นางต้องการแก้แค้นจริงๆ หรือว่าเพราะเบื่อหน่ายเขาแล้ว ต้องการชีวิตที่ร่ำรวย หรืออาจถึงขนาดรักเจ้าบัณฑิตอ่อนแอนั่นไปแล้ว? เพียงชั่วขณะเดียวความหึงหวงเดือดพล่านก็พุ่งขึ้นสมอง คำพูดทำร้ายจิตใจพลันหลุดโพล่งออกมาจากปาก…
“แก้แค้นไวที่สุดหรือปีนขึ้นเตียงเขาไวที่สุด”
นางอึ้งงันไปทั้งร่าง หน้าซีดเผือดในพริบตา เอ่ยเพียง
“นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของท่าน”
ใช่ ไม่ผิด ไม่ใช่เรื่องของเขาจริงๆ! แต่เหตุใดยามเขาได้ยินกลับเหมือนถูกนางฟันใส่หนึ่งดาบ เขาเร่งมาจากที่ห่างไกลเพื่อความปลอดภัยของนาง ทว่ากลับได้มาซึ่งประโยคนี้?
เขาอยากบีบคอนางให้ตายนัก ยิ่งอยากบังคับเอาตัวนางไป…เขาสามารถทำได้ แต่นางกลับจะเกลียดเขาชั่วชีวิต!
“เจ้ามันน่าตายนัก!” เขารู้สึกราวกับถูกคุมขังไว้ ด่าอย่างกราดเกรี้ยวราวกับสัตว์ป่าที่เดือดพล่าน
โม่เอ๋อร์หน้าซีดขาวยิ่ง เพียงจ้องมองเขาที่กำลังเดือดดาล ย้ำอีกครั้งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ใดๆ
“ห้าวันให้หลัง ข้าจะแต่งงาน”
เขาคว้าแขนนาง เส้นเลือดปูดบนหน้าผาก ขู่ตะคอกเสียงต่ำ
“อย่าทดสอบข้า!”
นางไม่เอ่ยปากอีก เพียงมองเขา
ฉู่เฮิ่นเทียนถลึงตาใส่นางอย่างโมโห ผ่านไปครู่ใหญ่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าแล้วหมุนตัวจากไปโดยไม่เอ่ยอะไร
เขาจะไม่ให้นางมาล้อเล่น! นางอยากอยู่ ได้! นางอยากแก้แค้น ได้! นางอยากแต่งให้ผู้อื่น ย่อมได้!
เขาจะไม่สนใจ เขาจะไม่สนใจอย่างน่าตายอีก!
ประตูเปิดออกแล้วปิดลง ทิ้งไว้เพียงลมหนาวบาดกระดูกระลอกหนึ่ง
โม่เอ๋อร์มองดูเงาหลังที่จากไปอย่างสิ้นเชิงของเขา ปวดหัวใจจนยากจะทานทน รู้ดีว่าด้วยนิสัยของเขา เมื่อจากไปครานี้ก็จะไม่ย้อนกลับมาอีก นางหอบหายใจเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ อยากระงับความเจ็บปวดในหน้าอก คาดไม่ถึงว่ามุมปากกลับหลุดเสียงร่ำไห้แหบพร่าออกมาเสียงหนึ่ง…
สองมือเล็กกุมลำคออีกครั้ง นางปิดปากแน่น หลับตาลง ทว่ายังคงหยุดเสียงร่ำไห้เสียดหูนั้นไม่ได้ นางซุกหน้าลงบนผ้าแพรเหนือเข่า ไม่อยากฟังเสียงสะอื้นบาดหูของตัวเอง นางไม่ชอบเสียงของตัวเองมาตลอด เสียงแหบพร่านั่นเสมือนเป็นการเตือนนางถึงค่ำคืนน่าหวาดหวั่นนั้นตลอดเวลา
เสียงของนาง คือตราประทับของคืนนั้น…
ที่ผิดแผนก็คือเขามาเร็วเกินไป
นางเดิมพันแพ้แล้ว แพ้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง…
ปลาห้าสีแหวกว่ายอยู่ในสระ ใบไม้ร่วงพลิ้วลง ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ
แน่นอน ที่นางทำเช่นนี้เพราะต้องการทดสอบ
ตั้งแต่ลงจากเรือมา นางรู้มาตลอดว่ามีคนติดตามนาง และรู้ว่าคนพวกนั้นคือลูกน้องของอาอ้วน ดังนั้นยามนางตัดสินใจเรื่องแผนการนี้ในโรงเตี๊ยม นางก็ตัดสินใจเดิมพันกับเขาครั้งหนึ่ง
เพราะวิชายุทธ์ของกู้หย่วนต๋าสูงเกินไป มีเพียงเวลากราบไหว้ฟ้าดินนางจึงจะได้เข้าใกล้เขา และมีเพียงเวลากราบไหว้ฟ้าดินที่เขาไม่ได้ระแวดระวังมากที่สุด แต่ต่อให้นางฆ่าเขาแล้วก็หนีไปจากปราสาทเขากระบี่เทพไม่ได้ นี่เป็นวิธีที่เข้ามาได้แต่ออกไปไม่ได้ แต่ก็เพราะเสี่ยงถึงเพียงนี้ จึงไม่มีใครคาดคิดว่านางจะจู่โจมยามกราบไหว้ฟ้าดิน
ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ นางล้วนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าเขาไม่มา นางก็แค่ตายเท่านั้น แต่ถ้าเขามาแล้ว จะต้องไม่ยอมให้นางตายอยู่ที่นี่ สิ่งที่นางเดิมพันก็คือจุดนี้ สิ่งที่นางทดสอบก็คือฐานะของนางในใจเขา
นางรู้ว่าข่าวจะต้องไปถึงบนเรือ แต่กลับไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือไม่ เดิมนึกว่าต่อให้เขารีบมาเพียงใดก็น่าจะมาถึงในวันแต่งงานพอดี คาดไม่ถึงว่าเขาจะมาเร็วถึงเพียงนี้
เขาไม่เข้าใจว่านางจำเป็นต้องกลบฝังความแค้นนี้ด้วยมือตัวเอง นางจำต้องสังหารศัตรูด้วยมือตัวเอง ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจหลุดพ้น
ใบไม้เหนือผิวน้ำจมลงไปแล้ว ในดวงตาของโม่เอ๋อร์เผยความรวดร้าวออกมา
เมื่อวานยามจากไปเขาโมโหถึงเพียงนั้น ดูท่านางคงไม่สามารถพบหน้าเขาได้อีกแล้ว
โม่เอ๋อร์หลับตาลงช้าๆ บางทีนางควรดีใจ ดีใจที่ก่อนตายยังสามารถเจอเขา
“คุณหนูโม่เอ๋อร์ ช่างจากโรงเย็บปักเจ็ดสีมาแล้วเจ้าค่ะ รอท่านไปลองชุดแต่งงานอยู่ที่ห้อง” สาวใช้คนหนึ่งอ้อมสวนมาหานางแล้วรีบเข้ามาเชิญ
โม่เอ๋อร์ลุกยืน เดินลงมาจากศาลารับลม สายลมพัดพลิ้ว พัดพาใบไม้สีเหลืองร่วงลงมาหลายใบ
นางยืนอยู่กลางสายลม มองดูใบไม้ร่วงที่หมุนวนกลางอากาศ เผยรอยยิ้มบางเศร้าสร้อย
ช่างเถอะ บางทีบุพเพของชาตินี้คงจบสิ้นแล้ว…