ยามโม่เอ๋อร์ตื่น เขาก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว
นางควรเกลียดเขา…นางลุกนั่งบนเตียง อยากบอกตัวเองให้เกลียดเขา แต่นางจนปัญญา เพราะแม้เขาจะทำลายโอกาสล้างแค้นของนาง ถึงขนาดช่วยศัตรูของนาง แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ช่วยนางไว้ด้วย
แต่ไรมาเขาไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น นางรู้ดี เขามาเพื่อนาง…ถึงแม้นางจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงไม่ให้นางแก้แค้นก็ตาม
เครื่องประทินโฉมบนหน้าถูกน้ำตาซึ่งไหลพรากเมื่อคืนนี้ทำเอาลายพร้อยแล้ว มองดูสีชาดที่เปื้อนบนมือ นางรู้ว่าใบหน้าตนในยามนี้จะต้องน่ากลัวเป็นอย่างมากแน่
โม่เอ๋อร์ก้าวลงจากเตียง ในสมองว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด สิ่งเดียวที่รู้คือการแก้แค้นของนางล้มเหลวแล้ว และนางร้องไห้จนชะล้างเครื่องประทินโฉมเป็นทาง นางต้องล้างหน้าลายพร้อยนี้ให้สะอาด
ในห้องไม่มีอ่างน้ำ ดังนั้นนางจึงเดินออกไปด้านนอก เดินตามเสียงน้ำไปและหาบ่อน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลพบ มันหาไม่ยาก เพราะเสียงน้ำดังมาก
ที่นางคาดไม่ถึงก็คือเขากำลังเปลือยกายอาบน้ำอยู่ในบ่อน้ำตก
น้ำตกที่ไหลร่วงลงบ่อกระเซ็นเป็นวงกว้าง เขาหันหลังให้นาง ยืนอยู่ในบ่อน้ำที่สูงเพียงเอวของเขา เส้นผมที่ทั้งดำทั้งตรงของเขาเปียกไปนานแล้ว แผ่สยายเหยียดตรงอยู่บนหลังเขา หยดน้ำบนผมและบนร่างสะท้อนแสงยามอรุณรุ่งวิบวับ
นางชะงักฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว กลั้นหายใจมองเขาอยู่ใต้ต้นไม้อย่างนิ่งสงบ
แผ่นหลังแข็งแกร่งสูงใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยแผลเป็นเล็กใหญ่ รอยแผลซีดจางพวกนั้นเมื่อมาอยู่บนผิวคล้ำเข้มของเขาแล้วดูสะดุดตาเป็นพิเศษ ผิวเขาดำมาก ไม่เหมือนกับนางสักนิด เพราะทุกครั้งที่นางตากแดดนานๆ ก็จะเริ่มผิวลอก หลังจากทนความเจ็บปวดสองสามวันก็จะขึ้นชั้นผิวขาวกระจ่างใหม่
จู่ๆ นางก็นึกถึงฤดูร้อนในปีที่นางกลายเป็นสตรีของเขา นางตากแดดจนผิวไหม้ เจ็บจนไม่สามารถให้เขาสัมผัสได้ ต่อให้เป็นการสัมผัสเบาๆ ก็ยังทำให้นางเจ็บจนทนไม่ไหว เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก…
‘เป็นอะไร’ ในห้องโดยสารที่แสงไม่เพียงพอ ยามฉู่เฮิ่นเทียนพบว่าโม่เอ๋อร์เลี่ยงสัมผัสของเขาก็เลิกคิ้วขึ้นมา
นางส่ายหน้า
เขายื่นมือไปจับแขนนางอีก ดึงนางมาหน้าเตียง ครั้งนี้นางไม่หลบ ทว่าบนใบหน้ากลับปรากฏความเจ็บปวด
ฉู่เฮิ่นเทียนงุนงง เขาไม่ได้ออกแรงมากมาย นางกลับคล้ายถูกเขาจับจนปวด เขาก้มมองดูตามจิตใต้สำนึกถึงเพิ่งเห็นว่ามือนางแดงจนน่าตกใจ
‘เกิดอะไรขึ้น?!’ เขาตกตะลึง เงยหน้ามองนาง ครั้งนี้ถึงมองเห็นได้ชัดผ่านตะเกียงน้ำมันว่าใบหน้านางก็แดงอย่างเด่นชัดเช่นกัน เขายื่นมือออกไปจะแตะใบหน้า นางกลับหลบออกตามสัญชาตญาณ
‘เกิดอะไรขึ้นกับหน้าเจ้า’ เขาขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด รู้ว่านางจะเจ็บถึงได้เก็บมือกลับมา
นางก้มหน้างุด
‘สมควรตาย เจ้าผิวไหม้หรือ’ เขาสังเกตผิวแดงของนางอีกครั้ง หลุดเสียงด่าไม่พอใจออกมาแล้วพลันลุกขึ้นเปิดประตูห้อง ตะโกนอยู่บนทางเดินประโยคหนึ่ง ‘หลันเซิง!’
ไม่ทันไรหลันเซิงก็ค่อยๆ เปิดประตูอีกบานหนึ่งออกมา ‘เกิดอะไรขึ้น’
‘เอายาทาผิวไหม้ออกมา!’ เขาตะคอกจบก็เดินกลับเข้ามาข้างเตียง
หลันเซิงกลับเข้าไปในห้อง ครู่เดียวก็นำยามาที่ห้องของลูกพี่คล้ายกับว่าเตรียมไว้พร้อมอยู่แล้ว เขาเดินตรงไปข้างโม่เอ๋อร์ มองดูระดับที่ถูกแดดเผาของนาง จากนั้นก็เปิดตลับยาขี้ผึ้งออกเตรียมทายาให้นาง
‘เจ้าทำอะไร?!’ เสียงตะคอกดังขึ้น หลันเซิงพบว่ามือของตนไม่ได้แตะโดนโม่เอ๋อร์ แต่กลับถูกลูกพี่คว้าไว้
‘ทายาให้นาง’ เขาตอบอย่างจริงจัง เมินสายตาเดือดจัดคู่นั้นของอีกฝ่าย
ฉู่เฮิ่นเทียนแย่งตลับยามาจากมือเขา เอ่ยเสียงเย็น
‘นางจะทาเอง’
‘ลูกพี่ ทุกปีโม่เอ๋อร์จะถูกแดดเผา ตอนนี้แค่เสื้อผ้าบนร่างเสียดสีก็ทำให้นางเจ็บแล้ว ไม่มีปัญญายื่นมือทาบริเวณที่ถูกแดดเผาด้านหลังหรอก’ หลันเซิงเพียงยืนนิ่งเอ่ยปากอยู่กับที่ ‘นางต้องให้คนอื่นช่วย’
ทุกปี? เหตุใดข้าไม่รู้ เพราะข้าไม่เคยสังเกตมาก่อนหรือ