ยามนั้นเขาถึงรู้ว่านางมีเสียง นางไม่ได้เป็นใบ้ นางเพียงไม่พูดเท่านั้น
นางไม่ชอบเปล่งเสียง ถึงขนาดในยามที่พวกเขาสองคนมีสัมพันธ์กันก็ยังยอมกัดริมฝีปากล่างแต่ไม่ยอมเปล่งเสียง แต่เขากลับชอบฟังเสียงครางของนาง มักหาวิธีมาทำให้นางส่งเสียง ก็เหมือนเช่นยามนี้
เขาซุกหน้าลงในความอวบอิ่มตรงหน้าอกของนาง ใช้ปลายลิ้นไล้เล็มเชื่องช้า ละเลียดชิมรสชาติของนาง บีบให้นางต้องหยัดกายขึ้นรับเขา เขาถอนกายออกช้าๆ แล้วพลันฝังร่างลึกอย่างรุนแรงอีกครา
“อา…”
เสียงของนางเหมือนผ้าโปร่งบาง แต่เรือนร่างนุ่มนวลร้อนชื้นกลับเหมือนผ้าแพรต่วน
โม่เอ๋อร์ได้ยินตนเองหลุดเสียงครางออกมาก็กัดหัวไหล่เขาหยุดเสียงร้องราวกับเป็นการแก้แค้น เคืองที่เขาจงใจ
เขากลับคล้ายไม่เจ็บปวดอย่างไรอย่างนั้น เพียงลิ้มเลียใบหูนางเบาๆ หยอกเย้าตีตราบนร่างนาง ความแข็งแกร่งร้อนเร่าครอบครองเรือนร่างอ่อนโยนอุ่นร้อนของนางครั้งแล้วครั้งเล่า นำพานางไปยังจุดสูงสุด จนกระทั่งนางคลายลมหายใจ ลืมเลือนว่าควรระงับเสียงครางแหบพร่า…
ราตรีดึกสงัด ในบรรยากาศยังคงอบอวลไอหวาน
นางนอนอย่างสงบอยู่ในอกเขา จ้องมองรอยฟันบนหัวไหล่เขา ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เลียเลือดจางๆ ที่ซึมออกมาราวกับสัตว์ตัวน้อย
มองดูหัวเตียงมืดมิด เขากอดเอวนาง นิ้วโป้งลูบไล้ไฝแดงที่ข้างเอวของนาง
ศีรษะสวยหนุนอยู่บนอกเขา มือเล็กของนางลูบแผลเก่าเมื่อเนิ่นนานมาแล้วบนหน้าอกเขา
เขาคว้ามือน้อยนั้นเอ่ยว่า
“ผีพนันจางกับพี่เหวยยังรออยู่ด้านนอกเรือน” นางลูบเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องควบคุมตัวไม่อยู่กอดนางอีกครั้งแน่
โม่เอ๋อร์ตัวแข็งทื่อไป หยัดกายขึ้นมองเขาโดยพลัน ผ้าห่มแพรเลื่อนหลุดจากร่างนาง เผยผิวขาวกระจ่างออกมา
เห็นนางสีหน้าแปลกไป เขาถึงรู้ว่านางไม่อยากไปจากที่นี่
“เรื่องกู้หย่วนต๋าข้าจะจัดการเอง” ฉู่เฮิ่นเทียนลุกนั่ง ยื่นมือลูบแก้มของนาง ในน้ำเสียงแฝงด้วยความพ่ายแพ้และการเย้ยหยันอย่างยอมรับชะตา
นางเม้มปาก นัยน์ตาดำวาวจ้องมองเขาตรงๆ เนิ่นนานกว่าจะส่งเสียงแหบพร่าออกมา
“ข้าไม่ไป”
ดียิ่งนัก หญิงผู้นี้ยากนักกว่าจะพูดออกมา แต่พอเอ่ยปากกลับเพื่อต่อต้านเขา!
“ข้ามาแล้ว เจ้าชนะแล้ว เจ้ายังไม่พอใจอะไรอีก” ฉู่เฮิ่นเทียนสีหน้าทะมึน ความขุ่นข้องกลับมาอยู่ในดวงตาอีกครา
“เรื่องของข้า ข้าจะจัดการเอง” นางลูบลำคอเอ่ยเสียงเบา…แม้เสียงจะแหบและเบามากแต่กลับแน่วแน่
ฉู่เฮิ่นเทียนได้ยินปลายคางพลันเกร็งแน่น ตอบอย่างขึ้งเคียด
“ข้าจะไม่ให้เจ้าอยู่ที่นี่”
โม่เอ๋อร์มองดูใบหน้าฉุนเฉียวของเขา เอ่ยเสียงแหบพร่า
“ข้าไม่ใช่สิ่งที่ท่านตัดสินใจได้” นางหยุดไปครู่หนึ่ง เคลื่อนสายตาไปจากใบหน้าของเขามองไปยังเงาบนพื้น ถึงค่อยเอ่ยเรียบๆ อีกประโยค “ห้าวันให้หลังคือวันมงคลของข้า ข้าจะอยู่ที่นี่”
ฉู่เฮิ่นเทียนคล้ายคนที่ถูกเหยียบเท้าที่บาดเจ็บ ตัวแข็งเกร็งไปทั้งร่าง ไม่กล้าเชื่อว่านางคิดจะแต่งให้ผู้อื่นจริงๆ เดิมนึกว่าเป็นเพียงแผนการที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ยามนี้เขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากจะช่วยนางแก้แค้นแล้ว นางกลับไม่รับน้ำใจ?!
เพราะเหตุใด เพราะนางหลงใหลในอำนาจและความร่ำรวยของปราสาทเขากระบี่เทพ หรือเพราะชายหนุ่มในสวนเมื่อครู่คนนั้น เจ้าหน้าขาวที่เอาใจใส่ เกลี้ยกล่อมให้นางกินโจ๊กหวานคนนั้น?
ความหึงหวงกราดเกรี้ยวรุนแรงในอกแทบจะห้อทะยานออกไป จนถึงตอนนี้เขาถึงเพิ่งรู้ว่าตนถือสาเรื่องนี้เพียงไหน
นางเป็นของเขา ตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนเป็นของเขา! เขาจะไม่ให้ชายอื่นแตะต้องนาง ไม่ให้ผู้อื่นสัมผัสนางหรือแม้แต่มองเรือนร่างขาวกระจ่างของนาง เขาจะไม่ยอมให้นางนอนอยู่ในอ้อมอกชายอื่น เผยความอ่อนโยนของนาง เสียงครางแผ่วของนาง ความปรารถนาเร่าร้อนของนางเด็ดขาด!
เขาจะไม่ให้นางแต่งให้ผู้อื่น!
“ข้าจะฆ่าเขา” เขาหน้าตาอึมครึม เอ่ยเสียงเย็น
“เช่นนั้นข้าจะเกลียดท่าน” นางเงยสบสายตาเขา เน้นย้ำ “ข้าจะเกลียดท่านไปชั่วชีวิต”
นางจริงจัง เขารู้
มองดูท่าทางตั้งมั่นของนาง เขาก็กลืนศักดิ์ศรีของตนลงไป กัดฟันยื่นข้อเสนออย่างยอมถอยก้าวหนึ่ง
“อยากแก้แค้นยังมีวิธีอื่น!”
“วิธีนี้ไวที่สุด” โม่เอ๋อร์ยึดมั่นไม่ยอมวาง
เห็นความแน่วแน่ของนาง ฉู่เฮิ่นเทียนนึกถึงภาพที่เห็นนางกับชายผู้นั้นในสวนก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้อย่างไม่มีสาเหตุ นึกถึงคำพูดเปรียบเทียบระหว่างกู้อี้กับเขาของพี่เหวยและผีพนันจางวันนั้น…