เขานิ่งงันไป กระบี่ยาวหยุดลง
‘เจ้าคือเทียนเอ๋อร์?’
จั้นเทียนเก็บถุงผ้าขึ้นมาและมองเห็นต่างหูมังกรสมุทรบนหูของชายหนุ่มตรงหน้า ต่างหูข้างนั้นเคยเป็นของเขา เขามอบให้สตรีผู้หนึ่ง สตรีผู้มีนามว่าฉู่เหลียน
‘เพราะเหตุใด’ ฉู่เฮิ่นเทียนกุมกระบี่แน่น ซักไซ้ด้วยเสียงเย็นชาอย่างเคียดแค้น ‘ในเมื่อท่านจากไปแล้ว เหตุใดยังเก็บถุงผ้าของท่านแม่ไว้’
จั้นเทียนมองดูคนหนุ่มที่น่าจะเป็นบุตรชายของเขา เอ่ยตอบช้าๆ
‘ข้าไม่ได้จากไป ผู้ที่จากไปคือนาง เพราะคนที่นางรักไม่ใช่ข้า’
‘ท่านพูดเหลวไหล!’ เขาตวาดเสียงดัง
‘ข้ากับแม่เจ้าเป็นสหายที่โตมาด้วยกัน นางกลับรักชายอีกคนตอนอายุสิบหกปี แต่คนผู้นั้นตายไปในสงคราม ดังนั้นเหลียนเอ๋อร์จึงแต่งให้ข้าตามการจัดการของที่บ้าน สองปีให้หลัง คนที่น่าจะตายไปแล้วผู้นั้นกลับหวนกลับมา’ จั้นเทียนหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ในแววตาปรากฏอารมณ์ยากอธิบายวูบหนึ่งถึงค่อยกล่าวต่อ ‘นางไม่อาจเลือกระหว่างเราสองคน เหลียนเอ๋อร์รู้สึกผิดต่อเขา และรู้สึกผิดต่อข้า ดังนั้นนางจึงจากไป’
ฉู่เฮิ่นเทียนสะท้านไปทั้งร่าง ถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยใบหน้าขาวซีด
‘ภายหลังข้าถึงได้รู้ว่านางตั้งครรภ์แล้ว ข้าหานางมาหลายปี ยามข้าหาหมู่บ้านที่พวกเจ้าเคยอาศัยอยู่พบ นางก็ตายไปแล้ว ในหมู่บ้านไม่มีใครรู้ว่าเจ้าไปที่ใด ข้ารู้ว่านางตั้งชื่อให้เจ้าว่าเฮิ่นเทียน ข้าไม่โทษที่นางเกลียดข้า’
ฉู่เฮิ่นเทียนก้าวถอยหลังอีกก้าวอย่างสะท้านสะเทือน พลันนึกถึงคำพูดของท่านแม่ยามเยาว์วัยขึ้นมาได้
‘ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงตั้งชื่อข้าว่าเฮิ่นเทียน’
‘เพราะว่า…บนโลกนี้มีเรื่องไม่เป็นธรรมมากเกินไป สวรรค์เบื้องบนอยุติธรรมต่อข้าเกินไปแล้ว…’
ยามเขารู้ว่าบิดาของตนคือจั้นเทียน เขาก็นึกมาตลอดว่าท่านแม่เกลียดท่านพ่อ ถึงได้ตั้งชื่อเช่นนี้ ยามนี้ถึงเพิ่งตระหนักว่าท่านแม่มิได้เกลียดท่านพ่อ เป็นเกลียดสวรรค์ต่างหาก เกลียดที่สวรรค์กลั่นแกล้งนาง ชิงชังสวรรค์ที่อยุติธรรมต่อนาง!
‘เพราะว่า…สวรรค์เบื้องบนอยุติธรรมต่อข้าเกินไปแล้ว…’
ในหูก้องสะท้อนด้วยคำพูดของมารดา ฉู่เฮิ่นเทียนหน้าซีดเผือดถอยหลังไปอีกก้าวอย่างห้ามไม่อยู่
หลายปีมานี้เขากำลังทำอะไรอยู่?!
เขามองชายที่ตนเกลียดมาตลอดหลายปีแล้วถอยไปอีกก้าวโดยไม่รู้ตัว
พริบตาต่อมา เขาพลันเก็บกระบี่และใช้วิชาตัวเบาหมุนตัวจากไป!
ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้ปล้นชิงเรือสินค้าสกุลจั้นอีก พเนจรอยู่บนทะเลตลอดปี เขาพาลูกน้องเดินทางไปยังหมู่เกาะบนทะเลตะวันออกเฉียงใต้ ท่องไปทั่วทุกหัวระแหง สามปีต่อมายามเขากลับมาถึงต้าถัง จั้นเทียนก็จากโลกนี้ไปแล้ว
เขากลับหมู่บ้านไปไหว้มารดา เพื่อนบ้านกลับนำของสิ่งหนึ่งมาให้เขา
นั่นเป็นจดหมายหนึ่งฉบับ กับหยกดำที่สลักเป็นมังกรหนึ่งชิ้น
เขาสามารถอาศัยหยกดำชิ้นนั้นไปสืบทอดมังกรสมุทรตระกูลจั้นได้ แต่เขาไม่ได้ทำ เพียงพกหยกดำชิ้นนั้นไว้ หลังกลับมาที่เรือ เขาเริ่มออกปล้นโจรสลัด ช่วยเก็บกวาดเส้นทางเดินทะเลให้ใสสะอาดเพื่อสกุลจั้น
เขาเคยไปดูจั้นชิง น้องสาวที่จะสืบทอดมังกรสมุทรตระกูลจั้นสองสามครั้ง นางดูแลกิจการของสกุลจั้นอย่างดี นางแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนทำให้เขาอยากแกล้งนาง แต่ก็แข็งแกร่งจนทำให้เขารู้สึกภาคภูมิอยู่หน่อยๆ เช่นกัน
ที่น่าหัวร่อก็คือในปีที่เขาพอนับได้ว่ากลับตัวกลับใจนั้น กลับถูกทางการดักซุ่มโจมตีบนฝั่ง จับตัวโจรสลัดชั่วที่ชื่อเสียงเลวร้ายอย่างเขาและขังไว้ในคุกเกือบหนึ่งปี
ในที่สุดพวกอาอ้วนและเหวยเจี้ยนซินก็ช่วยเขาออกมาได้ก่อนการประหารในฤดูใบไม้ร่วง แต่เพราะเขาอยู่ในคุกนานเกินไป จึงเกิดความหวาดกลัวต่อห้องเปล่าที่มืดทึบ…
จากนั้นเขาก็พบนางที่เกาะมังกรสมุทร
เป็นโม่เอ๋อร์ของเขาที่ทำให้เขาละความสนใจในยามค่ำคืนได้ เป็นเสียงฝึกกระบี่อย่างเงอะงะทุกคืนของโม่เอ๋อร์ของเขา ที่ทำให้เขารู้ชัดว่าตนเองสามารถผลักประตูออกไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องกลัวเกรงผนังที่ไม่อาจเคลื่อนไหวรอบด้าน
และเป็นนางที่ทำให้เขาอยู่ในห้องได้อย่างสงบ ไม่รู้สึกหายใจลำบากอีก
แต่ไรมาเขาไม่ยอมรับว่านางช่วยให้เขาผ่านวันเวลาที่หวาดกลัวความมืดพวกนั้นมาได้ แต่ความจริงก็คือเขาดีใจที่เจ้าใบ้น้อยคนนั้นมักกอดกระบี่ขึ้นสนิมมาเคาะห้องเขากลางดึก
เขารู้ว่านางจงใจเลือกช่วงเวลานั้น เพราะนางรู้ถึงความกลัวของเขาดี