ตอนแรกนางนึกว่าตัวเองจะสามารถลืมเรื่องพวกนั้นได้ แสร้งทำเป็นว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่เมื่อผ่านไปแต่ละวันๆ ฝันร้ายนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่หายไป กลับยังแจ่มชัดเหมือนวันวาน
ทุกค่ำคืนนางล้วนได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมพวกนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าดังซ้ำอยู่ข้างหู ที่ตามมาก็คือเลือดแดงสดซึ่งทะลักออกมาจากคอของท่านพ่อ…
เมื่อในสมองปรากฏภาพสยองที่อกแหวกท้องขาด นางพลันพลิกตัวลงจากเตียง อาเจียนแห้งใส่กระโถนด้วยใบหน้าไร้สีเลือด
ไม่ง่ายกว่าความรู้สึกคลื่นเหียนนั้นจะผ่านไป นางได้แต่นั่งคุกเข่าบนพื้นหลั่งเหงื่อเย็น ยื่นมือสั่นเทากุมปากซีดขาวเอาไว้ ทว่าระหว่างกำลังใจลอยกลับมองเห็นสองมือตนเองเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นนางก็ระลึกได้ถึงความรู้สึกของกระบี่เยียบเย็นที่ถืออยู่ในมือ ระลึกได้ถึงความรู้สึกยามกระบี่ยาวฟันเข้าไปในเนื้อคน ระลึกได้ถึงเสียงกระดูกคนหัก ระลึกได้ถึงดวงตาที่คนพวกนั้นมองจ้องนางอย่างตื่นตระหนกหวาดกลัวก่อนตาย…นางถึงขนาดได้ยินเสียงเลือดไหลหลั่งออกมา รู้สึกได้ถึงหยดเลือดแดงสดที่กระเซ็นใส่ใบหน้า
นางอาเจียนแห้งอีกครั้ง ตอนที่นางเอนพิงข้างเสาเตียงในที่สุด ก็แทบแยกไม่ออกแล้วว่าน้ำบนใบหน้าคือเหงื่อ คือเลือด หรือเป็นน้ำตา
เป็นเหงื่อนั่นแหละ! ตั้งแต่คืนนั้นเมื่อหลายปีก่อน นางลืมไปนานแล้วว่าควรหลั่งน้ำตาอย่างไร
ในความมืด มือของนางสั่นเทา นางใช้มือซ้ายกุมข้อมือขวาที่กำลังสั่นอย่างรุนแรงไว้ แต่กลับหยุดอาการสั่นสะท้านนั้นไม่ได้ ได้แต่ใช้หลังมือที่สั่นเทาเช็ดของเหลวจากมุมปาก
วันแล้ววันเล่า สภาพเช่นนี้ทรมานนาง นางรู้สึกเพียงทั้งตัวจมลึกลงในบึงเลือดช้าๆ ในทุกราตรี ทุกครั้งที่ถึงยามดึกสงัด นางได้แต่ปล่อยให้มือไร้รูปร่างพวกนั้นคว้าจับตัวไว้ ดึงนางให้จมลึกลงไปทีละนิดๆ…
ไม่มีใครสามารถช่วยนางให้หลุดพ้น
บนหน้าผากหลั่งเหงื่อเย็น นางปิดตาที่แห้งผากลงอย่างเจ็บปวด หลายปีที่ผ่านมานางอยากร้องไห้แต่กลับร้องไม่ออก อยากร้องตะโกนแต่เสียงทั้งหมดกลับคาอยู่ที่คอ
ความเศร้าโศกคับแค้นพวกนั้นเหมือนน้ำหนักที่แบกรับไว้พันปี กดทับจนทั้งตัวนางหายใจไม่ออก
หลังจากใช้พละกำลังทั้งหมด ในที่สุดนางก็ไม่ตัวสั่นอีก พริบตาที่อาการสั่นเทาหยุดลงนางก็ลืมตาขึ้นโดยพลัน จ้องมองไปเบื้องหน้า รู้ว่าตนต้องทวงความยุติธรรมคืนให้คนพวกนั้น ตัดสินกับศัตรูคู่แค้นพวกนั้น ไม่เช่นนั้นฝันร้ายนี้ก็จะพัวพันนางไปตลอด ฉุดรั้งนางลงไปจนกระทั่งท่วมมิดศีรษะ
สายตาจับจ้องช่องลับทางซ้ายนิ่งๆ นางยื่นมือเปิดออก หยิบจดหมายที่ได้รับมาเมื่อตอนกลางวัน
นางถือจดหมายไว้แน่นพลางจ้องมองมัน ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ความโศกเศร้าหวาดหวั่นแต่เดิมเปลี่ยนเป็นความอาฆาตแค้น หลายปีมานี้นางไหว้วานคนสืบหาทั้งอย่างเปิดเผยและอย่างลับๆ มาตลอด และวันนี้นางก็หาตัวศัตรูพบแล้ว…
นางต้องแก้แค้น!
หมอกเลือดแดงสดปรากฏอีกครา นางกำหมัดแน่นอย่างเจ็บปวดเคียดแค้น…นางต้องแก้แค้น!
เป็นปณิธานนี้ที่ค้ำจุนนางให้ข้ามผ่านราตรีอันน่าหวาดหวั่นนับไม่ถ้วนพวกนั้น และเป็นปณิธานเดียวกันนี้ที่ทำให้นางจับกระบี่ขึ้นมา ฝึกซ้อมทั้งวันทั้งคืนจนมือขึ้นรอยด้าน ฝึกจนหนังเท้าถลอก บังคับตัวเองให้ฝึกมาแล้วสิบกว่าปี
ตอนนี้…ถึงเวลาแล้ว
ด้านนอกฝนยังตกอยู่ นางโงนเงนลุกขึ้น สูดหายใจลึกๆ สองสามครั้งแล้วเก็บเสื้อผ้าไม่กี่ชุดอย่างง่ายๆ นางหยิบเงินตำลึงไม่กี่ก้อนกับกระบี่อ่อนเล่มหนึ่งที่เขาให้ไว้เมื่อหลายปีก่อนขึ้นมา ก่อนก้าวออกไปจากประตูห้องนางกลับชะงักเท้ากลางคัน
นางก้มหน้าลงมองปลายเท้าของตน สับสนอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยกลับไปข้างเตียงเงียบๆ นิ่งมองเขา
นางรู้ว่าอันที่จริงเขาจะไม่ใส่ใจ การจากไปของนางสำหรับเขาแล้วไม่มีความเจ็บปวดใดๆ บางทีอาจจะดีใจด้วยซ้ำที่บนเรือลดตัวภาระเช่นนางไป สมมติว่าเขาจะโมโหเพราะเรื่องนี้ อาจเป็นแค่เพราะต่อไปไม่สามารถหาสตรีได้ง่ายๆ เช่นนั้นอีกก็เท่านั้น
แต่ว่า…ถ้านางยังมีอะไรให้อาลัยอาวรณ์ในโลกนี้ ก็ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
ปลายนิ้วซีดขาวไล้วาดไปตามใบหน้าเย็นชาของเขาโดยไม่รู้ตัว นางก้มตัวลงประทับจุมพิตบนริมฝีปากไร้น้ำใจของเขาอย่างไม่อาจตัดใจ ต่อให้เขาจะตั้งตนเป็นใหญ่ กำเริบเสิบสาน ทั้งยังเย็นชาถึงเพียงนั้น เขาก็ยังคงเป็นความอาลัยอาวรณ์หนึ่งเดียวของนาง
นางมองใบหน้ายามหลับของเขาพลางลุกขึ้นและเก็บมือ จากนั้นก็จากไปอย่างเงียบงันโดยไม่หันกลับมาอีก ไปจากที่หลบภัยที่นางอยู่มาสิบสี่ปีแห่งนี้ ไปจากเรือโจรสลัดลำนี้…