้า”
ขนตานางขยับไหว จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้น
เรือนกายแข็งแกร่งมีพลังของเขาเป็นประกายท่ามกลางแสงจันทร์ นางรู้ว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนบนร่างเขาสะสมพละกำลังที่สามารถทำให้ผู้อื่นถึงตายได้ไว้ นางเคยเห็นเขาใช้พละกำลังนั้นต่อสู้กับลมฝนอันรุนแรงและคลื่นทะเลที่โหมคลั่งท่ามกลางพายุ
เมื่อมองขึ้นมาอีก นางเห็นมือเล็กขาวกระจ่างของตนเกาะเกี่ยวอยู่บนไหล่คล้ำเข้มแข็งแกร่งของเขา กลายเป็นความแตกต่างอย่างรุนแรง
สายตาเคลื่อนมาด้านบนอีก นางมองเห็นนัยน์ตาดำเร่าร้อนของเขา และร่วงหล่นลงไปในระลอกคลื่นความปรารถนานั้นในพริบตา
เขามองเห็นตัวเองในดวงตาของนาง ไม่มีความโกรธ มีเพียงความปรารถนา เป็นเช่นนี้เสมอมา
ขอเพียงเขาสัมผัสนาง ความโกรธเคืองทุกอย่างล้วนเปลี่ยนเป็นความต้องการ เขาเริ่มเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ จับจ้องเรือนร่างบิดเร่าของนาง สีหน้าเคลิบเคลิ้มแดงก่ำบนใบหน้านาง
แรกเริ่มเขาเพียงต้องการร่างกายนางเป็นค่าเล่าเรียนกระบี่ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าใบ้น้อยเมื่อปีนั้นจะส่งผลกระทบต่อเขาถึงเพียงนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นใส่ใจนางถึงเพียงนี้ ไม่เคยคิดเลยว่ายิ่งนานไปเขายิ่งไม่อาจพึงพอใจ ไม่ได้ต้องการเพียงร่างกายของนางเท่านั้น ยังต้องการหัวใจของนางด้วย
เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรหนอ เขาไม่รู้ จำได้แค่ครั้งแรกที่เขาพบว่านางร้องไห้ในความฝัน แต่เขากลับปลุกนางไม่ตื่น เขาไม่อาจทนได้ถึงเพียงนั้น ไม่สามารถทนเห็นนางดิ้นรนอยู่ในฝันร้ายเพียงลำพัง ไม่สามารถทนเห็นนางร่ำไห้โดยไร้เสียงได้
เขารู้สึกปวดหัวใจ
ยามได้ยินเสียงนางเป็นครั้งแรก เขาตกใจยิ่งนัก เพราะหากจะบอกว่าเป็นเสียงคน นั่นกลับเหมือนเสียงครวญครางแหบพร่าซึ่งเปล่งออกมาจากอกของสัตว์ตัวน้อยที่บาดเจ็บมากกว่า…