บทที่ห้า
กระบี่ แป้งชาด ชุดแต่งงานสีแดง
นางม้วนผมยาวขึ้น พันกระบี่อ่อนไว้รอบเอว ริมฝีปากสีอ่อนแต้มชาด
สาวใช้เคาะประตูแล้วเข้ามาส่งชุดแต่งงาน ลำแขนเรียวของนางสวมชุดแต่งงานช้าๆ เริ่มจากหนึ่งชิ้น จากนั้นก็อีกหนึ่งชิ้น
นางสวมชุดแต่งงานแล้ว
ตาข่ายไข่มุก กำไลหยก ต่างหู สร้อยทอง แต่ละชิ้นถูกสวมลงบนลำคอ ข้อมือ และติ่งหูขาวผ่องของนาง
กระจกอยู่เบื้องหน้า
คนในกระจกมองกลับมาทางนาง…
แก้มขาวซีดไม่มีสีเลือด ดวงตาคมที่หลุบลงไม่มีประกายยินดีแม้แต่น้อย
ในห้องอบอวลกลิ่นหอม ห่างออกไปสามารถได้ยินเสียงเซ็งแซ่ของแขกที่โถงได้ เพราะนางบอกทุกคนว่าตนไร้ญาติมิตร จึงแต่งออกไปจากตรงนี้เลยตรงๆ
มองดูตนเองในกระจก นางสูดหายใจลึก จากนั้นก็ให้สาวใช้ช่วยนางสวมผ้าคลุมหน้า
ทุกอย่างเบื้องหน้ากลายเป็นสีแดงเลือด นางคล้ายเห็นผ้าปูโต๊ะที่ถูกเลือดของท่านแม่ไหลเปื้อนเป็นสีแดงอีกครา ตัวนางเกร็งแน่นไปหมด ลมหายใจเปลี่ยนเป็นกระชั้นอย่างอดไม่อยู่ นางสูดหายใจเข้าคำโต พยายามบังคับให้ตนเองสงบนิ่ง
ปีนั้นนางไม่กล้าเลิกผ้าปูโต๊ะออกไปดูหน้าศัตรู แต่วันนี้นางจะสะบัดผ้าแดงออกไปอย่างไม่ลังเล ยามม่านสีเลือดเลิกขึ้น นางจะล้างแค้น ส่งเดรัจฉานนั่นลงนรก
นางกำหมัดแน่น จ้องสีเลือดทั้งแถบตรงหน้า
แม้ว่าต้องแลกด้วยชีวิต นางก็ไม่เสียใจ!
เสียงกู่ร้อง เสียงฆ้องกลองดังก้อง
นายน้อยปราสาทเขากระบี่เทพแต่งงาน วันนี้ประตูเรือนจึงเปิดกว้างเป็นพิเศษ ทั้งในเรือนและด้านนอกตั้งโต๊ะรับแขกไว้หกร้อยตัว เชิญจอมยุทธ์มีชื่อเสียงในยุทธภพ ขุนนางท้องที่ รวมถึงผู้มีอำนาจแถบข้างเคียงและชาวบ้านทั่วไป
ในฐานะที่กู้หย่วนต๋าเป็นจอมยุทธ์ผู้กุมอำนาจในหลิ่งหนาน เมื่อวันนี้เขาแต่งลูกสะใภ้ คนที่รู้ความหน่อยย่อมต้องรีบมอบของขวัญชิ้นโต ฉวยโอกาสนี้ผูกสัมพันธ์กับปราสาทเขากระบี่เทพ ผู้คนในรอบรัศมีร้อยลี้ที่ควรมาล้วนมาแล้ว ที่ไม่ควรมาก็ยังมาชมความคึกคักไม่น้อย
อย่างไรก็เป็นงานมงคลนี่นา ขอเพียงไม่ก่อเรื่อง คนของปราสาทเขากระบี่เทพก็ไม่สร้างความลำบากใจให้
และเพราะเป็นเช่นนี้ ทั้งภายในและภายนอกปราสาทเขากระบี่เทพจึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ที่นั่งอยู่ข้างในแน่นอนว่าต้องเป็นคนใหญ่คนโตผู้มีอำนาจ ส่วนที่นั่งด้านนอกคือพ่อค้าและชาวบ้านที่ฐานะด้อยกว่า
คนมามาก ของขวัญอวยพรย่อมมีไม่น้อย เห็นเพียงของขวัญสีแดงวางเต็มสองฝั่งของโถงใหญ่ ถึงขนาดวางกองยาวไปถึงระเบียงด้านนอกด้วยซ้ำ
กู้หย่วนต๋าเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พึงพอใจอย่างถึงที่สุด
ยามเขาเดินเข้ามาในโถง รอบด้านก็บังเกิดเสียงแสดงความยินดีเซ็งแซ่
“ใต้เท้าผู้ตรวจการมาถึงแล้ว!” ที่ประตูมีเสียงดังมา ในน้ำเสียงแฝงด้วยความตื่นเต้น
“ท่านกู้ ขอแสดงความยินดีด้วย!”
กู้หย่วนต๋าเห็นขุนนางใหญ่มาก็รีบเข้าไปต้อนรับด้วยตัวเอง หัวเราะกล่าว
“ใต้เท้ามาด้วยตัวเอง ช่างเป็นเกียรติของผู้น้อยยิ่งนัก!”
“ท่านกู้ ท่านเกรงใจไปแล้ว” ใต้เท้าผู้ตรวจการประสานมือตอบ
เขาเพิ่งพาขุนนางผู้นี้ไปหน้าโต๊ะ ด้านนอกก็มีเสียงรายงานดังขึ้นอีก
“นักพรตหลัวจากสำนักเหิงซานมาถึงแล้ว!”
กู้หย่วนต๋าสีหน้ายินดี รีบกลับไปที่หน้าโถงก้าวเข้าไปต้อนรับ
“พี่กู้ ยินดีด้วยๆ” นักพรตหลัวคิ้วขาวหนวดยาว ผอมจนกระดูกโปนออกมา มือถือแส้หางม้าสีตุ่น ดูมีบรรยากาศของเซียนอยู่หลายส่วน
“ขอบคุณท่านนักพรตที่อวยพร”
ต่อมาก็มีขุนนางใหญ่โตรวมทั้งจอมยุทธ์ชื่อดังของยุทธภพมากันอีกไม่น้อย ทว่ามีเพียงนักพรตจากเหิงซานกับใต้เท้าผู้ตรวจการเท่านั้นที่จะเห็นกู้หย่วนต๋าสนทนาพาทีด้วยดี
ในโถงนี้ส่วนมากเป็นชาวยุทธ์มีชื่อในยุทธภพ เหวยเจี้ยนซินติดหนวดสองเส้นไว้เหนือริมฝีปาก ฉวยโอกาสที่คนเยอะแจ้งชื่อไปว่าเป็นหัวหน้าพรรคอัสนีแล้วปะปนเข้าไปด้วย ส่วนผีพนันจาง เพราะเดิมทีเขามีลักษณะเหมือนผู้อาวุโสในยุทธภพอยู่แล้ว จึงเดินตามคนข้างหน้าเข้าไปโดยไม่แจ้งแม้แต่ชื่อ และก้าวเข้าไปทั้งอย่างนั้น คนเฝ้าประตูยังนึกว่าเขากับคนข้างหน้าเป็นกลุ่มเดียวกันด้วยซ้ำ
แต่ว่าตำแหน่งนั่งของทั้งสองห่างจากโต๊ะประธานมาก เบียดแน่นอยู่ที่ข้างประตู อีกนิดเดียวก็จะถูกเบียดออกไปด้านนอกแล้ว ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ที่นั่งสองสามที่ด้านข้างก็ไม่ได้มีตำแหน่งฐานะอะไร อย่างมากก็เป็นพวกเจ้าสำนักหรือหัวหน้าพรรคเล็กๆ เท่านั้น และก็หมายความว่าคนส่วนใหญ่ล้วนไม่รู้จักกัน
“นี่ พี่ชาย เจ้าสาวเล่า เหตุใดไม่เห็นเลย” ผีพนันจางพอเข้าประตูมาก็มาอยู่ด้านหลังเหวยเจี้ยนซิน ถองใส่อีกฝ่ายที่กำลังแอบกินอาหารเรียกน้ำย่อยบนโต๊ะ แสร้งทำเป็นมองไปอีกด้านแล้วเอ่ยถาม
การถองศอกนี้ของผีพนันจางแทบจะทำให้เหวยเจี้ยนซินหน้าทิ่มลงไปในจานอาหาร เขารีบยันไว้แล้วหยิบไก่แช่เหล้าเข้าปากอีกชิ้นอย่างว่องไว ถึงค่อยยอมหันกลับมาพูด
“ขอล่ะ ยังไม่เริ่มพิธีเลยนะ เจ้าสาวย่อมยังไม่ออกมาอยู่แล้ว!”
“ชิ ที่แท้ยังไม่เริ่มพิธีหรอกหรือ ยังไม่เริ่มแล้วเจ้าหนูอย่างเจ้ากินทำไม ทำเอาข้าตกใจหมด นึกว่าพวกเรามาช้าไปแล้ว”
“เหอะ อาหารเรียกน้ำย่อยนี่ก็เพราะกลัวว่าทุกคนจะรอนานเกินไป ถึงได้ยกขึ้นโต๊ะมาก่อน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ไม่กินก็เสียเปล่าแย่” เหวยเจี้ยนซินกระดกมุมปาก เคี้ยวไก่แช่เหล้าอย่างเปี่ยมสุข เขาหันไปกวาดมองโดยรอบ แต่กลับหาร่องรอยหัวหน้าในโถงพิธีไม่เจอก็อดเอ่ยเสียงกระซิบไม่ได้ “ผีพนันเฒ่า ลูกพี่เล่า เหตุใดไม่เห็นเขา”