นับแต่นั้นเขาก็จะทำสีหน้าโอบอ้อมอารีกับเจ้าหนูนี่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น ลับหลังก็จะระบายความโกรธทุกอย่างกับร่างเจ้าเด็กนี่!
ถ้าไม่ใช่เพราะต่อมาเขาได้ข่าวว่าสกุลเหรินยังมีบุตรสาวอีกคน การเก็บเจ้าเด็กนี่ไว้ยังพอมีประโยชน์อยู่ เขาคงฆ่ามันทิ้งไปตั้งนานแล้ว!
แส้โบยตีลงมาอย่างหนักอีกครั้ง หน้าอกกู้อี้มีเลือดซึมออกมานานแล้ว เขาเข่าอ่อนแทบยืนไม่มั่น แต่พริบตาสุดท้ายกลับหยัดเอวตรงขึ้นมาใหม่อีกครา
เห็นท่าทางอดสูของเด็กนี่แล้ว กู้หย่วนต๋าพลันคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง เขาหยุดโบยแล้วยื่นมือบีบคอกู้อี้ แก้มกระตุก หรี่ตาลง บังคับให้เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วถามเสียงเหี้ยม
“พูดมา! หญิงผู้นั้นเป็นเจ้าสั่งมาใช่หรือไม่”
“มะ…ไม่ใช่…” กู้อี้เปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากจากคอที่ถูกบีบแน่น ใบหน้าซีดขาวขึ้นสีแดงเพราะถูกบีบคอ
กู้หย่วนต๋ามองเขาอย่างเยียบเย็น ครู่ใหญ่ถึงคลายมือออก กล่าวเสียงเย็นชา
“ให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วกัน อย่าลืมล่ะ ข้าให้เจ้ามีชีวิตได้ ก็ทำให้เจ้าตายได้เช่นกัน เจ้าเป็นนายน้อยของเจ้าต่อไปดีๆ ก็สามารถอยู่อย่างสุขสบายได้แล้ว ทางที่ดีอย่าได้คิดตุกติกอะไรทั้งนั้น!” พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อจากไป
กู้อี้มือหนึ่งกุมคอ อีกมือยันพื้น คุกเข่าไออย่างเอาเป็นเอาตายบนพื้น ไม่ง่ายกว่าจะกลับมาหายใจได้คล่อง เลือดบนไหล่ไหลรินมาตามแขนขาวจนมาถึงหลังมือเขา
เขามองดูเลือดตัวเอง นัยน์ตาทึบทึม จู่ๆ ก็ส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ อย่างเจ็บปวด
เฮอะ สมควรดูแลนางอะไรกัน แม้แต่ตัวเองยังดูแลไม่ได้เลย
เขาคิดจะลุกขึ้น แต่รอยแส้บนหลังกลับปวดเสียจนทำให้เขาไม่อาจยืนตรงได้ เขาต้องพยายามอย่างหนักกว่าจะไปนั่งบนเก้าอี้ได้
บางทีนี่คงเป็นกรรมตามสนอง…เขาหวังให้นางรั้งอยู่มากเกินไป ดังนั้นถึงได้เลือกเมินเฉยต่อสัญญาณเตือนในใจ รู้ทั้งรู้ว่าความจริงตนไม่สามารถปกป้องนางได้ กลับยังเลือกโกหกตัวเองว่าจะปกป้องนางภายใต้น้ำมือท่านพ่อ
ท่านพ่อ?
คนผู้นั้น…ยังเป็นท่านพ่อของข้าอยู่หรือ
กู้อี้มองร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลแล้วเอ่ยถามตัวเอง ก่อนอายุสิบสาม ชายที่มีเมตตาปรานีคนนั้นไปอยู่ที่ใดแล้ว
แรกเริ่มเขานึกว่าเป็นตัวเองทำอะไรผิดไป ทำให้ท่านพ่อไม่พอใจ แต่เมื่อการลงโทษรุนแรงขึ้นทุกครั้ง ยามเขาพบว่าท่านพ่อปฏิบัติต่อเขาแตกต่างกันอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าและลับหลังคนอื่น เขาก็ไม่เข้าใจอะไรแล้ว ได้แต่พยายามหลบเลี่ยงชายที่เหมือนอสูรร้ายคนนั้น แต่ไม่ว่าเขาจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวขนาดไหน ก็มักหนีการโบยตีทุกสามวันห้าวันไม่พ้น
เพราะเขาถูกโบยตีหลายครั้งทำให้ล้มป่วยอยู่บนเตียงบ่อยๆ ต่อให้เรียนวิชายุทธ์ตั้งแต่เด็ก แต่ร่างกายเขาก็ยังอ่อนแอเพราะเหตุนี้ แม้ว่าเขาจะไปหาหมอมีชื่อมาไม่น้อย กินยาเทียบดังๆ มากมาย แต่ทุกครั้งที่ร่างกายเขาดีขึ้นมาหน่อยก็จะต้องถูกโบยอีกรอบเสมอ
ในปราสาทเขามีคนที่รับรู้เพียงไม่กี่คน แม้เขาจะสวมชุดแพรหรูหรา แต่ร่างกายใต้เสื้อผ้ากลับมีรอยแผลอยู่ตลอด
เขาทั้งสับสนทั้งอ่อนล้า คนผู้นั้นเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขา เป็นบิดาของเขา เขาบอกตัวเองไม่ให้เกลียดอีกฝ่าย แต่ทว่าวันนี้ยามเขาเห็นโม่เอ๋อร์แทงกระบี่จู่โจมคนผู้นั้น ในใจกลับมีความฮึกเหิมสายหนึ่ง รู้สึกว่า…หนีรอดภัยร้ายแล้ว? เขาควรรู้สึกละอายต่อความคิดต้องการสังหารบิดาพรรค์นี้ แต่กระทั่งตอนนี้ที่ย้อนคิดกลับไป เขาก็ยังไม่มีความละอายเลยแม้แต่น้อย
หลายปีมานี้เขาก็เคยคิดหนี แต่ทุกครั้งที่ออกจากบ้านจะต้องมีคนติดตามหน้าหลัง ยิ่งกว่านั้นเพราะเขาป่วยเรื้อรัง ทุกวันต้องกินยาตามกำหนด และในสมุนไพรสิบกว่าชนิดนั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ ‘หญ้าหงส์ฟ้า’ แต่สมุนไพรชนิดนี้กลับมีแต่ในปราสาทเขากระบี่เทพเท่านั้น
เขาไม่กินหนึ่งวัน หน้าอกก็จะเจ็บปวดจนทนไม่ไหว สามปีก่อนเขาเคยหนีไปครั้งหนึ่ง แต่ในวันที่ห้ากลับสลบไปเพราะไม่ได้กินยา และถูกคนของปราสาทเขากระบี่เทพหาตัวเจอ
ตั้งแต่นั้นเขาก็ล้มเลิกความคิดจะหนี
เขาหยิบผ้าบนโต๊ะขึ้นมา อดทนเช็ดรอยเลือดบนร่างตัวเอง
นอกหน้าต่างฝนตกแล้ว…
เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นดอกชาในสวนถูกฝนตกใส่ คิดถึงโม่เอ๋อร์ที่มักชอบมองดูดอกชาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
โม่เอ๋อร์…แม่นางที่เงียบเชียบคนนั้น คิดไม่ถึงว่านางจะมีวิชายุทธ์ที่เยี่ยมยอด
อยากแต่งงานกับนาง จะมากจะน้อยก็มีความเห็นแก่ตัว เพราะขอเพียงนางอยู่ข้างกาย เขาก็จะรู้สึกคุ้นเคยและวางใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงขนาดลืมการโบยตีบ่อยครั้งของท่านพ่อได้ชั่วขณะ
แต่ว่าเขาอยากดูแลนางจากใจจริง มักรู้สึกว่านางกับเขามีความเกี่ยวโยงที่ไร้รูปร่างบางอย่าง…
กู้อี้หยักมุมปากเย้ยหยันตัวเอง ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริงแล้วอย่างไรเล่า
นางไปแล้วก็ดี เขาหนีไม่ได้แล้ว เหตุใดต้องให้นางมารับความทุกข์อยู่ที่นี่ด้วยกัน
เขาเพียงหวังว่าหลังจากนางถูกคนผู้นั้นพาตัวไปแล้วจะไม่เกิดเรื่องใดขึ้น…