กู้หย่วนต๋าเห็นประกายกระบี่ในพริบตา ระหว่างที่กำลังตกตะลึงจึงได้แต่ฝืนทำลายเก้าอี้ด้านหลังแล้วถอยหลบอย่างลนลาน โม่เอ๋อร์ฟันกระบี่ยาวลงไป ยามใกล้จะฟันใส่หน้าโจรเฒ่ากู้ จอกสุราใบหนึ่งกลับพุ่งมาจากด้านข้าง กระทบตัวกระบี่ของนางดัง ‘เคร้ง’
จอกสีเขียวขาวมีสุราอยู่เต็ม จึงกระแทกกระบี่ยาวของโม่เอ๋อร์ออกไป ล่าช้าเพียงเท่านี้ ยามนางพลิกมือกลับจะฟันอีกครั้ง กู้อี้ที่ข้างกายนางก็ได้สติกลับมาแล้ว เขาพุ่งเข้าไปผลักโม่เอ๋อร์ออกแล้วขวางอยู่เบื้องหน้าบิดา
โม่เอ๋อร์พลิกกายกลางอากาศ เห็นผู้มาเป็นเขา สีหน้าก็เย็นเยียบ ใจแข็งฟันกระบี่เงินตามเข้าไป!
กู้อี้คล้ายไม่กล้าเชื่อว่านางจะทำเช่นนี้ ถึงกับเหม่อมองกระบี่ยาวฟันลงมาที่ศีรษะ…
ในระยะห่างอีกเพียงนิ้วมือเดียวกู้อี้ก็จะต้องสิ้นชีพ ณ ที่แห่งนี้แล้ว ทว่าในช่วงเวลาสำคัญนั้นกลับมีคนกระโดดเข้ามาขวาง เขาทะยานพลิ้วมาถึงด้านหลังโม่เอ๋อร์ มือข้างหนึ่งโอบเอวนาง อีกข้างจับข้อมือที่ถือกระบี่ของนาง เพียงพริบตาเดียวก็ควบคุมตัวนางได้อย่างง่ายดาย กู้หย่วนต๋าซึ่งอยู่ด้านหลังกู้อี้เห็นนางถูกจับตัวไว้แล้วก็ซัดฝ่ามือออกมาจากด้านหลังบุตรชาย หมายจะสังหารนางให้สิ้น!
คาดไม่ถึงว่าคนที่กุมตัวโม่เอ๋อร์ไว้กลางอากาศกลับปล่อยมือของนางแล้วพลิกมือมารับฝ่ามือของเขา
เสียง ‘ปึง’ ดังขึ้น กู้หย่วนต๋าถอยไปด้านหลังก้าวหนึ่ง กระอักออกมาเสียงหนัก คิ้วขมวดเลิกขึ้น
คนผู้นั้นกลับถือโอกาสนี้พาตัวโม่เอ๋อร์ถอยห่างออกมาครึ่งจั้ง แล้วลงยืนมั่นบนพื้นอย่างปลอดภัย
“ใต้เท้า ท่าน…” กู้หย่วนต๋าหน้าแดงก่ำ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดใต้เท้าผู้ตรวจการต้องปกป้องนางโจรไม่รู้ดีชั่วนั่นด้วย
โม่เอ๋อร์เองก็ไม่เข้าใจ นางหันมองคนที่หลังจากเก็บฝ่ามือแล้วก็จับกุมมือขวาของนางทันที ครั้นเงยมองก็สบเข้ากับนัยน์ตาดำเย็นยะเยือก นางรู้ว่าเป็นเขา ต่อให้นั่นเป็นใบหน้าที่ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย ทว่าดวงตาคู่นั้นเป็นของเขา นางรู้ดี
เพราะเหตุใด โม่เอ๋อร์ใช้สายตาถามเขาอย่างสั่นสะท้าน แต่มองเห็นเพียงความมืดมิดลึกล้ำในดวงตาเขาเท่านั้น
นางตกตะลึง ถึงกับไม่ดิ้นรนอีก
ฉู่เฮิ่นเทียนมองดูโม่เอ๋อร์แล้วส่งเสียงฮึเย็นชา ถึงค่อยเงยมองกู้หย่วนต๋า ยกริมฝีปากขึ้นกล่าวเย้ย
“ใต้เท้า? ข้าไม่กล้าเป็นหรอก” พูดจบเขาก็หัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็สะกิดเท้าพาตัวโม่เอ๋อร์ทะยานข้ามควันขาว ถอยออกไปนอกประตู
“อะไรนะ?!” กู้หย่วนต๋าตกตะลึง เพิ่งรู้เอายามนี้ว่าตนหลงกลเข้าแล้ว
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในเวลาชั่วลมหายใจเดียว ยามแขกในห้องที่เต็มไปด้วยควันขาวได้ยินเสียงของกู้หย่วนต๋า ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาก็เห็น ‘ใต้เท้าผู้ตรวจการ’ หนีบตัวเจ้าสาวจากไปต่อหน้าต่อตาอย่างว่องไว
คนนอกห้องล้วนไม่รู้ว่าภายในเกิดเรื่องใดขึ้น เห็นเพียงคนผู้หนึ่งพาตัวเจ้าสาวพุ่งออกมา พวกที่นึกว่ามีคนชิงตัวเจ้าสาวก็อาศัยวิชายุทธ์ของตนเข้าสกัดขวาง ฉู่เฮิ่นเทียนกระทั่งสู้ยังคร้านจะสู้ เพียงพาโม่เอ๋อร์ทะยานสูงขึ้นไปอีกหลายชุ่น จากนั้นก็เหยียบลงบนศีรษะคนพวกนั้นยืมแรงส่งพุ่งออกไปจากปราสาทเขากระบี่เทพ
คนที่มีฝีมือหน่อยสองสามคนไล่ตามไปทันที คาดไม่ถึงว่าคนที่เร็วที่สุดกลับไม่ใช่กู้หย่วนต๋า แต่เป็นกู้อี้ที่หน้าซีดขาวจนน่าตกใจ
กู้อี้เพิ่งไล่ตามออกมาจากห้องโถงใหญ่ก็ถูกผีพนันเฒ่าที่ข้างประตูขวางไว้
ผีพนันเฒ่าประมือกับเจ้าหน้าขาวคนนี้สองกระบวนท่า หางตาเหลือบเห็นว่าเหวยเจี้ยนซินประจำที่เรียบร้อยแล้ว จุดกลักไฟแล้ว ก็พลันหัวเราะเสียงดัง
“ฮี่ๆ เจ้าหน้าขาว ท่านปู่เจ้าอย่างข้าไม่เล่นด้วยแล้ว”
พอเขายิ้มยิงฟันเหลืองและซัดฝ่ามือหนึ่งใส่กู้อี้แล้วก็พลิกตัวไปด้านหลังไล่ตามลูกพี่ไป
“โม่เอ๋อร์!” กู้อี้ร้องตะโกน ไล่ตามไปเบื้องหน้าต่อ ด้านหลังมีคนในยุทธภพตามติดมาเป็นพรวน
เวลานี้เองประตูใหญ่ปราสาทเขากระบี่เทพพลันเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ประตูใหญ่ยักษ์สูงตระหง่านบานนั้นก็ถูกระเบิดลอยขึ้นฟ้าดังตูมตามต่อหน้าต่อตาทุกคน จากนั้นก็ร่วงลงมาลุกไหม้บนพื้น พาให้เกิดควันโขมงเต็มฟ้า
เพราะไม่เคยเจอพลังทำลายรุนแรงถึงเพียงนี้มาก่อน ทุกคนจึงหวาดผวานิ่งงันอยู่กับที่
เวลาเดียวกันนั้นในปราสาทเขากระบี่เทพดันมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมาพร้อมกันสิบจุดและเผาไหม้อย่างรวดเร็ว
ต่อให้ยามนี้กู้อี้อยากข้ามประตูไล่ตามไปแค่ไหน ฉู่เฮิ่นเทียนกับโม่เอ๋อร์ก็จากไปไกลแล้ว แม้แต่ชายเสื้อของผีพนันเฒ่าก็ไม่เห็นแล้ว
ทุกคนด้านหลังรีบดับไฟ กู้อี้ยืนนิ่งงันอยู่นอกประตูที่กำลังมีไฟลุก มองไปไกลๆ อย่างเลื่อนลอย…
เหวยเจี้ยนซินที่เหนือริมฝีปากยังติดหนวดสองเส้นปะปนไปกับพวกชาวบ้านที่ถูกไฟทำให้ตื่นตระหนก หนีออกมาได้อย่างง่ายดาย
ก่อนจากไปเขาเห็นกู้อี้ยังเหม่อมองไปไกลๆ ก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ เฮ้อ ใครใช้ให้เขาไม่รักคนอื่น ดันไปรักสตรีของลูกพี่เล่า
ต้องบอกว่าต่างคนต่างมีชะตาชีวิตของตัวเอง!
เหวยเจี้ยนซินไหวไหล่ ลูบหนวดเหนือริมฝีปากแล้วหมุนตัวไปสมทบกับลูกพี่