เพราะเหตุใด ทำไมต้องขัดขวางการแก้แค้นของนาง เหตุใดต้องช่วยศัตรูของนาง ไม่ง่ายกว่านางจะได้ล้างหนี้เลือดนะ! ทำไม…
ความโกรธเกรี้ยวกลายเป็นพลัง ทะลวงทำลายการสกัดจุด แม้จะคลายจุดได้แล้วแต่นางกลับไม่ขยับ เพียงจ้องเขาดังเดิม มือกำเป็นหมัด เอ่ยถามเสียงแหบแห้งอย่างมีโทสะ
“ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นศัตรูของข้า”
เขายังคงมองชาที่เย็นชืดในมือ เมื่อแหงนหน้าดื่มมันลงไปแล้วถึงค่อยตอบเรียบๆ
“รู้”
นางได้ยินก็พลันยืนขึ้นอย่างโมโห หน้าขาวซีดถามต่ออีก
“ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาสังหารครอบครัวข้าทั้งหมดสิบสามชีวิต”
“รู้” เขารินชาอีกถ้วยด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ท่านรู้หรือไม่ว่าสิบกว่าปีมานี้ข้าเรียนวิชากระบี่กับท่านเพื่ออะไร” นางก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ซักไซ้อีกอย่างฉุนเฉียว บนใบหน้าขาวกระจ่างนอกจากริมฝีปากสีแดงแล้วก็ไม่มีสีอื่นใดอีก
ฉู่เฮิ่นเทียนปลายคางขึงเกร็ง มือที่กุมถ้วยอยู่บีบแน่นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
เขาย่อมรู้ว่านางทำเพื่ออะไร นางทำก็เพื่อแก้แค้น เพื่อทวงความยุติธรรมจากกู้หย่วนต๋านั่น แต่เขาไม่สามารถให้นางฆ่าคนอีก ต่อให้การทำเช่นนี้จะทำให้นางเกลียดเขาก็ตาม
เขาไม่ได้เอ่ยปาก ไม่ได้พยักหน้า แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว พอให้นางรู้ว่าเขาตั้งใจ ตั้งใจทำลายแผนการของนาง ตั้งใจไม่ให้นางล้างแค้น!
โม่เอ๋อร์ตาแดง ความโกรธปะทุออกมาจากอก นางกำหมัดแน่นถามอย่างเดือดดาล
“ในเมื่อท่านรู้ แล้วทำไมต้องทำกับข้าเช่นนี้”
เขานิ่งมองถ้วยชาในมือ ครู่ใหญ่กว่าจะเงยหน้ามองนาง ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่ทำไม”
ไม่ทำไม? ไม่ทำไม! ไม่ทำไม?!
โม่เอ๋อร์มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ ส่ายหน้าตัวสั่น พูดงึมงำด้วยเสียงแหบพร่า
“ข้าเห็น…เห็นท่านพ่อถูกคนฟันตายตรงหน้ากับตา ท่านแม่…ถูกคนแหวกอกผ่าท้องเหนือหัวข้า…” นางพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด สองตาเบิกโต ตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง นางพูดพลางเดินมาทางเขาทีละก้าวๆ เสียงที่แหบพร่าเปลี่ยนเป็นสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “สิบกว่าปีมานี้ ทุกวันข้าล้วนฝันถึงคืนนั้น ในฝันมือของข้า ร่างของข้าจมอยู่ในเลือดพวกเขา ในหูยังคงได้ยินเสียงกรีดร้องน่าสังเวชของพวกเขา ท่านรู้หรือไม่ ทั้งร่างของข้าล้วนเป็นเลือดของพวกเขา ทั้งร่าง!” นางแบสองมือออก ราวกับว่าบนมือนั้นยังเปรอะเปื้อนเลือดของบุพการี
นางส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ ถามเสียงเบาอย่างทุกข์ตรม “ในตอนที่ข้าสามารถล้างแค้นให้พวกเขาได้ในที่สุด ท่านกลับช่วยเดรัจฉานนั่น ขัดขวางข้า แล้วท่านยังบอกว่า ‘ไม่ทำไม’ อีกหรือ”
ได้ยินสิ่งที่นางประสบมา ฉู่เฮิ่นเทียนก็หัวใจหดรัด ทว่ากลับไม่อาจเอ่ยอะไรได้ ทำได้แค่นิ่งเงียบ
“ท่านทำได้อย่างไร ทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร?!” ความไม่พอใจทั้งหมดปะทุออกมาในยามนี้ โม่เอ๋อร์ตะโกนเสียงแหบออกมาเบื้องหน้าเขา มือขวาโบกออกไปโดยพลัน เขากันเอาไว้ได้ คล้ายคาดเดาไว้ล่วงหน้า นางไม่ยอม มือซ้ายเพิ่งปล่อยหมัดออกไป แต่กลับถูกเขารับเอาไว้อีกครั้ง นางเตะขาอีกก็ถูกเขาหลบพ้น พอถองศอกใส่เขาก็หดเอวไปก่อน
นางโจมตีเขาไม่หยุดยั้ง แต่ถูกเขาสกัดกั้นไปจนหมด จนกระทั่งสองมือของเขาจับมือนางที่ซัดกระบวนท่าออกมา
“ปล่อยข้า!” นางกรีดร้อง เท้าถีบไปที่เป้ากางเกงเขา
ฉู่เฮิ่นเทียนขมวดคิ้ว นิ้วมือหนึ่งจี้ลงบนจุดชีพจรที่เอวนาง นางพลันขาอ่อนยวบล้มลงไปกับพื้นทั้งตัว เขาโอบรับนางแล้วอุ้มขึ้นมาบนขา
“ท่านปล่อยมือ! ปล่อยมือ!” นางตะโกนใส่เขา ร่างครึ่งบนที่ยังขยับได้อยู่ดิ้นรนไม่หยุด ในดวงตาล้วนเต็มไปด้วยเพลิงโกรธ “ฉู่เฮิ่นเทียน ข้าเกลียดท่าน! ข้าเกลียดท่าน…”
เขาพลันหน้าตึง แต่ยังคงจับกุมมือนางไว้แน่น
เห็นเขาไม่ยอมปล่อย โม่เอ๋อร์ก็พุ่งเข้าไปกัดคอเขาโดยพลันราวกับเสียสติไปแล้ว…